12 พ.ย. 2020 เวลา 03:00 • หนังสือ
่👨‍👩‍👦ครอบครัวอบอุ่น
👄อ่านแล้วเข้าใจเลยว่า ทำไมแต่ละครอบครัวมักมีปัญหา จากจุดเล็กๆ กลายเป็นนิสัยจนติดมาจนโต กว่าจะเข้าใจแก้ไขได้ก็แสนยาก บางทีก็ติดจนแก้ไม่ออก
📒ส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ อยากให้ทุกคนได้อ่าน
🌹วิธีสร้างความสามัคคืในบ้าน
***หลายสิบปีมานี้ เรามีคำหนึ่งที่ใช้เรียกคนที่มาจากสภาพบ้านแตกสาแหรกขาดว่า "เด็กฮาร์ท" หรือ"เฒ่าฮาร์ท"
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แต่ทำไมครอบครัวของเขาจึงแตกแยกไปคนละทิศคนละทาง
หากไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง เราอาจทำความบาดหมางให้เกิดขึ้นในครอบครัวก็เป็นได้ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ คนที่ถูกเรียกว่าเด็กฮาร์ทนั้น บางคนมาจากครอบครัวที่พ่อแม่แตกแยกมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งทุบตีกันป็นประจำ ทำให้ตัวเองและพี่น้องกลายเป็นเด็กมีปัญหา ดื้อด้าน เกะกะเกเร ไม่เชื่อฟังใคร เพราะไม่มีใครสอนมาตั้งแต่แรกแล้ว
แต่บางคนมาจากครอบครัวที่พ่อแม่ครองเรือนกันดี แต่สาเหตุที่เขาหนีออกจากบ้านก็เพราะพี่น้องไม่ถูกกัน บางครั้งคิดแย่งสมบัติกันตั้งแต่อายุเพียง12-13 ขวบเท่านั้น
ปัญหาทำนองนี้ เมื่อสาวดูลึกๆ จะพบว่า สาเหตุที่แท้จริง คือ การขาดความสามัคคีในครอบครัว เริ่มจากความไม่พร้อมหน้าพร้อมตากลายเป็นความห่างเหิน และนำมาซึ่งความแตกร้าวในที่สุด
***จุดเริ่มตันของอันตรายที่นำไปสู่ความแตกแยกในครอบครัวได้เร็วที่สุด ก็คือ บ้านนั้นกินข้าวไม่พร้อมกัน
ครอบครัวที่มีลูกหลายคน แต่ถึงเวลากินข้าว พ่อแม่ลูกมากินข้าวไม่พร้อมหน้ากัน จะยิ่งเห็นการกระทบกระทั่งกันระหว่างพี่น้องได้ชัดเจน
สมมุติว่าวันนี้แม่ทำกับข้าวอร่อยถูกปากทุกคน ต่างคนก็กินข้าวได้มากขึ้น บัญหาที่อาจเกิดขึ้นก็คือ ข้าวไม่พอกิน
ถ้าครอบครัวนี้กินข้าวพร้อมหน้ากัน ข้าวก็อาจจะขาดไปสักครึ่งชาม เมื่อเฉลี่ยทุกคนแล้วก็ขาดไปเพียงคนละ 2-3 ช้อนเท่านั้น ไม่กระทบกระเทือนเท่าไหร่
แต่ถ้าครอบครัวพ่อแม่ลูกนี้กินข้าวไม่พร้อมกัน เกิดเรื่องแน่นอน ลูกคนที่มากินทีหลังจะได้กินไม่เต็มอิ่ม แค่ได้ข้าวขาดไปสักครึ่งชามก็จะเริ่มน้อยใจขึ้นมาแล้ว ยิ่งถ้าเขาเป็นลูกคนที่ขยันทำงานในบ้านมากที่สุดเท่าใด ความน้อยใจก็ยิ่งมากขึ้นตามลำดับเท่านั้น
แล้วถ้าครอบครัวไหน มีลูกช่างประจบ แต่ขี้เกียจทำงานอยู่สักคนสองคน เจ้าพวกนี่แหละจะมาคอยเคล้าเคลียรอเวลากิน แม่ยังไม่ทันตั้งสำรับ ลูกนักประจบพวกนี้ก็จะฉกของดีๆ ไปกินก่อนแล้ว และก็กินจุด้วย อ้วนปี๋เลย แม่ก็จะรักมาก เพราะช่างพูดเอาใจ
ส่วนลูกขยันๆ กว่าจะงานเสร็จก็เลยเวลากินข้าว พอมากินทีหลัง ตัวเองเหนื่อยมากที่สุดได้กินของเหลือๆ นิดเดียวทุกที แล้วบางทียังต้องล้างจานทั้งหมดด้วย โรคน้อยใจจะตามมา ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างนี้หลายครั้งเข้า ความน้อยใจก็ยิ่งพอกพูน คราวนี้พอมีอะไรนิดหน่อยไปกระทบเข้าระหว่างพี่น้อง ก็จะทะเลาะกันรุนแรงทันที
เช่น ถ้าพี่หรือน้องมาทำแก้วส่วนตัวของเขาแตกไปใบเดียว จะโกรธพลุงพล่านขึ้นมาทันที และอาจเลยไปถึงขั้นทะเลาะทุบตีกันเลย
พ่อแม่ที่ไม่เข้าใจต้นเหตุที่แท้จริงก็อาจไกลเกลี่ยประนีประนอม ซึ่งป็นการแก้กันที่ปลายเหตุ แต่ไม่หายหรอก ลูกก็ยังขุ่นเคืองกันอยู่ลึกๆ ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้หลายหน บางทีก็จะมองลูกแบบเข้าใจผิดอีกด้วย เพราะเขาไม่ใช่คนช่างประจบ ก็ทำให้เขาป็นโรคน้อยใจคนในบ้าน มีช่องทางก็จะหนีออกจากบ้านทันที
จุดเริ่มต้นความแตกแยกที่อาจมองเป็นรื่องเล็กในบ้าน ก็คือเรื่องกินข้าวไม่พร้อมกัน เพราะเป็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นบาดตาบาดใจกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันสะสมเข้าไปในใจลูกโดยที่พ่อแม้ไม่ทันรู้ตัว
และโดยมากเรื่องนี้จะเกิดกับครอบครัวที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ต่างคนต่างยุ่ง พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลามาใส่ใจกัน เลยไม่ทันรู้ว่าคนอื่นๆในบ้านผิดสังเกตอะไรบ้าง
เพราะฉะนั้น ถ้าบ้านไหนกินข้าวไม่พร้อมกัน ก็เป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า บ้านนั้นกำลังจะแตกแยกแล้ว
***ประโยชน์ของการกินอาหารพร้อมหน้ากันทุกวันคือ
ถ้าใครในบ้านมีปัญหาอะไรจะได้พูดกัน ไม่ต้องติดค้างอยู่ในใจ มีอะไรจะแนะนำสั่งสอนกัน ก็ใช้เวลาว่างช่วงนี้แหละเหมาะที่สุด เพราะท้องอิ่ม อารมณ์ดี ยิ่งกว่านั้นยังเป็นโอกาสให้ลูกๆ ได้ถ่ายทอดนิสัยที่ดีไปจากพ่อแม่ โดยการเลียนแบบกิริยมารยาทในการกินอยู่ไปโดยอัตโนมัติ
ในสมัยโมราณ ปู่ย่าตายายของเราถือกันมากว่าอย่างน้อยที่สุดใน 1 วัน พ่อแม่ลูกควรจะต้องมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน 1มื้อ
สำหรับมื้อเช้านั้น อาจทำได้ยาก เพราะต่างคนต่างต้องรีบไปทำงาน หรือรีบไปเรียน
ส่วนตอนกลางวันต่างคนก็กินกันที่โรงเรียน หรือในที่ทำงาน
แต่สำหรับมื้อเย็นนั้นขอให้เป็นเวลานัดพร้อมหน้าพร้อมตากันให้ได้ เพราะถ้าพลาดจากเวลาอาหารเย็นแล้วต่างคนต่างก็มีเรื่องส่วนตัวจะต้องทำ
บางคนจะทำการบ้าน บางคนจะดูทีวี ถ้าไม่มีเวลาอบรมพบปะทำความเข้าใจกันในช่วงกินข้าวมื้อเย็นดีไม่ดีจะทะเลาะกันหน้าทีวีนั่นแหละ เพราะชอบรายการไม่เหมือนกัน
บางบ้านแก้ปัญหาโดยซื้อโทรทัศน์แจกกันดูให้ครบคนละเครื่องเลย พอตกเย็น ต่างคนต่างกิน ต่างคนปิดประตูเข้าห้อง ดูทีวีในห้องตัวเอง ตกลงวันหนึ่งๆ เลยไม่ต้องได้คุยกัน ต่างคนต่างไป ไม่มีความอบอุ่น
นอกจากเรื่องการกินข้าวไม่พร้อมหน้ากันแล้ว ยังมีอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นบ่อยๆ และมักจะกลายป็นจุดเริ่มต้นให้ครอบครัวเกิดความระหองระแหงโดยไม่รู้ตัว นั่นก็คือ คู่สามีภรรยาสมัยนี้ มักมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องการเตรียมข้าวปลาอาหาร ถ้าเอาแต่ชื้อกับข้าวใส่ถุงพลาสติก ต่างคนต่างกินตาจ้องเป๋งอยู่กับละครทีวีแล้วก็เห็นพระเอก นางเอกดีกว่าสามีหรือภรรยาของเรา ก็เตรียมรับสถานการณ์บ้านแตกได้ในไม่ช้าก็เร็ว
อีกตัวอย่างก็คือสามีและภรรยาก็ต้องสังเกตตนเองว่า ถึงคราวนัดพบประชุมญาติฝ่ายเขา เราไปร่วมด้วยหรือเปล่า ไม่ใช่ปล่อยเขาไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ตามลำพัง ก็เตรียมรับสถานการณ์บ้านแตกได้อีกเช่นกัน
เรื่องการทำอะไรพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นสิ่งที่จะสร้างความอบอุ่นสามัคคีให้แก่ครอบครัว อย่าคิดว่าไม่มีอะไร เพระหลายครอบครัวก็พังกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
🎁สรุป การสร้างความสามัคคีในครอบครัว ทำได้ง่ายๆ คือ
ใน1วัน​ ควรจะต้องมีกิจกรรมหนึ่งอย่าง
ที่คนทั้งบ้านจะต้องมาทำพร้อมหน้าพร้อมตากัน
และที่ดีที่สุด ก็คือ การกินข้าวพร้อมกัน หรืออย่างน้อยที่สุด เมื่อใครในบ้านมีเรื่องอะไร ก็มาจับเข่าคุยกันปรึกษากันโดยเอาหลักธรรมเป็นตัวตั้ง แล้วก็ใช้เหตุใช้ผลพูดคุยกัน ถึงแง่มุมต่งๆ ที่เป็นคุณและเป็นโทษ
การพร้อมเพรียงกันเช่นนี้ ก็จะนำความอบอุ่นและความสามัคคีมาสู่ครอบครัวแบบง่ายๆ โดยไม่ยากเย็น​ เพราะชอบรายการไม่เหมือนกัน
ปรโยชน์ของการกินอาหารพร้อมหน้ากันทุกวัน
คือ ถ้าใครในบ้านมีปัญหาอะไรจะได้พูดกัน ไม่ต้องติดค้างอยู่ในใจ มีอไรจะแนะนำสั่งสอนกัน ก็ใช้เวลาว่างช่วงนี้แหละเหมาะที่สุด
📖จากหนังสือ ครอบครัวอบอุ่น
ครอบครัวอบอุ่น

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา