6 พ.ย. 2020 เวลา 10:30 • ประวัติศาสตร์
ชีวิตสุดเหี้ยมของ 'เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์' ฆาตกรต่อเนื่องสุดสะเทือนขวัญแห่งอเมริกา
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
1
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1991 เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้าไปในอพาร์ทเมนท์ของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน, สหรัฐอเมริกา และได้พบหนึ่งในพื้นที่เกิดเหตุอาชญากรรมสุดสยองขวัญเท่าที่เคยเห็นมา ศีรษะของมนุษย์ถูกตัดขาดถูกแช่ไว้ในตู้เย็นถึงสองหัว และลำตัวถูกแช่ในช่องแช่แข็ง เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์คือฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกันที่ฆ่าคนและกินเนื้อคนมาอย่างยาวนานถึง 13 ปี
8
1. เจฟฟรีย์เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1960 ในมิลวอกี เขามีชื่อเต็มว่า “เจฟฟรีย์ ลีโอเนล ดาห์เมอร์” เขาเป็นลูกชายคนแรกของลีโอเนลและจอยซ์ ดาห์เมอร์ เมื่อเจฟฟรีย์อายุได้ 6 ขวบ น้องชายเขาก็ได้ถือกำเนิด ทำให้ครอบครัวมีความสมบูรณ์ ชีวิตครอบครัวของเจฟฟรีย์ดูจะสมบูรณ์แบบ แต่เบื้องหลังนั้นแม่ของเจฟฟรีย์ต้องทุกข์ทรมานจากโรควิตกกังวลและพยายามฆ่าตัวตายด้วยการกินยาเกินขนาด ครูคนแรกของเขาเขียนลงในรายงานและเธอเชื่อว่าเจฟฟรีย์นั้นถูกทอดทิ้งเมื่ออยู่ที่บ้าน
พ่อของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้เล่าว่าจินตนาการเกี่ยวกับความตายและเซ็กส์นั้นเริ่มต้นจากสัตว์ที่ถูกรถชนบนถนนในวัยเด็ก เขาเปิดเผยว่าเจฟฟรีย์ผ่าสัตว์ที่ตายออกเพื่อดูอวัยวะภายในและยังมีการทำบางอย่างที่เกี่ยวกับเพศกับร่างของสัตว์เหล่านั้น พ่อของเจฟฟรีย์ยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เด็กชายวัยหนุ่มทำเพราะฮอร์โมนอันพลุ่งพล่านแทนที่จะคิดว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายในอนาคต
1
WIKIPEDIA PD
2. เจฟฟรีย์ในวัยเด็กยังมีการเก็บซากสัตว์ไว้ด้วยความหลงใหลและยังมีการฆ่าสัตว์หลายตัวด้วยตนเอง และพ่อที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ก็พยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกจึงได้สอนวิธีการทำความสะอาดสัตว์และวิธีการรักษาชิ้นส่วนนั้นๆ อย่างเหมาะสม ซึ่งภายหลังเขาก็ใช้วิธีนี้ในการรักษาชิ้นส่วนของเหยื่อไว้ในอพาร์ทเมนท์
3. เจฟฟรีย์เข้าเรียนระดับชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนเรเวียร์ในเมืองริชฟีลด์, รัฐโอไฮโอ ซึ่งเขาเป็นคนที่รู้จักในฐานะคนนอกคอก เดียวดายและชอบเล่นอะไรพิเรนท์ๆ เขามักจะไปปรากฏในภาพถ่ายหรือในชมรมที่ตัวเองไม่ใช่สมาชิกหรือแกล้งทำเป็นชักตรงทางเดินของห้องเรียน เขาทำให้เพื่อนหลายคนกลัว และช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เริ่มต้นของการติดสุราเรื้อรัง เขามักจะมีเบียร์หรือวิสกี้เก็บไว้ในล็อคเกอร์เสมอ
1
นักสังคมวิทยาที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นของเจฟฟรีย์ได้เปิดเผยว่า พฤติกรรมของเขาแปลกมากจนเธออึดอัดเป็นอย่างมากที่จะต้องอยู่กับเขาตามลำพัง เขาชอบที่จะทำตัวแบบที่เขาเรียกว่า “บ้า” เขาร้องโวยวายบิดตัวไปมา เธอเคยถามเจฟฟรีย์ครั้งหนึ่งว่าทำแบบนี้ทำไม เขาตอบกลับมาว่า “ผมชอบเขย่าขวัญคนอื่น”
2
ในปี ค.ศ. 1978 พ่อแม่ของเจฟฟรีย์หย่ากันหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันอย่างรุนแรง อดีตเพื่อนบ้านของเจฟฟรีย์กล่าวว่าตอนที่เธอได้รู้จักเจฟฟรีย์นั้นชีวิตของเขามีเรื่องที่ร้ายแรงเกิดขึ้นและไม่มีใครคอยช่วยเหลือเขาเลย
หลังจากการหย่าร้าง แม่ของเจฟฟรีย์ก็ได้ย้ายออกไปจากเมืองพร้อมกับน้องชายและพ่อก็ออกไปจากบ้านด้วย เจฟฟรีย์ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวและติดสุราอย่างหนัก จนเมื่อเขาอายุ 18 ก็ได้ลงมือฆาตกรรมคนเป็นครั้งแรก
วันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1978 เจฟฟรีย์ได้รับคนโบกรถชื่อสตีเวน ฮิกส์มาที่บ้านด้วย เจฟฟรีย์ได้ทำการบีบคอและทุบด้วยค้อนจนถึงแก่ความตาย เจฟฟรีย์ได้บอกในภายหลังถึงฆาตกรรมครั้งนี้ว่าสตีเวนต้องการที่จะไปจากบ้านแต่ตัวเขาไม่ต้องการให้สตีเวนจากไป เมื่อฆาตกรรมสตีเวนเรียบร้อยแล้ว เจฟฟรีย์ก็นำกระดูก ไปฝังยังสนามของบ้าน จนอีกนับทศวรรษตำรวจสามารถกู้กระดูกได้มากถึง 500 ชิ้น
1
WIKIPEDIA PD
4. หกสัปดาห์หลังจากฆาตกรรมสตีเวน ฮิกส์ เจฟฟรี ดาห์เมอร์ก็ได้ลงทะเบียนเข้าเรียนที่มหาวิทยาแห่งรัฐโอไฮโอ แต่พิษสุราเรื้อรังทำให้เขาได้เกรดที่ต่ำเตี้ยจนต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย และในปี ค.ศ. 1979 พ่อของเขาก็ได้แนะนำให้เขาเข้าร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ และที่นี่เองเขาได้ถูกฝึกฝนให้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในกองทัพ ทหารสองคนออกมากล่าวหาว่าเจฟฟรีย์ได้วางยาพวกเขาและทำการข่มขืน จนในปี ค.ศ. 1981 เขาถูกลงความเห็นว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอยู่ในกองทัพแต่ได้รับการปลดประจำการอย่างมีเกียรติ
2
เพรสตัน เดวิด ผู้ที่รับราชการทหารในช่วงเวลาเดียวกับที่เจฟฟรีย์อยู่ในกองทัพเล่าว่า “เจฟฟรีย์ฆ่าเหยื่อคนแรกหนึ่งปีก่อนจะเข้าร่วมกองทัพและเขามักจะเมาที่ค่ายและบอกว่าตัวเองฆ่าชายคนนั้นที่โอไฮโอ” เพื่อนทหารก็จะบอกว่า “คุณไม่ได้ฆ่าใครซะหน่อย” เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดเมื่อเขาเริ่มเมามาย แอลกอฮอล์คือสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นสัตว์ร้าย
1
6. เหยื่อของเจฟฟรีย์นับรวมกันได้ทั้งหมด 17 คน เขามักจะเลือกเหยื่อเพศชายที่ไม่สามารถจะหนีเขาได้อย่างเช่น คนโบกรถหรือคนขายยาเสพติด การหายตัวไปของคนเหล่านี้มักไม่ค่อยมีใครสนใจ เขามักจะบีบคอเหยื่อจนถึงแก่ความตาย มีการเก็บบางส่วนของเหยื่อไว้เป็นที่ระลึก และมีการถ่ายภาพศพเก็บไว้
1
การฆาตกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นที่ชั้นใต้ดินของบ้านของยายเขา ยายนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกัชอาชญากรรมด้วยเลย แต่ด้วยความเบื่อหน่ายกับพฤติกรรมการติดสุราและความเมามายในช่วงดึกจึงทำให้เธอไล่เจฟฟรีย์ออกจากบ้าน เจฟฟรีย์ย้ายไปอยู่ที่อพาร์ทเมนต์เลขที่ 25 ถนนนอร์ท มิลวอกี ซึ่งที่นี่เองเป็นสถานที่ที่เขาหลอกล่อเหยื่อให้มาติดกับด้วยเงินและเซ็กส์ เพื่อทำการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ภายในระยะเวลาสองปี จำนวนเหยื่อของเขาเพิ่มจาก 4 เป็น 17 คน
3
เจฟฟรีย์มีการเปิดเผยภายหลังว่า “มันคือกระบวนการ มันไม่ได้เกิดขึ้นภายในเวลาข้ามคืน เมื่อคุณลดความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นและมองเป็นเพียงแค่วัตถุชิ้นหนึ่ง วัตถุที่สร้างความสุขให้ไม่ใช่มนุษย์ที่มีลมหายใจ ซึ่งมันทำให้ง่ายที่จะทำอะไรที่ไม่ควรทำลงไปกับเขา”
1
7. เพื่อนบ้านที่อยู่ร่วมอพาร์ทเมนท์อยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุฆาตกรรมและตัดชิ้นส่วนของศพเพียงไม่กี่เมตรกลับไม่รู้เรื่องอะไร จนเขาสามารถหลบหนีการจับกุมได้เป็นเวลานาน และในสายตาเพื่อนบ้านเขาเป็นเพียงคนขี้อายและถ่อมตัว แต่หลังจากนั้นที่เจฟฟรีย์เริ่มนำชิ้นส่วนของเหยื่อใส่ในถุงพลาสติกและแช่ในช่องแช่แข็ง เพื่อนบ้านก็เริ่มรู้สึกถึงกลิ่นแปลกๆ
WIKIPEDIA PD
8. หลังจากการสังหารเหยื่อ เจฟฟรีย์จะถ่ายภาพศพในแต่ละช่วงของการหั่นอวัยวะ รวมถึงการจัดท่าทางของศพไปตามต้องการ โดยสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้เขาจดจำรูปร่างหน้าตาของเหยื่อได้ ถ้าเขาไม่สามารถเก็บรักษาพวกเขาไว้ใกล้ตัวได้ตลอดกาลแต่อย่างน้อยเขาก็สามารถเก็บโครงกระดูกไว้ได้
วันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1991 เพื่อนบ้านของเจฟฟรีย์โทรแจ้งตำรวจว่ามีเด็กหนุ่มเปลือยกายวิ่งอยู่ที่ถนน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงเจฟฟรีย์อ้างว่านี่คือคนรักของเขาเองที่ดื่มหนักไปหน่อย ตำรวจไม่ติดใจอะไรและส่งตัวเด็กหนุ่มคนนี้คืนแก่มือฆาตกรต่อเนื่อง และหนุ่มน้อยวัย 19 ปีผู้โชคร้ายก็ถูกสังหารเหมือนกับเหยื่อคนอื่นๆ
1
ต่อมาวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1991 เทรซี เอ็ดเวิร์ดได้เมามายอยู่กลางถนนและมีกุญแจมือห้อยอยู่ที่ข้อมือบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเพื่อนแปลกๆ ที่ใส่กุญแจมือเขา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยินอย่างนี้จึงได้ตัดสินใจเข้าไปดูอพาร์ทเมนท์ของเจฟฟรีย์และพบกับภาพถ่ายที่สยองขวัญและเริ่มทำการสอบสวนจนได้พบกับตู้เย็นที่เต็มไปด้วยขวดโหลบรรจุอวัยวะหลายส่วน ขนาดที่หัวหน้าผู้ตรวจการแพทย์กล่าวว่านี่มันยังกับพิพิธภัณฑ์ไม่ใช่สถานที่เกิดเหตุเลยทีเดียว
9. นักนิติวิทยาศาสตร์พบว่าเจฟฟรีย์ได้มีการตัดเส้นประสาทบริเวณสมองกลีบหน้าของเหยื่อบางคนและมีการเจาะหัวกะโหลกและใส่ของเหลวบางอย่างลงไปในกะโหลก นอกจากนี้ยังมีการทดลองฉีดกรดไฮโดรคลอริกเข้าสู่ร่างกายเหยื่อทั้งเป็นเพื่อดูว่าเขาสามารถที่จะควบคุมเหยื่อได้หรือไม่ สิ่งนี้มันเหมือนกับการทดลองซอมบี้อย่างไรอย่างนั้น
เจฟฟรีย์สารภาพว่าเขาได้มีการร่วมเพศกับศพและมีการเก็บรักษาหัวใจของเหยื่อไว้เพื่อกินอีกด้วย เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ไม่ใช่บุคคลวิกลจริต เขาตั้งใจก่อเหตุแม้จะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นชั่วร้ายปานใด
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992 คณะลูกขุนตัดสินว่าเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์มีความผิดในคดีฆาตกรรมเหยื่อ 15 ราย ซึ่งจำนวนจริงๆ อาจจะสูงกว่านี้ และต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 937 ปี
2
123RF
10. เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ไม่ต้องชดใช้โทษในคุกยาวนานขนาดนั้น เพราะตอนเช้าของวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 เขาถูกสั่งให้ทำงานพร้อมกับเพื่อนนักโทษอีก 2 คนตามปกติโดยไม่มีผู้คุมเฝ้ามอง คริสโตเฟอร์ สการ์เวอร์ หนึ่งในนักโทษที่ทำงานด้วยกันเริ่มตั้งคำถามกับเจฟฟรีย์ถึงเรื่องอาชญากรรมของเขาที่มักจะมีเหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน
ข้อพิพาทนี้ทำให้คริสโตเฟอร์ฟาดเจฟฟรีย์ด้วยแท่งเหล็กที่เป็นอุปกรณ์ในยิมจนทำให้เจฟฟรีย์เสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล และคริสโตเฟอร์ยังทำร้ายเพื่อนนักโทษอีกคนจนเสียชีวิตในอีกสองวันหลังจากเกิดเหตุ
1
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA CC DUAL FREQ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา