15 ธ.ค. 2020 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
NBA 104 - ประวัติย่อของทีม NBA ตอนที่ 5 - Chicago Bulls
ประวัติทีม Chicago Bulls
ฝั่งที่สังกัด - ฝั่งตะวันออก Central Division
ปีที่ก่อตั้ง - 1966
ชื่อเดิม - Chicago Bulls (1966-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง - เมือง Chicago รัฐ Illinois
ชื่อสนามเหย้า - United Center
เจ้าของทีม - Jerry Reinsdorf
CEO - Jerry Reinsdorf
GM (General Manager) – Marc Eversley
HC (Head Coach) - Billy Donovan
ทีมสังกัดใน G-League - Windy City Bulls
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก - 6 (1991-1993, 1996-1998)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป - 6 (1991-1993, 1996-1998)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division - 9 (1975, 1991-1993, 1996-1998, 2011, 2012)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired - 4 (4, 10, 23, 33)
ประวัติทีมโดยสังเขป
ทีมได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1966 โดยเป็นทีมในสังกัดของลีก NBA ตั้งแต่แรก โดยมีผู้ก่อตั้งอย่าง Dick Klein เป็นทั้งประธานควบกับ GM เป็นคนแรกของทีม
Dick Klein (คนซ้ายสุด)
ฤดูกาลแรกที่ได้ลงแข่งอย่างเป็นทางการคือฤดูกาล 1966/67 ที่ทีมจบด้วยสถิติ 33-48 แต่ก็ยังสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมเดียวในลีกที่เข้ารอบ Playoffs ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ก่อตั้งทีมขึ้นมาอีกด้วย
จากนั้นทีมก็มีสถิติที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ได้เข้ารอบ Playoffs ติดกันถึง 4 ฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูกาล 1971/72 ที่ทำสถิติสูงถึง 57-25 และไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สาย ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Warriors ในที่สุด
แต่หลังจากนั้นผลงานก็ดรอปลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในฤดูกาล 1975/76 ทีมเก็บชัยชนะได้เพียง 24 นัดเท่านั้น ทำให้ทีมตัดสินใจไล่ HC ในขณะนั้นอย่าง Dick Motta ออก และแต่งตั้งผู้ช่วยอย่าง Ed Badger ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
ยุครุ่งเรืองของ Gilmore และ Theus
ในปี 1976 เจ้าของทีมอย่าง Klein ได้ตัดสินใจขายสโมสรให้กับตระกูล Wirtz แต่น่าเสียดายที่เจ้าของใหม่ดูจะไม่ใส่ใจกับผลงานของทีมเท่าไหร่นัก ทำให้ไม่มีการทุ่มทุนสร้างทีมเท่าที่ควรจะเป็น
แต่ก็ยังดีที่ทีมได้ Artis Gilmore และ Reggie Theus มาเสริมทีม และทั้งสองคนก็โชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี จนทีมจบด้วยสถิติ 44-38 กลับไปพื้นที่ Playoffs ได้อีกครั้ง
แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนที่ผลงานจะเริ่มกลับมาย่ำแย่เช่นเดิม
ในปี 1979 ทีมพลาดโอกาสในการเสี่ยงทายเหรียญเพื่อได้สิทธิ์ Draft no.1 ทำให้อดได้ว่าที่ตำนานอย่าง Magic Johnson ที่ไปอยู่กับ Lakers อย่างน่าเสียดาย แถมผู้เล่นที่เป็นแกนหลักของทีมอย่าง Gilmore กลับถูก Trade ไปอยู่กับ Spurs อีกต่างหาก
ยังดีที่ทีมมีผลงานที่ดีขึ้น จบที่สถิติ 45-37 ในฤดูกาล 1980/81 และไปได้ถึง Playoffs รอบสองอีกด้วย แต่ก็เป็นแค่ช่วงสั้นๆ อีกครั้ง
สุดท้ายเมื่อถึงปี 1984 ผู้เล่นที่เป็นแกนหลักอีกคนอย่าง Theus ก็ถูก Trade ออกจากทีม พร้อมกับการที่เจ้าของทีมตัดสินใจไม่บริหารทีมต่อ พร้อมกับขายสิทธิ์ให้กับคนอื่นต่อไป
ยุคของ Michael Jordan
ในปี 1984 ทีมได้สิทธิ์ Draft เป็นอันดับ 3 และปีนี้ถือเป็นหนึ่งในปีที่รวบรวมดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มระดับตำนานเยอะที่สุดครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ หลังจากที่ Rockets ได้เลือก Hakeem Olajuwon และ Blazers เลือก Sam Bowie ในที่สุด Bulls ก็ได้เลือก Michael Jordan เข้าสู่ทีม
Michael Jordan ในปี 1984
และเจ้าตัวเองก็สามารถโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมได้ตั้งแต่ปีแรกในทันที กลายเป็นแกนหลักสำคัญที่ทำให้ทีมเข้าสู่ Playoffs พร้อมกับคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีไปอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
จากนั้นทีมจึงให้ความสำคัญในการสร้างทีมใหม่ที่ใช้ Jordan เป็นแกนหลักมากขึ้น ในปีถัดมา ทีมกลับเข้ารอบ Playoffs ได้อีกครั้ง แต่ต้องไปเจอกับของแข็งอย่าง Celtics ตั้งแต่รอบแรก ถึงจะโดนกวาดตกรอบไป แต่ Jordan ก็ทำสถิติส่วนตัว ทำแต้มสูงถึง 63 แต้มในเกมเดียว และยังเป็นแต้มสูงสุดต่อหนึ่งนัดตลอดกาลในช่วง Playoffs จนถึงปัจจุบัน
ต่อมาในฤดูกาล 1986/87 ทีมก็ต้องเจอกับ Celtics อีกครั้งใน Playoffs รอบแรก และก็ถูกกวาดตกรอบไปอย่างเจ็บปวดเช่นเดิม
ในการ Draft ปี 1987 ทีมได้เสริมขุมกำลังวัยหนุ่มเพิ่มขึ้นอีก ทีมได้เลือก Olden Polynice และ Horace Grant ก่อนส่ง Polynice ต่อให้กับ Sonics เพื่อแลกกับว่าที่ตำนานอีกคนของทีมอย่าง Scottie Pippen เข้าสู่ทีม
Scottie Pippen ในปี 1987
ทำให้ในฤดูกาล 1987/88 ผลงานของทีมดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทีมจบด้วยสถิติ 50-32 พร้อมกับการที่ Jordan คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลไปครอง ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Pistons ในรอบสองต่อไป เช่นเดียวกันกับปีถัดมาที่ไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สาย ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Pistons อีกครั้ง
