14 ต.ค. 2020 เวลา 09:22 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ข้อคิดจากซีรีส์ : The Boys “เบื้องหลังความแข็งกร้าว…ยังหลงเหลือหัวใจอันอ่อนโยน”
“เบื้องหลังเปลือกนอกอันแข็งกระด้าง…อาจยังหลงเหลือหัวใจอันอ่อนโยน”
The Boys
ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวในยุคปัจจุบัน
จะมีที่แตกต่างไปก็คือ “โลกเรามีซูเปอร์ฮีโร่”
และซูเปอร์ฮีโร่ก็ทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทหนึ่ง
(กลุ่มฮีโร่ที่ทำงานเป็นลูกจ้าง มีมูลค่าทางการตลาด มีทีมงานดูแลภาพลักษณ์ “คล้ายกับคนดัง”)
ทีนี้ลองนึกภาพของ
ซูเปอร์แมนที่มีอารมณ์แปรปรวนและเอาแต่ใจ
เดอะแฟลชที่ชอบเล่นยาจนทำลายสุขภาพ
อควาแมนที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศ
(ฮีโร่ที่โคตรเลว และอุดมไปด้วยความชั่วช้า 55555)
ด้วยพฤติกรรมที่เหลวแหลกของพวกซูเปอร์ฮีโร่
จึงทำให้ประชาชนคนธรรมดาได้รับผลกระทบมากมาย
(แต่ก็ถูกปิดปาก ปิดข่าว โดยบริษัทของพวกซูเปอร์ฮีโร่)
ทีนี้เลยมีกลุ่มคนที่ทนไม่ไหวมารวมตัวกัน
“ผู้ต้องการแก้แค้นเหล่าซูเปอร์ฮีโร่…ฮีโร่ที่ทำตัวระยำ”
โดยสมาชิกในทีมแต่ละคนล้วนมีประวัติชีวิตที่เจ็บปวด
ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมอันเลวร้ายจากเหล่าซูเปอร์ฮีโร่
เป้าหมายในทีมจึงไม่มีอะไรซับซ้อน
นั่นคือ “ทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดซูเปอร์ฮีโร่”
ซีรีส์เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยความเดือด
ป่าเถื่อน รุนแรง และสะท้อนด้านมืดในใจของมนุษย์
ฉากนี้ผมนำมาจาก Season 2 ซึ่งอยู่ในตอนที่ 8
ซึ่งเป็นการพูดคุยระหว่างตัวเอกของเรื่องคือ บิลลี่ บุตเชอร์
กับ เบคก้า ภรรยาของเขา
(ซึ่งก่อนหน้านี้ “เบคก้า” ภรรยาของบุตเชอร์
ได้ถูกซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อ “โฮมแลนเดอร์” ข่มขืนจนตั้งท้อง
“เป็นเหตุให้บุตเชอร์โคตรเกลียดโฮมแลนเดอร์และเหล่าฮีโร่…
ทำให้บุตเชอร์กลายมาเป็นเครื่องจักรล้างแค้น”
เพื่อไม่ให้เป็นข่าวใหญ่โต
และเพื่อไม่ให้โฮมแลนเดอร์รู้ว่าตัวเองมีลูก
ตัวของเบคก้าและลูกชายจึงถูกปิดบังอำพราง
“โฮมแลนเดอร์จึงรู้เพียงว่า…เบคก้าจากไปแล้ว”
แต่เมื่อความจริงเปิดเผยแก่ฮีโร่ผู้มีอารมณ์แปรปรวน
และด้วยความเอาแต่ใจของโฮมแลนเดอร์ที่อยากเลี้ยงลูกเอง
เขาจึงตัดสินใจพรากลูกชายมาจากเบคก้า
ด้วยเหตุนี้ภารกิจทวงลูกกลับคืนมาจากโฮมแลนเดอร์จึงเกิดขึ้น)
หลังจากทวงลูกของเบคก้ากลับมาได้แล้ว
และเริ่มขั้นตอนการหลบหนีเพื่อเสร็จสิ้นภารกิจ
สิ่งที่ไม่คาดฝันและเล่นเอาทุกคนในทีมงงก็เกิดขึ้น
เมื่อบุตเชอร์ตัดสินใจเปลี่ยนแผนกะทันหัน
“จากเดิมบุตเชอร์ เบคก้า และลูกชายของเธอต้องหนีไปพร้อมกัน”
แผนเลยเปลี่ยนเป็นเขาจะไม่หนีไปพร้อมกับเธอ
ซึ่งบุตเชอร์ได้พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างหนักแน่นว่า
“อย่าให้ไอ้หน้าตัวเมียอย่างผมอยู่ใกล้เด็กนั่น…
