5 ต.ค. 2020 เวลา 21:42 • ปรัชญา
๓๒. ตะวันออก -ตะวันตก
ช่างไทยโบราณถือว่าการสร้างสรรค์งานศิลปะเป็นมรรควิถีที่จะสะท้อนศรัทธาของเขาออกมาให้หมดจิตหมดใจ เขาไม่มีความรู้เชิงทฤษฎีมากเหมือนเรา เราเรียนอ่านมากจนไม่มีหัวใจ และเขาไม่ได้ทำเพื่อให้งามด้วย
ผมมองพระพุทธรูปว่าเป็นเครื่องชี้ถึงความเจริญหรือเสื่อมของสังคมหรือเรียกว่าจิตสำนึกทางสังคมว่าสูงหรือต่ำ
ในขณะที่จิตสำนึกสุโขทัยเริ่มอ่อนแรง พระเจ้าอู่ทองผงาดขึ้นมา พระองค์ท่านจะต้องมีอะไรดีพอที่จะครองใจผู้คนร่วมสมัยพอที่จะขึ้นมาแทนที่
ดังนั้นเอง จิตสำนึกอู่ทองก็ผงาดขึ้นมา ผมมองผ่านทางพระพุทธรูปนะ
ถ้าสมมุติว่าช่างอู่ทองไม่ถือกำเนิดใหม่ภายใต้การนำของพระเจ้าอู่ทอง เขาก็ไม่อาจมีอิสระจากสุโขทัยได้ เพราะสุโขทัยเขาทำก่อนและงดงามและช่างก็รู้ว่ามันงามอย่างไร แต่ทำไมเขาไม่ลอกเลียน
มายุคนี้เรามีความรู้มากและเทคนิคสูงในการลอกเลียนมาก ๆ ผมพูดแรง ๆ ว่าขโมย ขโมยพระพักตร์สุโขทัยมาหน่อยหนึ่ง เอาคันธระมาใส่ที่จมูก มันเลยกลายเป็นตุ๊กตาที่ปุปะไปหมด
เพราะว่าคนรุ่นเราเรียนรู้เรื่องความสวยงาม เรามีความรู้
นายช่างกรมศิลปากรมีความรู้เรื่องความงามปั้นพระพุทธรูปได้ แต่อาจไม่ศรัทธาพระพุทธเจ้า ไม่สนใจ ไม่รู้อะไรมากกว่าพระพุทธประวัติที่สอนกันมาผิด ๆ ถูก ๆ
การสร้างด้วยความรู้ทางด้านศิลปะกับการสนองศรัทธาในห้วงลึกของหัวใจนั้นต่างกันมาก
ไปดูพระพุทธรูปอู่ทองตอนต้นไม่สวยนะ ถ้าเราเอาสุโขทัยเข้าจับ แต่เราพบว่านายช่างศิลปินเขาให้สุดจิตสุดใจ
ดังนั้นความงามอันนี้ต่างหากที่เอาชนะจิตใจของคนได้ แม้เขาจะไม่มีฝีมือสูงส่งแต่เขาให้หมดสิ้น เขาบรรจงปั้นดินลูบไล้มันด้วยหัวใจ ให้ทั้งหมด เราจึงรู้สึกได้ทั้งหมด
ถ้าเราเปิดใจเราทั้งหมดขึ้นรับ ทำให้หัวใจที่กระด้างของเราอ่อนโยนได้
เรารู้อะไรตั้งมากมายแต่เราไม่ทำอะไรให้ใคร เขารู้น้อยกว่าเราแต่เขาให้หมด เราแพ้ เขาเอาชนะหัวใจของเราได้ เพราะทำสุดจิตสุดใจ สุจริตใจ แม้เขามีความรู้น้อย ทฤษฎีเขาน้อยแต่เขาให้หมดสิ้น ดังนั้นเองจึงเกิดยุคสมัยศิลปะขึ้นใหม่อย่างหนักแน่นและจริงจัง
ขอบคุณภาพ: อินเทอร์เน็ต
(ขออภัยหากภาพพระพุทธรูปผิดจากถ้อยคำในภาพประกอบ)
ช่างปั้นพระแต่ก่อนเขาต้องบวชนุ่งขาวห่มขาว จะบวชเณรบวชพระอะไรไม่สำคัญเลย แต่เขาจะเคร่งครัดเพื่อที่จะทำให้ชีวิตเหมาะสมกับงาน
ถ้าผมจะวาดรูป ปั้นพระ สิ่งสำคัญมากคือร่างกาย จิตใจ อารมณ์ทั้งหมดต้องถูกต้องและดีงาม
วิธีที่จะไม่ให้เกิดอุปสรรคต่อพลังจินตนานั้นไม่มีทางอื่นเลยนอกจากการเจริญวิปัสสนาเท่านั้น และไม่ใช่การนั่งหลับตา
วิปัสสนาแปลว่าการเห็นแจ้ง คือเห็นต่อขบวนการทั้งหมดของรูปนามตรง ๆ และอย่างง่าย ๆ เฝ้าดูกระแสสืบต่อของธรรมชาติอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่อิริยาบถสี่ได้แก่ การยืน เดิน นั่ง นอน
คนเรามีแค่อิริยาบถ ๔ อย่างใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่สิ่งสำคัญคือการสืบต่อของกระแสความคิด มันน่าประหลาดมากครับที่มนุษย์ข้ามภูเขาหิมาลัยคีรีมันจาโร เดินทางไปในห้วงอวกาศ ดำไปในมหาสมุทรได้ แต่สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งนอกกาย แต่เราจะก้าวข้ามปัญหาทางใจนี้ยาก
แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเฝ้าดูใจตัวเอง ในหุบเหวของหัวใจตัวเองและเห็นความคิดผ่านแผ่วไป คิดเรื่องอะไรก็ได้ผ่านแผ่วไป
ขบวนการดำรงอยู่ของคนธรรมดาสามัญทั่วไป เป็นการคิดนึกหวนระลึกและมักติดยึดอยู่กับอดีตและกังวลต่ออนาคต ไม่เคยอยู่จริง ๆ ในปัจจุบันขณะเลย โดยร่างกายมันอยู่ โดยความจำ ผมติดอยู่กับอดีต อนาคต
สิ่งนี้ได้เป็นตัวการกำหนดและบงการวิถีทางของทุก ๆ คน คือเราทุกคนติดอดีต ข้องอนาคตและงงงันในปัจจุบัน
อันเนื่องกับทางไท (พุทธิปัญญาสู่งานศิลป์ มรดกของแผ่นดินไทย ที่คนไทยทุกคนควรรู้)
บรรยายพิเศษแก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะมัณฑนศิลป์ พ.ศ. ๒๕๓๒
โฆษณา