ในปี 1989 ทีมได้มีการเปลี่ยนแปลง HC อีกครั้ง โดย Phil Jackson ได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน Doug Collins แถมยังไปได้ไกลถึงรอบชิงแชมป์สายเช่นเคย แต่ก็กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ Pistons อีกครั้งเป็นหนที่สามติดต่อกัน
Phil Jackson
หลังจากนั้นผลงานของทีมก็พุ่งสู่จุดสูงสุด ในฤดูกาล 1990/91 ทีมจบด้วยสถิติ 61-21 และคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จ หลังจากที่เอาชนะ Lakers ที่นำโดย Magic Johnson ได้ในเกมที่ 5 ของรอบชิงในปีนั้น
ในปีถัดมา ทีมทำสถิติได้โหดขึ้นไปอีก จบฤดูกาลด้วยสถิติ 67-15 และคว้าแชมป์ลีกได้เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ในรอบนี้เป็นการเอาชนะ Blazers ไปได้ในเกมที่ 6
และในฤดูกาล 1992/93 ทีมก็สามารถทำสถิติคว้าแชมป์ลีกได้สามฤดูกาลติดต่อกันได้สำเร็จ รอบชิงครั้งนี้เป็นการเจอกับ Suns ที่นำโดย MVP ประจำปีอย่าง Charles Barkley ไปได้ในเกมที่ 6 เช่นเดียวกับฤดูกาลก่อน ถือเป็นจุดสูงสุดของทีมอย่างแท้จริง
การประกาศเลิกเล่นครั้งแรกของ Michael Jordan
ในปี 1993 ก่อนที่ฤดูกาลจะเริ่มขึ้น หลังจากพ่อของ Jordan ได้เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมตั้งแต่ในช่วงเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน เขาก็ได้ตัดสินใจประกาศเลิกเล่นกีฬาบาสเกตบอลในที่สุด
ทำให้ Pippen ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีมแทน และโชว์ฟอร์มได้ดีมากจนสามารถคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 1993/94 ไปครองได้สำเร็จ ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Knicks ในเกมที่ 7 ของ Playoffs รอบสอง
หลังจากนั้นทีมก็ได้ตัดสินใจย้ายสนามเหย้ามาเป็น United Center และใช้มาจนถึงปัจจุบัน
ในปี 1994 ทีมได้เสียผู้เล่นฝีมือดีไปหลายคน รวมไปถึง Grant และ John Paxson ที่ลงเล่นให้กับทีมมาอย่างยาวนาน
ในช่วงครึ่งแรกผลงานของทีมถือว่าไม่ดีนัก แต่ก็ยังมีข่าวดีที่ Jordan ตัดสินใจกลับมาเล่นบาสเกตบอลให้กับ Bulls อีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
ทำให้ทีมเร่งเครื่องจนสามารถเข้ารอบ Playoffs ด้วยการเป็นอันดับ 5 ได้ แต่ก็ต้องแพ้ไปให้กับ Magic ในรอบสองเท่านั้น
อย่างไรก็ดี หลังจบฤดูกาล ทีมได้ทำการ Trade ผู้เล่นบางส่วนออกไป และได้ผู้เล่นที่มีสถิติการ Rebounds ที่ยอดเยี่ยมมากๆ อย่าง Dennis Rodman มาจาก Pistons ในที่สุด
Dennis Rodman
หวนกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
ในขณะนี้ Bulls ได้ชื่อว่ามีผู้เล่นตัวจริงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลชุดหนึ่ง นำทัพโดย Jordan, Pippen และ Rodman ตามด้วยตัวสำรองชั้นดีที่นำทีมโดย Steve Kerr และ Tony Kukoc ทำให้ทีมยังเดินหน้าสร้างตำนานให้กับทีมได้อย่างต่อเนื่อง
เริ่มจากฤดูกาล 1995/96 ที่มีสามารถทำสถิติในฤดูกาลปกติที่กลายเป็นสถิติที่ดีที่สุดตลอดกาลของลีกมาอย่างยาวนาน นั่นคือ 72-10 นั่นเอง (ก่อนที่ Warriors จะมาทำลายในภายหลัง) และคว้าแชมป์ลีกได้อย่างสง่างาม
จนทางลีกยกย่องว่าทีม Bulls ชุดคว้าแชมป์ในฤดูกาล 1995/96 ถือเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดตลอดกาลของลีกเลยทีเดียว
ชุดผู้เล่นปี 1995/96
ในฤดูกาล 1996/97 ทีมยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จบด้วยสถิติ 69-13 และคว้าแชมป์ได้เป็นปีที่สองติดต่อกันอีกครั้ง
และในฤดูกาล 1997/98 ที่กลายเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของทีมอย่างแท้จริง เพราะมีข่าวหลายสำนักให้ความเห็นว่านี่จะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของ Jordan
สถานะของ Phil Jackson ในตอนนั้นก็ดูไม่แน่นอนกับอนาคตของทีมมากนัก ในส่วนของ Pippen ก็เริ่มตั้งคำถามให้กับทีมที่ไม่ดูแลเอาใจใส่กับผู้เล่นที่เป็นพระรองเท่าที่ควร
อย่างไรก็ดี ผลงานของทีมก็ยังจบที่สถิติ 62-20 และจบด้วยการคว้าแชมป์สามสมัยรวดได้เป็นหนที่สอง พร้อมกับการประกาศเลิกเล่นของ Jordan พร้อมกับการลาออกของ Jackson ทำให้ถือว่าสิ้นสุดการเล่นได้อย่างสง่างามจริงๆ
สูงสุดกลับสู่สามัญ
ในปี 1998 หลังจากที่ทีมเสียกำลังสำคัญไปทั้ง Jordan และ Jackson ทีมจึงตัดสินใจเข้าสู่โหมดการสร้างทีมใหม่ในทันที
ผู้เล่นระดับแถวหน้าของทีมหลายคนถูกปล่อยออกจรกทีม รวมไปถึงแกนหลักอย่าง Pippen และ Rodman ด้วย ทำให้เหลือผู้เล่นหลักเพียง Ron Harper และ Tony Kukoc เท่านั้น และทั้งสองคนก็ไม่สามารถช่วยทีมได้มากนัก จบฤดูกาลด้วยการที่ไม่ได้เข้ารอบ Playoffs ตามคาด
ในปีถัดมาทีมสามารถคว้าสิทธิ์การ Draft อันดับ 1 ได้สำเร็จ และทีมตัดสินใจเลือก Elton Brand เข้าสู่ทีม ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีมากๆ จนทำให้คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีร่วมกับ Steve Francis ของ Rockets อีกด้วย แต่ผลงานของทีมโดยรวมก็ยังไม่ดีนัก ทีมจบด้วยสถิติ 17-65 เท่านั้น
Elton Brand
ในฤดูกาลถัดมา ถึงแม้ว่าทีมจะพยายามปรับปรุงขุมกำลัง แต่คุณภาพโดยรวมก็ยังย่ำแย่ ถึงแม้ว่า Brand จะยังทำผลงานได้ดี แต่ทีมจบฤดูกาล 2000/01 เพียงแค่ 15-67 รั้งบ๊วยสุดในลีกไปตามระเบียบ
ทำให้ในปี 2001 ทีมได้ตัดสินใจปล่อย Brand ออกจากทีม รวมไปถึงบรรดาผู้เล่นอีกหลายคนเพื่อทำการปรับทัพชุดใหญ่ โดยเน้นไปที่ผู้เล่นอายุน้อยเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ผลที่ได้กลับดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ทีมจบด้วยสถิติ 21-61 แต่ก็ยังรั้งบ๊วยในลีกเช่นเดิม
ในฤดูกาล 2002/03 ทีมได้มีการปรับโฉมไปอีกครั้ง ทีมได้ตัดสินใจ Draft ดาวรุ่งฝีมือดีอย่าง Jay Williams เข้าสู่ทีม พร้อมกับการได้ Donyell Marshall มาเสริมทัพอีกคน ทำให้องค์ประกอบเริ่มดูดีขึ้นมาบ้าง
และในฤดูกาลนี้ถือเป็นฤดูกาลแรกของ HC คนใหม่อย่าง Bill Cartwright อีกด้วย เมื่อจบฤดูกาลทีมสามารถทำสถิติได้ 30-52 ถึงจะยังดูไม่ดีนักแต่ก็ถือว่าเริ่มมาถูกทางแล้ว
อย่างไรก็ดี ในปี 2003 GM ของทีมอย่าง Jerry Krause ก็ได้ตัดสินใจลาออก ทำให้ John Paxson ได้ดำรงตำแหน่งแทน
John Paxson
แต่นั่นไม่ใช่แค่ข่าวร้ายข้อเดียวของทีม นอกจาก Williams จะประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว Tyson Chandler ก็ยังได้รับบาดเจ็บที่หลัง รวมไปถึง Pippen ที่ทีมดึงตัวกลับมาเพื่อนำประสบการณ์มาช่วยทีม กลับมีปัญหาที่เข่าอีกต่างหาก
ถึงแม้ว่าดาวรุ่งในปีนี้อย่าง Kirk Hinrich จะโชว์ฟอร์มได้ดี แต่ก็ไม่สามารถพลิกผลงานของทีมได้ ทำให้จบฤดูกาลด้วยสถิติ 23-59 รั้งอันดับรองบ๊วยของลีกไปในที่สุด
ยักษ์หลับที่เริ่มตื่นขึ้นอีกครั้ง
ในปี 2004 ทีมได้ทำการเดิมพันครั้งสำคัญ โดยการตัดสินใจแลกสิทธิ์ Draft ในปี 2005 เพื่อแลกกับสิทธิ์ Draft รอบแรกเพิ่มขึ้นและทีมก็ได้ใช้สิทธิ์นั้นในการเลือก Ben Gordon และ Luol Deng เข้าสู่ทีม
Luol Deng
ทั้งสองคนต่างก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 47-35 คว้าอันดับ 4 เข้ารอบ Playoffs เป็นหนแรกนับตั้งแต่ Jordan จากทีมไปได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะไม่ผ่านรอบแรกก็ตาม
ในปีถัดมา ทีมได้เซ็นสัญญากับอดีตผู้เล่นเก่าอย่าง Chandler กลับสู่ทีมอีกครั้ง ถึงผลงานจะตกลงจนจบด้วยสถิติ 41-41 แต่ก็ยังคว้าตั๋วเข้ารอบได้แบบฉิวเฉียด เพียงแต่ยังไม่สามารถผ่านรอบแรกไปได้เช่นเคย
ในการ Draft ปี 2006 ทีมได้ตัว LaMarcus Aldridge แต่กลับตัดสินใจส่งต่อให้กับ Blazers เพื่อแลกกับผู้เล่นอย่าง Tyrus Thomas และ Viktor Khryapa เข้ามาแทน และได้ทำการ Trade Chandler ออกไปให้กับ Hornets หลังจากที่ได้ทำการเซ็นสัญญา Ben Wallace เข้ามาสู่ทีม
จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ผลงานของทีมดีขึ้นกว่าเดิมอีก ทีมจบฤดูกาล 2006/07 ด้วยสถิติ 49-33 และสามารถผ่านเข้ารอบสองของ Playoffs ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก (ถ้านับหลังจากที่ Jordan ไม่อยู่กับทีม) ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Pistons ไป 4-2 เกม ตกรอบสองในที่สุด
ฤดูกาลถัดมา ทีมได้ Draft ดาวรุ่งอย่าง Joakim Noah เข้ามาสู่ทีม แต่ผลงานของทีมกลับย่ำแย่ลง เนื่องจากเกิดปัญหาภายในขึ้น จนทีมตัดสินใจไล่ HC อย่าง Scott Skiles ออกจากทีม พร้อมกับแต่่งตั้ง Jim Boylan ให้ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว
Joakim Noah
หลังจากนั้นในช่วงต้นปี 2008 ทีมจึงตัดสินใจ Trade ผู้เล่นหลายคน ทั้ง Wallace, Joe Smith และ Adrian Griffin ในการ Trade สามทางกับ Cavs และ Sonics แต่ทีมก็จบด้วยผลงานเพียง 33-49 เท่านั้น สวนทางกับฤดูกาลที่แล้วอย่างไม่น่าเชื่อ
ซ้ำร้ายหลังจากสิ้นสุดฤดูกาล สัญญาจ้างชั่วคราวของ HC คนปัจจุบันได้หมดลง ถึงแม้ว่าทีมจะพยายามหาโค้ชฝีมือดีหลายคนมาแทน แต่ก็ไม่สามารถมองหาได้ จนสุดท้ายต้องใช้บริการของ Vinny Del Negro ที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการเป็น HC มาก่อนให้มาทำหน้าที่แทน
ยุคของ Derrick Rose
ในปี 2008 ทีมกลับดวงดีมากๆ เนื่องจากได้ Draft อันดับ 1 ทั้งที่มีโอกาสแค่ 1.7% เท่านั้น ทำให้สร้างสถิติทีมที่มีโอกาสน้อยที่สุดแต่กลับได้สิทธิ์ Draft อันดับ 1 ไปครองจนถึงปัจจุบัน และทีมก็ใช้สิทธิ์นี้ในการเลือก Derrick Rose เข้าสู่ทีมในทันที พร้อมกับต่อสัญญา Deng ในระยะยาวอีกด้วย
Derrick Rose
เจ้าตัวเองก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมากๆ สามารถพาทีมจบด้วยสถิติ 41-41 เข้ารอบ Playoffs ไปได้อีกครั้ง และในเกมแรกที่ลงเล่นใน Playoffs เจ้าตัวก็ทำสถิติไปได้ 36 แต้มและ 11 Assists กลายเป็นผลงานของดาวรุ่งที่ถือว่าอยู่ในระดับยอดเยี่ยมของลีกเลยทีเดียว ก่อนที่จะแพ้ Knicks ไปในเกมที่ 7 พร้อมกับสถิติที่ต้องลงแข่งขันในช่วงต่อเวลาพิเศษมากครั้งที่สุดใน Playoffs Series
ในปี 2009 ทีมเสียผู้นำด้านการทำแต้มอย่าง Ben Gordon ไปให้กับ Pistons แต่ทีมก็ใช้สิทธิ์การ Draft รอบแรกทั้ง 2 สิทธิ์ไปแลกตัวผู้เล่นมาหลายคน โดยเฉพาะผู้เล่นอนาคตไกลอย่าง Taj Gibson เข้าสู่ทีม และทีมก็ยังสามารถประคองตัวเข้ารอบ Playoffs ได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ต้องไปจบลงที่รอบแรกเช่นเดิม
การมาของ Tom Thibodeau
ในปี 2010 ทีมได้ตัดสินใจว่าจ้างผู้ช่วยโค้ชของ Celtics อย่าง Tom Thibodeau ให้มาเป็น HC ของทีมที่ยังไม่มีใครกุมบังเหียนในขณะนั้น
Tom Thibodeau
นอกจากนั้นทีมยังได้เสริมทัพอีกชุดใหญ่ นำโดย Carlos Boozer และ Kyle Korver ที่หมดสัญญาจาก Jazz ทั้งคู่ รวมไปถึง Omer Asik ผู้เล่นที่อยู่ในช่วงที่โชว์ฟอร์มได้ดีในลีกตุรกีอีกด้วย
ผลงานในฤดูกาล 2010/11 ถือว่าโหดมาก ทีมจบด้วยสถิติ 62-20 และ Rose คว้า MVP ไปครองเป็นสมัยแรก พร้อมกับทำสถิติเป็นผู้เล่น MVP ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ลีก NBA อีกด้วย
