27 พ.ย. 2020 เวลา 12:32 • ประวัติศาสตร์
เล่าสู่กันฟัง​ (2)
กำเนิดจักรราศี
นักโหราศาสตร์สมัยโบราณทำนายโชคชะตาของบุคคลสำคัญ​ และกำหนดช่วงเวลาที่จะขอพรหรือต่อรองกับพระเจ้า โดยอาศัยการสังเกตตำแหน่งเคราะห์ที่มาสัมพันธ์กับดาวฤกษ์ที่สำคัญ​ และยังใช้ตำแหน่งดาวฤกษ์บอกทิศทางในการเดินทางยามค่ำคืน​
จึงมีการแบ่งวงกลมบนท้องฟ้าออกเป็น​ 12 ส่วนที่เรียกว่าจักรราศี​ เพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิง​ โดยอาศัยดาวฤกษ์หรือกลุ่มดาวฤกษ์​ ที่สังเกตได้ชัดสุดเป็น​จุดแบ่งขอบเขตของแต่ละราศี​ ทำให้ในแต่ละราศีมีขนาดไม่เท่ากัน​
คำพยากรณ์แต่แรกเริ่ม จะใช้ตำแหน่งดาวเคราะห์ที่เคลื่อนมาถึงดาวฤกษ์ที่สำคัญในการออกคำพยากรณ์​ อีกนัยหนึ่ง​การออกแบบคำพยากรณ์ขึ้นกับดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ที่อ้างอิง ไม่ได้ขึ้นกับจักราศีแต่อย่างใด​
นักโหราศาสตร์ยุคต่อมาทำการจำลองจักรราศีมาปรากฏบนแผ่นกระดาษที่เรียกว่าดวงชะตา​ โดยให้แต่ละราศีมีขนาดเท่ากัน​ แต่ยังมีการบันทึกตำแหน่งดาวฤกษ์ไปบนจักรราศี​ จักรราศีเรือนเท่าบนกระดาษจึงเป็นเพียงมาตรวัดตำแหน่งดาวเคราะห์​และดาวฤกษ์ที่สนใจ
ต่อมาจึงได้จดบันทึกรวบรวมดาวฤกษ์​ที่สังเกตเห็น​ ตำแหน่งบนจักรรราศี​ และอิทธิพลต่อดวงชะตา​ รวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ที่เรียกว่า​ Star​ ​catalog เมื่อเวลาผ่านไป​ อักขระที่ใช้บันทึกเลอะเลือน​ แตกหัก​ สูญสลาย​หรือแปรรูปไปจนยากต่อการตีความ​ คงหลงเหลือแต่ชื่อดาว​และตำแหน่งบนจักรราศี​
มาในยุคราวร้อยกว่ามีก่อนค.ศ. นักดาราศาสตร์กรีกพบว่า​ Star​ catalog ในแต่ละยุคสมัยที่มีมาก่อนหน้า​ ได้จดบันทึกตำแหน่งดาวฤกษ์สำคัญบนจักรราศีไม่ตรงกัน​ แสดงว่าจักรราศีแต่ละยุคสมัยอยู่ต่างตำแหน่งกัน​ เพราะดาวฤกษ์จะต้องอยู่ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา
ในช่วงเวลานั้น​ นักดาราศาสตร์มีความรู้เรื่องวิษุวัตกับการเปลี่ยนฤดูกาลแล้ว​ โดยพบว่าในทุก​ 365วันกว่า​ๆ จะมีเพียงสองวันที่ระยะเวลากลางวันกับกลางคืนเท่ากัน​ และเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาล​จากหนาวเป็นใบไม้ผลิ​ และร้อนเป็นใบไม้ร่วง​ ที่เรียกว่าวันวิษุวัติ​ (Equinox)
1
นักดาราศาสตร์ในเวลานั้น​ เชื่อว่าดาวรวงข้าว​(Spica)​ ที่อยู่ 0 องศาราศีตุลย์ตามบันทึกโบราณตรงกับจุดเปลี่ยนฤดูกาล​เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง​(ศารทวิษุวัต)​ แต่จากการคำนวณเวลานั้น​ กลับพบว่าอยู่ห่างจาก​จุดศารทวิษุวัต​ที่ได้จากการคำนวณราว​ 2 องศา​ แสดงว่าตำแหน่งทางจักรราศีมีการเคลื่อนไป​จากบันทึกโบราณ
1
เพื่อให้การบันทึกตำแหน่งดาวฤกษ์มีความแน่นอนสามารถเปรียบเทียบกันได้​ นักดาราศาสตร์ได้ทำการแบ่งจักรราศีเสียใหม่​ โดยกำหนดจุดตั้งต้นราศีเมษให้อิงกับจุดเปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ​ (วสันตวิษุวัต)​ โดยตั้งชื่อว่า​ The​ First Point of Aries ทำให้เกิดจักรราศีตามฤดูกาล​ (Tropical Zodiac) ตั้งแต่นั้นมา​และปล่อยให้จักรราศีที่มีมาในยุคก่อนหน้า​ (Sidereal Zodiac) กลายเป็นประวัติศาสตร์ไป ซึ่งเอาเข้าจริงก็ไม่รู้ว่าอยู่จุดไหนบนท้องฟ้าแน่​ มีแต่ตำแหน่งที่อ้างอิงจากตำแหน่งดาวเคราะห์ในสูตรคำนวณตามคัมภีร์โบราณ
จากประวัติศาสตร์​จะพบว่าจักราศี​ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับความหมายเชิงพยากรณ์​สมัยโบราณ​ แต่การกำหนดความหมายของเรือนชะตาของนักโหราศาสตร์ในยุคต่อมา​ ได้ทำให้การออกแบบคำพยากรณ์ในยุคต่อมา​ เปลี่ยนไปใช้ความหมายของเรือนชะตาแทน​​และส่งอิทธิพลมายังโหราศาสตร์ในยุคปัจจุบัน
โหราทาส
๒๗ พฤศจิกายน​ ๒๕๖๓

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา