12 ต.ค. 2020 เวลา 16:46 • ความคิดเห็น
บทหนึ่งของชีวิตหมาป่าเดียวดาย " คำโกหก "
digilike
วันที่ฝนตก เปียกไปทั่วแผ่นดิน คงเป็นคำพูดที่เชยมากๆสำหรับคนยุคนี้
ที่มีมือถือ มีสมาร์ทโฟนที่สามารถจะตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในพริบตา ฝนตกจริงไม่จริงตรวจสอบได้ มีวงจรปิดที่มาดูย้อนหลังได้ การโกหกในยุคนี้จึงน่าจะยากกว่าสมัยก่อน หรือว่าไม่ใช่??
ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ฉันทำผิด ทำบาปมหันต์ แต่จนกระทั่งวันนี้ฉันไม่เคยลืมเลย ว่าเคยโกหก และมันรายแรงถึงความเป็นความตาย
มันเกิดเหตุขึ้นในวันหนึ่งที่ฉัน เคยทำผิดอย่างร้ายแรง มีคนสอบถามคาดคั้นให้สารภาพความจริง แต่...แต่...ฉันเลือกจะโกหกเพราะกลัวความผิดและกลัวสิ่งที่จะตามมา
จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นคนทำ ทุกอย่างได้จบลงไปพร้อมกับคำโกหก และคนที่เจ็บปวดในเหตุการณ์ครั้งนั้นท่านก็ได้เดินทางไกล ไกลจนไม่มีใครตามหาท่านเจอ ท่านจากโลกนี้ไปแล้ว
ณ โรงเรียนประจำแห่ง นานมากแล้วเมื่อฉันอายุเพียง10 ขวบ ฉันเป็นเด็กที่ชอบดูโทรทัศน์มาก แต่การเปิดปิดมีเวลาที่กำหนดเท่านั้นวันธรรมดา จะดูได้ตั้งแต่18.00-20.00น. วันหยุดให้ดูได้ 13.00-16.00น. โทรทัศน์อยู่ที่ตึกนอนรวม
ฉันสามารถพูดอ้อนจนขออนุญาตครูใหญ่ที่เป็นเจ้าของโรงเรียน
เพื่อดูหนังวันหยุดได้ช่วง8.00-10.00น.แต่ต้องมาดูที่อาคารอำนวยการซึ่งเป็นที่พักของครูใหญ่และภรรยา เวลาที่ท่านอยู่เท่านั้น
และนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ประทับอยู่ในความทรงใจ การโกหก ความเห็นแก่ตัว การขาดความรับผิดชอบ
digilike
ฉันและเพื่อนอีกสองคนชวนกันไปดู ละครจักรๆวงศ์ๆที่อาคารอำนวยการ
ซึ่งภรรยาของอาจารย์ท่านเป็นพยาบาล กำลังจะไปทำงาน ขณะที่
เจ้าจูดี้หมาน้อยวิ่งตาม เสียงครูใหญ่บอกให้ฉันจับมันไว้เพื่อไม่ให้มันวิ่งไปใต้ท้องรถยนต์ของภรรยาท่าน
มันยอมให้ฉันจับและเล่นกับมัน พวกเราเล่นกันกับเจ้าจู้ดี้ และดูโทรทัศน์ไปจนหมดเวลาและลาครูใหญ่ไปทานอาหารกลางวันในวันนั้น
ผ่านมาจนถึงวันศุกร์ฉันได้ยินบางอย่างว่า ครูใหญ่และภรรยากำลังตามหาคนที่เอาหนังยางไปรัดที่จมูกของจูดี้ จนเป็นหนอง คุณป้าพยาบาลภรรยาครูใหญ่ถึงกับร้องไห้ ว่าใครรังแกหมาน้อยแสนรู้ของท่าน
digilike
ฉันเดินไปพร้อมๆกับเด็กๆที่เรือนพักเพื่อไปพบครูใหญ่พร้อมๆกัน ฉันสังเกตหน้าตาของเจ้าจูดี้ก็ดูปกติดี ครูใหญ่กำลังโมโหว่ามันอาจตายจากการติดเชื้อ ท่านได้ถามขึ้นด้วยหน้าตาเคร่งขรึมว่า ใครเอาหนังยางไปรัดที่จมูกจูดี้หนังยางรัดจนกัดขอบจมูกดำๆนุ่มๆของมันเกือบหลุด
เจ้าจูดี้มายืนกระดิกหางตรงที่ฉันนั่งพร้อมชวนให้ฉันเล่นด้วย เพราะฉันเล่นกับมันบ่อยๆ มันให้ฉันจับและลูบขนมัน มีรอยกดที่จมูกมันจริง เป็นวงรอบเลย แต่มันคงจะดีขึ้นแล้ว ภรรยาครูใหญ่เรียกมันกลับไป ซึ่งมันก็วิ่งไปทันที
ไม่มีคนยอมรับสารภาพ ทุกคนจ้องมองตาครูใหญ่เมื่อท่านกวาดสายตาไล่รายตัว ทุกคนไม่มีใครมีอาการผิดปกติ และไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนทำ
สุดท้ายเมื่อหาคนผิดไม่ได้ หลังจากท่านอบรมเรื่องความเมตตาไปครึ่งชั่วโมง ท่านลงโทษหมู่คือให้ทุกคนหลังทานข้าวเช้าพรุ่งนี้(วันเสาร์)ห้ามไปไหน ให้ช่วยกันเก็บขยะภายในโรงเรียนให้หมด
ทุกคนลงมาวิพากย์วิจารณ์คนใจหยาบ รังแกสัตว์ที่น่ารักและเป็นมิตรกับทุกคน แถมยังทำให้คนอื่นเดือดร้อน อดดูโทรทัศน์อดวิ่งเล่นสนุกๆวันหยุดพรุ่งนี้
ฉันเงียบกริบไม่พูดหรือวิจารณ์ใดๆ ฉันฟังพวกเขาช่วยกันตำหนิและคำพูดบางคำที่ลอยมา จำไว้เลยเวรกรรมมีจริง บาปกรรมจะตามสนองคนที่ทำกรรมทำเวรไว้
ใช่ค่ะ 😭😭ฉันเองที่ทำบาปครั้งนี้วันที่ไปดูโทรทัศน์ ฉันเอาหนังยางสีขาวเส้นใหญ่ที่ตวัดให้เป็นสองวงและรัดบริเวณที่เหนือจมูกมัน (ขนของจูดี้ยาวดกมาก) และสีที่กลมกลืนทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นหนังยาง จนผ่านไป 2-3วัน เขาคงเจ็บมากเพราะแผลอักเสบ
ฉันกลัวความผิด กลัวถูกประนามว่าเป็นคนใจร้าย ซึ่งไม่จริงเลย วันนั้นฉันเห็นหนังยางมันรัดขนเป็นน้ำพุที่กลางหัวเขา ฉันก็แค่ย้ายจากที่หัวมาที่จมูก ฉันไม่คิดว่าเป็นปัญหาอะไร มัดหัวได้ จมูกจะเป็นไร
digilike
ฉันยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เวลาที่ยาวนานครูใหญ่และภรรยาที่
จากไป เจ้าจูดี้ก็คงไปเกิดใหม่แล้ว ฉันรู้สึกผิดและอุทิศส่วนกุศลให้มัน
แล้วไม่รู้บาปกรรมที่เคยทำ คือการที่ฉันเป็นภูมิแพ้และรู้สึกคัดจมูกตลอดเวลาหรือเปล่า😭😭😭
คำโกหก ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเรื่องที่ในวันนั้นไม่มีใครรู้ได้ แต่วันนี้ยุคที่เทคโนโลยีทันสมัย การโกหกคงยากขึ้น ยอมรับผิดและอย่าโกหกน่าจะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม
การยอมรับเพียงครั้งเดียวเราจะหลุดจากการโกหกอีกมากมายเพราะเหตุและปัจจัยที่มากขึ้นมากขึ้น ในที่สุดเราก็อาจจะล้มเพราะคำโกหกที่ทับถมจนลุกไม่ขึ้นได้ การใช้ชีวิตที่อิสระและหลีกเลี่ยงการโกหกอาจช่วยให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นเพราะหลุดจากบ่วงที่สร้างมามัดตัวเอง
ขอบคุณภาพจาก
digilike พริกแพง
imgur
โฆษณา