16 ก.ย. 2020 เวลา 00:30 • ปรัชญา
๑๓. ข้อพินิจต่อสุนทรียภาพและศิลปะ (บทคัดย่อที่ ๑๓-๒๓)
ต่อความหมายของคำว่าสุนทรียภาพนั้นก็ยังเป็นปัญหาอยู่เช่นเดียวกับความหมายของคำที่บ่งถึงความรู้สึกอันเป็นนามธรรมอื่น ๆ ความงามเป็นสิ่งที่มีอยู่หรือว่าไม่มีอยู่อย่างไร และจำเป็นเพียงใดที่มนุษย์จะต้องข้องเกี่ยวกับสุนทรียภาพ
ความสำคัญของการค้นหาความหมายน่าจะเป็นรองต่อความจริงที่มนุษย์ได้เข้าไปพัวพันในมโนคตินั้น ๆ ไม่ว่าจะมีอยู่หรือไม่มีอยู่จนส่งผลสืบเนื่องต่อพฤติกรรมของมนุษย์เอง
ความงามมีอยู่แล้วตามสภาวธรรมก่อนหน้าที่ดวงจิตจะเข้าไปรับรู้หรือว่ามันเป็นเพียงผลของการรับรู้อันผ่องแผ้วของดวงจิต มันเป็นเหตุหรือว่ามันเป็นเพียงผล ความงามมีอยู่นอกเหนือความรับรู้ หรือเป็นเพียงการปรุงแต่งพิเศษในคลองแห่งอินทรีย์ประสาท
การเคลื่อนไหวทางสุนทรีย์ประสาทนั้นเป็นอุปนิสัยของสิ่งมีชีวิตในการดำรงอยู่ หรือว่าเป็นเพียงอุปาทานไขว่คว้าทางมโนคติที่ถ่ายทอดกันจากอนุชนรุ่นหนึ่งสู่อนุชนอีกรุ่นหนึ่ง
คำถามเหล่านี้บอกเราถึงความละเอียดอ่อนและยุ่งยากทางปรัชญาเชิงวิเคราะห์ แต่ถ้าหากเรามองการสร้างสรรค์ศิลปะและรักความงามในเชิงพฤติกรรมแล้ว เราจะพบว่ามนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์มีการแสดงออกของอารมณ์รู้สึกภายในสนองตอบต่อความเชื่อของเขา และรูปแบบของการแสดงออกนั้นได้พัฒนาไปตามลำดับของการเปลี่ยนแปลงภายใต้เงื่อนไขของกาละและเทศะ
การแสดงออกนั้นได้ประมวลเอาความสงสัยในความลี้ลับ พิศวง ความเชื่อและความขัดแย้งทางมโนคติ และมนต์เสน่ห์ของภูมิภาค อันก่อกำเนิดเป็นแบบอย่าง (Style) ทางศิลปวัฒนธรรมตามลำดับแห่งวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการเป็นการเปิดเผยดุจเดียวกับการเดินทางและการลุถึงถิ่นใหม่ของบุคคล ผิดกันแต่การเดินทางของบุคคลนั้นเขาผู้นั้นเป็นผู้เดินทางผ่านระยะทางและเวลา ผ่านสิ่งต่าง ๆเข้าไปในถิ่นใหม่มีผู้เดินทางและถิ่นใหม่ที่ให้ผู้เดินทางบรรลุถึง
ส่วนวิวัฒนาการนั้นเป็นการเดินทางของทุกสิ่งทุกอย่าง (สรรพธรรม) คือการเปลี่ยนแปลงอันต่อเนื่องอย่างไม่รู้สิ้นสุด ดังนั้นวิวัฒนาการจึงเป็นการเปิดเผย (Revelation) เป็นการปรากฏออกของสิ่งทั้งหมดที่กำลังเป็นไปในรูปของกระแสอันไม่รู้สิ้นสุด
รูปทรงจึงเป็นเพียงพหุภาวะ (Plurality) ของการเปลี่ยนแปลงภายใต้อวกาศอันไร้ขอบเขตและกาลเวลาที่เป็นอนันต์ รูปทรงเป็นลักษณะจำกัดและเป็นมายาในกระแสวิวัฒนาการ
ดังนั้นรูปทรงก็คือสิ่งส่อแสดงถึงสภาพไม่รู้สิ้นสุด สิ่งจำกัดอันหลากหลายนั่นเอง ที่เป็นเครื่องแสดงออกถึงสภาพไม่จำกัด
รากฐานของวิวัฒนาการ คือรูปทรงและอวกาศ และอีกประการหนึ่งคือ ชีวิตและญาณหยั่งรู้สัมผัสสิ่งทั้งหมดได้ พร้อมทั้งความรื่นรมย์ใจ (มนัส)
สาระสำคัญในการพิเคราะห์สุนทรียภาพ คือองค์รวมของสิ่งประกอบเหล่านี้ รูปทรง (Form) อวกาศ (Space) ชีวิต (Life) จิต (Mind) อารมณ์ (Mood, Emotion) และพุทธิ (Itellect) และที่สำคัญคือ มนัส (Heart) ซึ่งเป็นดุจสายธารของสุนทรียภาพและการสร้างสรรค์ทั้งปวง
ในกระแสวิวัฒนาการของมนุษยชาตินั้น ศิลปะ อารยธรรม เป็นเครื่องแสดงออกถึงความสุขสว่างรุ่งเรือง อิสรภาพ สติปัญญา หรือความมืดทึบไร้อิสระ อับเฉาทางปัญญา และความซบเซาไร้สุขของผู้คนของยุคสมัยนั้น ๆ ได้อย่างเด่นชัดและถ่องแท้
ประวัติศาสตร์ พระคัมภีร์ที่บันทึกโดยคนนั้นอาจมีเงื่อนงำอำพรางลวงหลอกต่อคนรุ่นหลังได้ แต่ศิลปะอารยธรรมได้สะท้อนองค์รวมของการดำรงอยู่ของมนุษยชาติให้เราเห็นตามที่มันเป็น และมันจะเป็นไปตามที่มนุษย์เรากำลังกระทำให้มันเป็นไปอย่างไรด้วย
หน้าต่างของศิลปะอารยธรรมนั้นเปิดเผยให้เห็นประวัติศาสตร์แห่งอารมณ์รู้สึกของผู้คน ความสุขทุกข์ ความบันเทิงเริงใจ ความพวยพุ่งรุ่งเรืองทางปัญญา อันคัมภีร์ประวัติศาสตร์ไม่อาจจดจารเอาไว้ได้
อันเนื่องกับทางไท (พุทธิปัญญาสู่งานศิลป์ มรดกของแผ่นดินไทย ที่คนไทยทุกคนควรรู้)
โฆษณา