ผมไม่อยากส่งต่อความชั่วร้ายของผมให้เขา”
ผมรู้สึกประทับใจฉากนี้มากครับ
รวมทั้งยังสะเทือนใจไปพร้อมกับตัวละครในเรื่อง
ซึ่งทำให้เราเห็นว่า “บุตเชอร์”
คนที่ดูเหมือนเกลียดทุกอย่างบนโลก
คนที่เต็มไปด้วยความหยาบกระด้าง รุนแรง
เลือดเย็น และป่าเถื่อน
“บุตเชอร์ยังคงหลงเหลือหัวใจความเป็นมนุษย์”
ผมจึงขอนำเรื่องราวส่วนนี้
มาเขียนเป็นข้อคิดสำหรับบทความนี้ครับ ^^
ข้อคิดสำคัญของซีรีส์
“เบื้องหลังเปลือกนอกอันแข็งกระด้าง…อาจยังหลงเหลือหัวใจอันอ่อนโยน”
“ความแข็งกระด้าง”
อาจชวนให้เรานึกถึงคนที่เดือดดาล
ไม่ยอมยืดหยุ่น “ยอมหัก…ไม่ยอมงอ”
และยังอาจทำให้เรานึกถึง
ใครสักคนที่แสดงออกอย่างแข็งกร้าว ดุเดือด
ยึดติดความคิดตนเอง และไม่ประนีประนอมกับสิ่งใดทั้งสิ้น
โดยเบื้องหลังพฤติกรรมเหล่านี้
มักมีร่องรอยมาจากจิตใจที่บอบช้ำ
“จิตใจที่ตกอยู่ในภาวะ…ไม่ไว้วางใจโลกใบนี้”
เมื่อใครสักคนรู้สึกไม่ไว้วางใจโลกใบนี้
หรืออาจยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ลึก ๆ
“ไม่กล้าไว้ใจใคร…ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้…ไม่อยากให้คนที่ยอมให้เข้ามาต้องลาจากไป”
เราอาจลองนึกถึงเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมห้องมืด ๆ เพียงลำพัง
เด็กน้อยที่นั่งตัวสั่นขวัญผวา
เด็กน้อยที่มิอาจต่อสู้หรือหลบหนีจากภัยร้าย
เด็กน้อยที่สิ้นหวังจนต้องก้มหน้ารับชะตากรรม
“รู้สึกได้เพียงแค่ความกลัวและความเจ็บปวด”
สภาวะจิตเช่นนี้
สามารถฝังรากลึกในชีวิตจิตใจของมนุษย์เราได้
หากใครสักคนโดนความโหดร้ายเล่นงาน
โดนทารุณกรรมทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ถูกคำพูดจากคนที่ตนเองรักทิ่มแทงหัวใจ
“จิตใจที่หวาดผวาเช่นนี้จะยังคงอยู่กับเรา”
แม้ในวันที่เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่
แม้ในวันที่เราแก่เฒ่าชราไปแล้ว
“หากยังไม่ได้ดูแล…ความหวาดผวาอยู่ลึก ๆ จะยังคงอยู่”
ด้วยเหตุนี้
การรีบด่วนสรุป
และตัดสินชีวิตใครสักคน
โดยอาศัยเพียงแค่พฤติกรรมภายนอก
“ตัดสินคนจากเปลือกนอก”
อาจทำให้เราเข้าใจผิด
จนเผลอเข้าใจว่า
ใครสักคนมีแค่ความชั่วร้าย
ใครสักคนมีเพียงด้านมืดอันป่าเถื่อน
ใครสักคนไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์
“ตัดสินอย่างมืดบอด…โดยมิได้มองรอบด้าน”
ดังนั้น
การทำความเข้าใจผู้อื่นอย่างรอบด้านและตรงไปตรงมา
จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสังเกตผู้อื่นอย่างเอาใจใส่
ไม่มองผู้อื่นผ่านม่านหมอกแห่งความคิดอคติ
ไม่ตัดสินผู้อื่นผ่านมุมมองอันตายตัวคับแคบ
“เปิดรับผู้อื่นด้วยหัวใจอันกว้างขวาง”
อย่างน้อยที่สุด
ก็ไม่ทำให้เราจมอยู่กับการพิพากษาชีวิตผู้คน
ยุติการหล่อเลี้ยงจิตใจด้วยความโกรธแค้น
“เมื่อใจของเราไม่ถูกความหม่นหมองมาบดบัง”
จิตใจที่ใสสะอาด ปลอดโปร่ง
และสามารถมองเห็นความจริงอย่างกระจ่างชัดจะกลับคืนมา
“ช่วยให้เรามองเห็นส่วนที่ดีของผู้อื่น…ซึ่งครั้งหนึ่งเราเคยมองข้ามไป”
โฆษณา