ในส่วนของ Playoffs เองก็สามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สายเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1998 ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Heat ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
อาการบาดเจ็บที่ทำร้าย Rose อย่างต่อเนื่อง
ก่อนเริ่มฤดูกาล 2011/12 ทีมได้ Draft ดาวรุ่งอย่าง Jimmy Butler เข้าสู่ทีม พร้อมกับได้ Rose เซ็นสัญญาระยะยาวต่ออีก 5 ปีด้วยกัน ทำให้ขุมกำลังของทีมในตอนนี้ดูพร้อมที่จะไล่ล่าแชมป์ลีกเอามากๆ
ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้ Rose จะมีอาการบาดเจ็บเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้เล่นคนอื่นโดยเฉพาะ Deng ยังโชว์ฟอร์มได้เป็นอย่างดี จนทีมสามารถคว้าจ่าฝูงฝั่งตะวันออกได้อีกครั้ง แต่อาการบาดเจ็บของ Rose รวมไปถึง Noah ทำให้ทีมกลับต้องแพ้อันดับ 8 อย่าง Sixers ตกรอบแรกไปอย่างสุดช้ำ
ซ้ำร้ายในฤดูกาลถัดมา Rose กลับได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถลงเล่นได้ตลอดฤดูกาลอีกต่างหาก แต่ทีมก็ยังจบด้วยสถิติ 45-37 เข้ารอบได้สำเร็จ ก่อนที่จะแพ้ให้กับ Heat ไปในรอบสอง
ในฤดูกาล 2013/14 ในที่สุด Deng ก็ถูก Trade ออกไปอยู่กับ Cavs ในขณะที่ Rose กลับโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถลงเล่นได้ทั้งฤดูกาลอีกครั้ง เท่ากับว่าเกือบ 2 ปีเต็มที่เขาต้องหายไปจากสนามเลยทีเดียว แต่ทีมก็ยังสามารถจบฤดูกาลด้วยสถิติ 48-34 ก่อนที่จะจอดป้ายแค่รอบแรกของ Playoffs เพียงเท่านั้น
ทำให้ในช่วงปิดฤดูกาล ทีมได้พยายามเสริมผู้เล่นเกมบุกให้มากขึ้น นำโดย Pau Gasol, Henrich อดีตผู้เล่นเก่า และ Nikola Mirotic ที่ทีม Draft มาได้ตั้งแต่ปี 2011 แต่ไม่สามารถลงเล่นให้กับทีมได้เนื่องจากปัญหาเพดานค่าเหนื่อย
Pau Gasol
ในฤดูกาล 2014/15 ทีมได้รับข่าวดี เมื่อ Rose กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้ง ทำให้ขุมกำลังของทีมที่นำโดย Rose และ Gasol รวมไปถึงตัวสำรองอย่าง Gibson และ Mirotic ดูดีมากในขณะนั้น กลายเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์ลีกร่วมกับ Cavs เลยทีเดียว รวมไปถึงการที่ Butler ได้พัฒนาฝีมือขึ้นจากเดิมมากโดยเฉพาะการทำแต้ม ทำให้เจ้าตัวมีลุ้นรางวัลผู้เล่นพัฒนาฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วย
แต่ทีมกลับมีปัญหาภายในกันอีกครั้ง โดยเฉพาะปัญหาระหว่างผู้บริหารทีมที่ไม่ลงรอยกันหลายเรื่อง อย่างไรก็ดี ทีมจบด้วยสถิติ 50-32 แต่ก็ไปได้แค่ Playoffs รอบสองโดยแพ้ให้กับ Cavs ไปในเกมที่ 6 เท่านั้น ก่อนที่ปัญหาระหว่างทีมบริหารจะร้าวฉานหนักจนไม่สามารถประสานงานกันได้อีกต่อไปแล้ว
ทำให้หลังจบฤดูกาลทีมตัดสินใจแยกทางกับโค้ช Thibodeau ในที่สุด และใช้ Fred Hoiberg ทำหน้าที่แทน ซึ่งเขาได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชุดผู้เล่นตัวจริง ด้วยการดัน Doug McDermott และ Mirotic ขึ้นชุดตัวจริงแทน ส่งผลให้ Noah ต้องตกไปเป็นตัวสำรองหลักของทีมแทนที่ ซึ่งทำให้ Noah แอบไม่พอใจอยู่อย่างเงียบๆ เรื่อยมา
ในขณะที่ผลงานในช่วงฤดูกาล 2015/16 ก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก ทีมจบแค่สถิติ 42-40 แต่ก็ไม่ดีพอที่จะเข้ารอบ Playoffs ต่อไปได้ ทำให้ทีมเสียสถิติเข้ารอบอย่างต่อเนื่องเพียงแค่ 8 ปีเท่านั้น
ในปี 2016 ทีมตัดสินใจ Trade Rose ที่ยังคงมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนออกจากทีม ซึ่งได้ส่งตัวไปให้กับ Knicks แลกกับผู้เล่นอย่าง Robin Lopez และ Jerian Grant เข้าสู่ทีม โดยทีมได้ผู้เล่นอย่าง Rajon Rondo เข้ามาแทนตำแหน่งของ Rose นั่นเอง แถมยังได้ผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง Dwayne Wade ที่หมดสัญญากับ Heat อีกด้วย
Rajon Rondo
และในช่วงกลางฤดูกาล ผู้เล่นอย่าง Gibson และ McDermott ก็ถูก Trade ไปให้กับ Thunder โดยแลกกับผู้เล่นระดับสำรองเข้ามาแทนที่ ทีมจบด้วยสถิติ 41-41 และเข้ารอบ Playoffs ได้สำเร็จ แต่ก็ต้องตกรอบเพียงแค่รอบแรกเช่นเคย
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน
ในปี 2017 ทีมได้ตัดสินใจ Trade Butler พร้อมกับสิทธิ์ Draft รอบแรกไปให้กับ Wolves แลกกับผู้เล่นอย่าง Zach LaVine, Kris Dunn และสิทธิ์ Draft รอบแรกของทีมนั้น และถัดจากนั้นไม่นาน Rondo และผู้เล่นอีกบางส่วนได้ถูกถอดออกจากทีมเช่นเดียวกัน รวมไปถึง Wade ที่ถูกเหมาสัญญาจ่ายเพื่อปล่อยออกจากทีมด้วย
ปีนี้มีปัญหาตั้งแต่ช่วงเตรียมทีมเลยทีเดียว เนื่องจาก Bobby Portis และ Mirotic เกิดทะเลาะจนกระทั่งลงไม้ลงมือกันในระหว่างการฝึกซ้อม ทำให้เจ้าตัวเกิดอาการบาดเจ็บถึงขั้นกระดูกหักเลยทีเดียว ส่งผลให้ทั้งคู่ถูกลงโทษ และ Mirotic ถูกปล่อยออกจากทีมในช่วงกลางฤดูกาล
ในตอนนี้ถือว่าทีมเข้าสู่ช่วงสร้างทีมใหม่อย่างแท้จริงแล้ว หลังจากที่ปล่อยผู้เล่นหลักไปจนเกือบหมดทีม และจบด้วยสถิติ 27-55 เท่านั้น
ฤดูกาล 2018/19 ทีมมีการทยอยปรับเปลี่ยนผู้เล่นอีกหลายคน โดยเหลือแกนหลักของทีมเพียงแค่ LaVine และ Otto Porter เท่านั้น ส่วนผู้เล่นที่เหลือทีมยังมองหาตัวที่จะสามารถเสริมขุมกำลังให้กับทีมได้ในระยะยาวต่อไป
จนมาถึงในฤดูกาลล่าสุด ที่สุดท้ายทีมตัดสินใจปลด HC อย่าง Jim Boylen และ GM อย่าง Gar Forman ออกจากทีม หลังจากที่ไม่สามารถพาทีมให้กลับไปเล่นในช่วง Restart หลังจากฤดูกาลถูกระงับลงจากวิกฤต Covid-19 ลงได้
ทำให้ในขณะนี้ทีมมี GM ใหม่เป็น Marc Eversley และ HC คนใหม่อย่าง Billy Donovan ที่จะเป็นคนนำทีมในฤดูกาลหน้าที่กำลังจะเริ่มขึ้นแทนนั่นเอง
Billy Donovan
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา