19 ก.ย. 2020 เวลา 02:26
Just like a dream # Ep.2 ขนมของฉัน#
ลูกกวาด ซึ่งในสมัยนี้ไม่ค่อยนิยมแล้ว แต่เป็นขนมสุดฮ๊อตในตอนนั้น
เช้าตรู่ ในวันที่พายุโนอีล มาเยี่ยมเยือน บ้านเราโดนแค่หางๆของพายุลูกนี้ จนทำให้บรรยากาศ มันฟินเว่อร์ ทำให้ใช้เวลาต่อบนเตียงนอน แทบจะครึ่งค่อนวัน😁 เสียงเม็ดฝน ตกกระทบกับหลังคา ก็เลยทำให้ คนติ๊ดแตกอย่างเรา สามารถถอดจิตวิญญาณกลับไปอดีต ได้ไม่ยากเย็นนัก🌸
เสียงประกาศจากรถ รับซื้อของเก่า ดังโหวกแหวกมาแต่ไกล “ใครมีขวด กล่องกระดาษ หม้อไหเก่า นำมาแลกของได้ เรามาแล้ว พ่อแม่พี่น้อง” คนแถวนั้นคุ้นชินกับเสียงประกาศเป็นอย่างดี บางบ้านเก็บขวดแก้ว รวบรวมใส่เข่งไว้ หรือกล่องกระดาษลูกฟูกมัดใหญ่ถูกลากออกมาดักรอรถ หรือบางบ้านมีหม้อที่รั่วใช้ไม่ได้แล้ว ก็หอบออกมาดักรอ เราก็รอเช่นกัน เพราะเสียงนี้ จะทำให้ลูกอมที่เรารอคอยมาถึงแล้ว
รถเก่าๆซอมซ่อ มีของเกือบเต็มรถเคลื่อนมาจอดช้าๆ แต่ละบ้านก็นำของมาแลกของ หรือเงินก็ได้กับรถรับซื้อ แต่ของที่เราเลือกจะแลกคือลูกอม 1 ถุงไหญ่ กับขวด 1 กระสอบปุ๋ยของเรา แก้มทั้งสองข้างบวมตุ่ย ไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่ข้างในกระพุ้งแก้มทั้งสอง มีลูกอมหวานกรอบทั้งสองข้างตะหาก แต่กว่าจะได้มา เราต้องใช้เวลาไปขุ้ยกองขยะ เพื่อตามหาขวดแก้ว เพื่อแลกลูกอมถุงนี้
ขนมในวัยนั้น ของเรา ต้องมาจากน้ำพักน้ำแรงของเราทั้งสิ้น เพราะยายไม่เคยให้สตางค์ สำหรับขนมอื่นๆ นอกเหนือจากที่ยายจัดหาให้ มันจึงภาคภูมิใจมากๆ เวลาเพื่อนร่วมแก๊งค์ มาเห็นถุงลูกอมในมือเรา และในวันนั้น เราจะเป็นสายเปย์ แบ่งลูกอมให้กับสมาชิกคนละ 1 กำมือ นั่นคือการได้แสดงศักยภาพ ถึงความเป็นหัวหน้าแก๊งค์อย่างภาคภูมิใจ😘
เชื่อว่า ทุกคนในวัยเดียวกัน น่าจะเคยเห็น นมกล่องสามเหลี่ยม และนมถุงแบบนี้กันบ้าง ในปัจจุบัน นมถุงยังมีอยู่ตามโรงเรียนที่ต่างจังหวัด
ถึงเราจะเป็นเด็กผู้หญิง แต่ด้วยความที่เป็นนักสร้างสรรค์ ในการหาเรื่องเล่นสนุก แน่นอนที่สุด เด็กๆที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิง หรือเด็กชาย แถวๆละแวกบ้าน ที่วิ่งเล่นด้วยกันอยู่จะต้องมาให้เราออกไอเดีย ว่าจะเล่นอะไรดีวันนี้ 😊😊
ความเจ้าเล่ห์ ผสมโกงนิดหน่อย จึงออกความคิดว่า วันนี้เราจะไปกองขยะกัน หาเก็บกล่องกระดาษ และขวด หรือเศษเหล็ก เพื่อลูกกะฟี่ (ภาษาเด็กๆที่เรียกชื่อลูกอมสีสันแสบตานั้น) ทุกคนในแก๊งค์เชื่อฟัง และตั้งใจหาสิ่งของที่เราบอกอย่างแข็งขัน เราโปรยกำลังใจให้ทุกคนตามประสาเด็กๆว่า “ ใครหาได้เยอะสุดคนนั้นชนะ” พอมีคำว่าชนะ ของๆเราก็กองใหญ่ขึ้นในทันที😂😂
ในระหว่างการคุ้ยเขี่ยหาของ เราก็เจอกับกล่องสีขาว เป็นรูปสามเหลียมเหมือนหลังคาบ้าน ปนอยู่ในกองขยะ อ่านข้างกล่อง เข้าใจได้ว่า มันคือนมวัว ซึ่งในตอนนั้น คนที่จะได้กินนมชนิดนี้ ต้องบ้านมีตังค์เท่านั้น เราได้แค่พลิกกล่องไปมา และนั่งนึกตามว่า นมนี่มันจะรสชาติเป็นอย่างไรหนอ
และก็วาดฝันไว้ว่า สักวันฉันจะต้องได้ชิมมันดูสักที ท้ายที่สุดความฝันของเราต้องสลาย เพราะในวันที่เราได้ชิมจริงๆ. นมรุ่นที่ใส่กล่องสามเหลี่ยมนั้น เขาเปลี่ยน package มาเป็นแบบถุงๆ หมดเสียแล้ว ดังนั้นจนทุกวันนี้ ก็ยังคาใจ กับการที่ไม่ได้ดื่มนมกล่องสามเหลี่ยมอยู่ไม่หาย เพราะภาระกิจที่ตั้งใจไว้ มันไม่สมบูรณ์😢😢
ไอติมตัด คือของหวานยอดฮิตของเด็กๆ คนมีตังค์ซื้อเท่านั้น จึงจะได้ดูด เคยรสหวานของมัน
เสียงกระดิ่งไอติม ดังก๊องแก๊งๆๆ เป็นสัญาณบอกเด็กให้รู้ว่า ฉันมาแล้วน๊ะเด็กๆ และเพราะไอติม มันทำให้ความเป็นหัวหน้าแก๊งค์ของเรา ถูกลดทอนความน่าเชื่อถือลง เพราะหัวหน้าแก๊งค์ ไม่มีเงินซื้อไอ้ติมเหมือนลูกสมุน อยากกินไหมเวลาสมุนบอกกับเราว่า” กินไม๊ เดี๋ยวเราแบ่งให้” ในใจเราบอกว่าอยากกินเหลือเกิน แต่ด้วยความเป็นหัวหน้่าแก๊งค์ค้ำคอ จึงตอบกลับไปทุกครั้งว่า “ไม่กินล่ะอิมกินข้าวอิ่มแล้ว”☺️☺️
แต่ด้วยความเป็นเรา ก็ได้แต่คิดหาหนทางว่า จะทำอย่างไรดี ที่จะได้กินไอติม ทั้งๆที่ไม่มีสตางค์ คิดๆๆมานาน คิดไม่ได้เสียที และแล้ว ความเจ้าเล่ห์ก็บังเกิด มีอยู่วันหนึง เราไม่สบาย ต้องนั่งตัวร้อนอยู่นอกชานบ้าน ได้ยินเสียงกระดิ่งไอติม ลอยมาไกลๆ แต่วันนี้ไม่มีลูกค้าประจำกลุ่มใหญ่รุมซื้อ เพราะทุกคนไปโรงเรียน ยกเว้นแค่เรา ที่ได้แต่นั่งมองอยู่คนเดียว
ตอนนั้นด้วยภาพเหตุการณ์ ทำให้ผุดไอเดียขึ้นมาได้ จึงรีบวิ่งปล๋อ ไปที่รถไอติมทันที รถไอติมจอดดังเอี๊ยด เพราะเข้าใจว่าลูกค้ามาแล้ว เรายืนเกาะรถไอติมและเริ่มเจรจาต่อรองว่า “ลุงๆๆจะให้ไอติมหนูฟรีได้ไหม ถ้าหนูหาคนมาซื้อไอ้ติมลุงได้ 7คน ฟรีได้ไหมจ๊ะ” ลุงคนขายยิ้มเอ็นดู แล้วตอบมา”จริงเหรอแล้วเอ็งจะไปหายังงัย” “ได้สิ ถ้าหนูทำได้ลุงจะให้ไหมจ๊ะ” ลุงไม่ว่าอะไร ได้แต่ผงกหัวรับและยิ้มๆ แล้วจากไปหลังจากรู้ว่าเราไม่ใช่ลูกค้าในวันนี้
ในวันหยุดถัดมา สมุนของเรารวมตัว เพื่อไปหาเรื่องเล่น มาหาเราแต่เช้าพร้อมตะโกนถามว่า “เฮ้ยวันนี้เล่นอะไรกันดี” เราก็ออกความคิดถึงเรื่องเล่นเหมือนเคย อย่างสนุกสนาน แก๊งๆๆๆๆๆ เสี่ยงกระดิ่งไอ้ติม ดังมาไกลๆ พอจะมีเวลา build สมุนให้ไปซื้อไอติม “เฮ้ยๆ พวกแก ไปขอตังค์แม่สิ วันนี้เราจะกินไอติมด้วยกัน”
ทุกคนทำหน้าแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้เราจึงเป็นตัวตั้งตัวตีในการกินไอติม เพราะทุกวันเห็นเรานั่งตาละห้อยมาตลอด “เร็วๆเข้าสิ เดี๋ยวไอติมก็ไปหรอก” ในระหว่างที่ทุกคนวิ่งปรื๋อ ไปขอเงินพ่อแม่ เรารีบตะโกนเรียกรถไอติมให้หยุด
ไอติมหลอด เป็นการนำน้ำหวานใส่ในหลอดพลาสติก ที่มีหลายรูปแบบ เป็นของหวานยอดนิยมของเด็กๆในสมัยนั้น
“ลุงจำหนูได้ไหม”เราถามเพื่อย้ำเตือนสัญญากับลุงขายไอติม “ไหนละ 7 คนที่จะหามาให้ซื้อไอติมลุง ”ลุงถามกลับอย่างใจดี รอยยิ้มและดวงตาที่มีความหวังของเราลุกโชน “ลุงรอแป็บนึงน๊ะเดี๋ยวพวกมันก็มากัน” ลุงพยักหน้าหงึกๆแล้วยืนรอ พักใหญ่ทุกคนก็กลับมา และตรงดิ่งเข้าไปปีนรถไอติมลุง เพื่อเลือกรสชาดที่ตัวเองชอบ
อาทิเช่น รสวนิลา รสกะทิ รสทุเรียน รสช๊อคโกแล๊ต รสนมเย็น รสลอดช่อง รสถั่วดำ ไอติมจะเป็นแท่งสี่เหลียม ยาวสักเกือบ 30 เซ็นติเมตร ห่อกระดาษไขสีขาว บางๆไว้รอบนอก ถูกวางเรียงแบบแนวนอน ในตู้ไอติม ลุงจะหยิบมาที่ละรส เมื่อได้รับคำสั่งซื้อ แล้วใช้มีดยาวๆ มาตัดเป็นก้อนสี่เหลียมสั้นๆ พร้อมเสียบไม้เหมือนไม้เสียบลูกชิ้นแต่สั้นกว่า แล้วส่งให้เด็กๆพร้อมรับตังค์
ไอติม 1 แท่งตอนนั้นประมาณห้าสิบสตางค์ แต่ใช้คำว่าเท่านั้นไม่ได้ เพราะ 50 สตางค์ ของบางคน มันไม่ง่ายเลย😊 เราเป็นคนสุดท้าย ที่เข้าไปเลือกรสไอติมกับลุง “เอารสอะไรละอีหนู” เสียงลุงถามมาอย่างใจดี “ลุงให้หนูจริงๆใช่ไหม”เราถามกลับเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง ลุงพยักหน้า พร้อมเปิดฝาตู้ไอ้ติมให้เราเลือก
“รสทุเรียนจ๊ะลุง” ลุงยื่นไอติมให้เรา พร้อมรอยยิ้ม และสำทับเบาๆว่า “พรุ่งนี้พาเพื่อนมาซื้ออีกน๊ะ ถ้าพามาเยอะกว่านี้ลุงจะให้ 2 แท่ง” เรารีบยกมือไหว้ พร้อมรับไอ้ติมมาอย่างดีใจ พร้อมรับปากลุงเบาๆว่า”จ๊ะลุง” แล้ววิ่งไปเข้ากลุ่มไอติมกับลูกสมุนอย่างภาคภูมิใจ ลูกสมุนคนหนึ่งถามเราว่า “รสอะไร อร่อยไม๊” “อร่อยสิ” พร้อมคิดในใจว่า มันอร่อยที่สุด เพราะกว่าจะได้มา มันไม่ง่ายเลย แล้วบรรจงละเลียดกินไอติมอย่างมีความสุข
📌เรื่องเล่านี้สอนให้รู้ว่า รสชาติของความอร่อย มันจะทรงคุณค่ามากๆ หากวิธีการได้มา. มันไม่ง่ายนัก
📌ในวันนี้ จึงเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าการได้กินไอติมของเรา คือค่าคอมมิชชั่นจากลุงนั่นเอง
📌เวลาผ่านไปนานมากแล้ว คาดว่าลุงขายไอติม คงจากโลกนี้ไปแล้ว จึงได้แต่ส่งความระลึกถึง คุณลุง ที่ก็มีชีวิตไม่ง่ายนัก แต่ก็ยังมึจิตใจหยิบยื่น โอกาสให้เด็กคนหนึ่ง ที่เฝ้ายืนเกาะรถไอ้ติมลุง มานานแสนนาน แต่ก็ไม่ได้ซื้อเสียที คาดว่าลุงคงเห็นสายตาละห้อยคู่นั้น จึงได้ยื่นโอกาสพิเศษนี้ให้มากับเรา “ขอบคุณค่ะลุง อาจเป็นเพราะเรามีวาสนาที่ได้เจอะเจอกัน💕
โฆษณา