14 ต.ค. 2020 เวลา 15:23 • หนังสือ
หนังสือ "รู้แค่นี้ ขายดีทุกอย่าง" เป็นหนังสือที่รวบรวมเอาจิตวิทยาเกี่ยวกับการขายที่จำเป็น โดยทุกอย่างเป็นสิ่งที่จับต้องได้ เพราะผู้เขียนเล่าจากประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของคนส่วนใหญ่
ในความคิดเห็นของผม ข้อดีที่ทำให้หนังสือเล่มนี้โดดเด่นคือ ผู้เขียนมักจะสอนวิธีเอาไปใช้งานจริงได้ทันที ซึ่งมีประโยชน์กับผู้ที่ต้องการอ่านเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานด้านการขาย
2
ซึ่งโพสต์นี้ผมจะไม่มาเขียนเนื้อหาจากหนังสือมาให้อ่านนะครับ เพราะเดี๋ยวหนังสือขายไม่ออกพอดี แต่ผมจะยกส่วนที่รู้สึก "WOW! สุดยอดไปเลย!" มาให้ทุกคนได้ชิมรางไปพลางๆ และหากติดใจก็สามารถไปหาซื้อได้ตามร้าน
ตัวอย่างปกหนังสือ "รู้แค่นี้ ขายดีทุกอย่าง"
เนื้อหาส่วนที่ชอบ (WOW! สุดยอดไปเลย!)
● หลายคนมักบอกว่าตัวเองตัวสินใจด้วยใช้เหตุผลเป็นที่ตั้ง แต่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ (คุณแบงค์) กลับบอกว่า
"เหตุผลทุกอย่างของมนุษย์ แท้จริงแล้วคืออารมณ์ เช่น เลือกตัดสินใจไม่ไปงาน Event ในช่วงที่คนไปเยอะ เพราะไม่อยากรถติดนาน คืออารมณ์ขี้เกียจ"
พอได้มาลองสำรวจดูตัวเองแล้ว ก็รู้สึกว่าจริงจัดๆ อย่างตอนจะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าซักชิ้น แล้วเปรียบเทียบราคา ก็คืออารมณ์โลภอยากได้ของดีราคาถูก
หรืออย่างตอนไปเที่ยวโดยตัดสินใจขึ้นเครื่องบิน ก็คืออารมณ์รีบร้อนอยากถึงเร็ว
หรืออย่างตอนตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือพัฒนาตนเอง ก็คืออารมณ์โลภอยากเก่งเร็ว
ใครเห็นต่างอย่างไรในหัวข้อนี้ ลองแสดงความคิดเห็นกันดูนะครับ
● เทคนิคการ T-Up คือการยกย่องชมเชย พูดถึงความสำเร็จ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้บุคคลที่ไม่ได้อยู่ในที่เห่งนั้น
โห มีหลายครั้งมากเลยที่ผมเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ อย่างเช่นครั้งหนึ่งผมเคยอบรมบริษัทขายตรงที่หนึ่ง เขาพูดเกลี้ยกล่อมให้ผมไปเข้า Meeting โดยบอกว่าคนที่จะมาพูดเก่งมากงู้นงี้ ตอนนั้นคือก็เฉยๆ แต่ก็ลองไปดู ปรากฎตอนเจอเรากลับรู้สึกว่าเขาดูน่าเชื่อถืออย่างบอกไม่ถูก แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเพราะอะไร
หรือหากใครไม่เคยมีประสบการณ์ตรงแบบผม ก็จะยกตัวอย่างอีกอันที่คิดว่าใช่ คือเวลาอ่านข่าวแล้วเขาโควตคำพูด แล้วบอกว่าเป็นนักวิชาการ เคยทำอะไรดีๆ มาบ้าง นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่ตรงกับหลักการ T-Up เช่นกัน
● ลำดับคำถามควรจะต้องใช้คำถามปลายปิดก่อนปลายเปิด เพราะคำถามปลายปิดเป็นคำถามที่โชว์ความเชียวชาญ เพราะคนที่จะถามในลักษณะปลายปิด ในมุมมองของลูกค้าคือคนที่รู้จริง จึงจะสามารถถามอย่างเฉพาะเจาะจงได้
อันนี้ทำลายความคิดก่อนหน้านี้ของผมมากเลย เพราะตอนแรกผมคิดว่าคำถามปลายปิดเป็นคำถามคับแคบ ไม่เปิดโอกาสให้คิด แต่ความจริงแล้วกลับกันเลย คำถามปลายปิดเป็นคำถามสำหรับ Specialist
● ปิดการขายตามจริตทั้ง 6 ได้แก่ โทสะจริต ราคะจริต วิตกจริต โมหะจริต ศรัทธาจริต พุทธิจริต (ขอไฮไลต์ไว้ว่าผมชอบอันนี้มาก และคิดว่ามีประโยชน์จัดๆ)
● ขายให้คนแปลกหน้าง่ายกว่าขายให้เพื่อนและคนรู้จัก เพราะภาพลักษณ์เดิมแก้ไขได้ยาก
แนวคิดนี้จริงมากๆ เลย อย่างพ่อแม่ที่มองว่าเรายังไงก็เป็นแค่เด็กเมื่อวานซืน ไม่มีทางจะเป็นผู้เป็นคนกับใครได้ หรืออย่างเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่มีทางมองว่าเราดีเลิศประเสร็ฐศรีมาจากไหนแน่ๆ
แต่กับคนแปลกหน้า แค่เพียงเราแต่งตัวดูดีหน่อย ผมเผ้าดูดี กิริยาท่าทางงดงาม พูดจาฉะฉาน แค่นี้เราก็ดูดีได้อย่างง่ายๆ แล้ว
● ส่วนใหญ่ คนแต่งหน้าไม่ได้ชอบการแต่งหน้า แต่ชอบผลของการแต่งหน้า นี่คือวิธีเข้าใจเหตุผลการซื้อของลูกค้า (ตอบ WHY)
ข้อนี้เอาไว้เตือนใจสำหรับทุกคนมากๆ เลย เพราะหลายครั้งคนไม่ได้ชอบสิ่งนั้น แต่ชอบผลลัพธ์ของสิ่งนั้นต่างหาก
เช่น ผมไม่ได้ชอบอ่านหนังสือพัฒนาตนเอง แต่ชอบผลลัพธ์ของมัน "คือตัวเองที่พัฒนาขึ้น" ต่างหาก
ประโยคที่ชอบ: มนุษย์เป็นสัตว์ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ แต่มักจะหลอกตัวเองว่าตัดสินใจด้วยเหตุผล
ลองหาซื้อได้ครับ แนะนำเลย กับหนังสือ "รู้แค่นี้ ขายดีทุกอย่าง" ของคุณแบงค์ สุภกฤษ กุลชาติวิจิตร เห็นว่าขายดีมากๆ เลย ลองเช็คราคาในเว็บก่อนได้ครับ เดี๋ยวผมจะสร้างปุ่มไว้ให้ (อยากลอง อิอิ)
แล้วก็ใครที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้ว คิดเห็นเป็นอย่างไรกันบ้างครับ เราลองมาคุยกันเถอะ
โฆษณา