28 พ.ย. 2020 เวลา 00:10 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ออมให้เงินโต ภาคกองทุนรวม EP28
“รู้จักกับกองทุน ETF”
สวัสดีครับ ก่อนที่เราจะไปเลือกกองทุนรวมที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ขออนุญาตพาไปรู้จักกองทุนอีกแบบนึงก่อนนะครับ เพราะกองทุนบ้านเราที่ไปลงทุนในกองต่างประเทศ หลายๆครั้งจะไปลงทุนในกองทุนประเภทนี้ นั่นคือกองทุนที่เราเรียกว่า กองทุน ETF
ETF ย่อมาจาก Exchange Trade Fund บริหารจัดการโดย บลจ. และเป็นกองทุนรวมเหมือน กองทุนรวมที่เรารู้จักกันมาแล้วน่ะแหละ
คือเป็นกองทุน 100% แต่มีลักษณะหลายๆอย่างทำให้ กองทุน ETF ”ดูเหมือน” เป็นการรวมร่างระหว่างกองทุน กับ หุ้น
จะเป็นอย่างไรนั้น ก็ตามนี้เลยครับ
1. เราจะเห็น NAV ของ กองทุน ETF เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา (ในทางปฏิบัติคือเปลี่ยนแปลงทุกๆประมาณ 15 นาที)
ปกติถ้าเราซื้อกองทุนเนี่ย เราต้องส่งคำสั่งซื้อก่อนบ่าย 3 ใช่มั๊ย หลังจากนั้นกว่าเราจะรู้ว่าได้ NAV กี่บาทก็โน่นเลย 2 ทุ่ม แต่ถ้าเราซื้อ ETF เราจะได้ราคาที่เราเห็นตอนนั้นเลย
สมมุติเราเห็นราคาลงมาต่ำ เราส่งคำสั่งซื้อที่ราคานี้ เราจะได้ราคานี้เลย ซึ่งในวงการจะเรียก NAV นี้ว่า iNAV (Indicative NAV) โดยในทางปฏิบัติ ราคาที่เราได้จะคลาดเคลื่อนที่ทศนิยมตำแหน่งที่ 2 นะ ไม่ตรงเป๊ะๆ
2. กองทุน ETF นั้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเราต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ (บัญชีซื้อขายหุ้น) ก่อนนะ ถึงจะซื้อกองทุน ETF ได้
เรื่องนี้ทำให้เกิดการเข้าใจผิดบ่อยๆ คือเราตั้งใจจะไปเปิดบัญชีกองทุนรวม แต่เจ้าหน้าที่เข้าใจผิด คิดว่าเราจะซื้อกองทุน ETF เลยเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นให้ก็มี
3. ถึงแม้ NAV จะสามารถเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่ทาง บลจ. มีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดการ “ทำ” ราคาให้สูงหรือต่ำ กว่าความเป็นจริงๆมากๆ แบบที่เกิดกับหุ้นบ่อยๆ โดย บลจ. จะให้ บล. เข้ามาบริหารจัดการในส่วนนี้ ดังนั้นจึงสบายใจได้ว่ากองทุน ETF จะไม่มีการปั่นราคา หรือ ถ้ามีก็ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆนะครับ
ข้อดีอีกอย่างคือ ทาง บล. ที่เข้ามาจัดการเรื่องนี้ เขาจะคอยซื้อ-ขาย กับคนที่ต้องการซื้อ-ขายด้วย เพื่อให้มีสภาพคล่องมากพออยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงเรื่อง อยากซื้อแต่ไม่ของขาย หรือ อยากขายแต่ไม่มีคนซื้อ
หมดละ ในส่วนที่คล้ายๆหุ้น อีกส่วนที่สำคัญมากของ ETF จัดว่าเป็นลักษณะเด่นที่ต้องจำไว้เลย ได้แก่
1. ETF จะมีนโยบายลงทุนเป็นเชิงรับ (Passive) เท่านั้น
ไม่ว่า ETF จะลงทุนในสินทรัพย์อะไร เขาจะลงทุนแบบ Passive เช่น ถ้ามี ETF ที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร เขาจะลงทุนให้ได้ผลตอบแทนพอๆกับหุ้นในกลุ่มนั้น
และแน่นอนว่าถ้ามี ETF ที่ลงทุนในดัชนี เช่น SET50 กอง ETF นั้นก็ไม่ต่างจากกองดัชนี SET เลยนะครับ
2. ความเสี่ยงของกอง ETF ขึ้นอยู่กัย สินทรัพย์ที่กอง ETF นั้นๆเข้าไปลงทุน
คือกอง ETF มีเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำแบบตราสารหนี้ ไปจนถึงเสี่ยงสูงแบบทองคำ ดังนั้นเราต้องดูตรงนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าเห็นเป็นกอง ETF แล้วจะเสี่ยงเท่ากันหมดนะครับ
3. กอง ETF ส่วนใหญ่มักจะมีการจ่ายปันผล ซึ่งอันนี้ส่วนตัวไม่ชอบ เพราะโดนหักภาษีและทำให้ผลตอบแทนไม่ทบต้นเต็มที่
ในปัจจุบันนี้ (เดือน พฤศจิกายน 2563) ในบ้านเรามีกองทุน ETF ทั้งหมด 17 กอง รายชื่อก็ดูได้ที่เว็บไซต์ Morningstar Thailand ตามนี้
เข้ามาที่หน้าแรกของเว็บไวต์ จากนั้นคลิกที่ ข้อมูลอีทีเอฟ (ETFs)
เราก็จะเห็นชื่อกองทุน ETF ทั้งหมดในบ้านเรา
แต่ว่าชื่อย่อของกองทุนนั้น มันไม่แสดงที่หน้านี้ครับ ถ้าเราอยากรู้ชื่อย่อของกองทุนเพื่อไปหาดู Fund Fact Sheet ให้เราคลิกที่ชื่อกองทุน ในที่นี้ลองคลิกที่ BCAP Mid Small CG ETF
จะได้ชื่อย่อคือ BMSCG เราก็เอาชื่อย่อนี้ไปหาดู Fund Fact Sheet ในเว็บ Wealthmagik ได้
ซึ่งการเลือก ETF นั้นทำได้ไม่ยากครับ ไม่ต้องถึงขั้นทำตารางเปรียบเทียบ เพราะว่า ETF มีแค่ 17 กอง ส่วนใหญ่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ต่างกัน ทำให้ไม่สามารถเอามาเปรียบเทียบกันได้
ก่อนอื่นเราต้องเลือกก่อนว่าเราอยากลงทุนในสินทรัพย์ตัวไหน ก็เลือกกอง ETF ที่ลงทุนในสินทรัพย์ตัวนั้น
(ถาม) แล้วในเมื่อเปรียบเทียบกับกองอื่นไม่ได้ เราต้องทำไงต่ออะครับ?
(ตอบ) เรารู้ว่า ETF ลงทุนแบบ Passive ดังนั้นเราก็ดูที่ผลตอบแทนเทียบกับดัชนีชี้วัดก็พอแล้วครับ คือกอง ETF ที่ดี ควรมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัด พูดง่ายๆคือใช้วิธีเหมือนตอนที่เราเลือกกองทุนดัชนีนั่นเอง
ข้อดีของกองทุน ETF
1. เห็นราคาก่อนซื้อ ไม่เหมือนกองทุนรวมปกติที่เราซื้อกันแบบไม่เห็นราคา ไปรู้ราคาหลังจากซื้อแล้ว
2. ได้ผลตอบแทนตามสินทรัพย์นั้นๆเพราะเป็นกอง Passive ทั้งหมด
ข้อเสียของกองทุน ETF
1. ส่วนใหญ่มีปันผล โดนหักภาษีและทำให้ผลตอบแทนไม่ทบต้น
2. อาจจะมองว่ามันแลดูวุ่นวายที่ต้องเปิดพอร์ตหุ้นเพื่อซื้อกองทุน การสลับไปมาระหว่างกองทุน ETF กับกองทุนทั่วๆไปก็ยุ่งยากขึ้นอีก
3. ต้องซื้อหน่วยลงทุนเป็นปริมาณที่หาร 100 ลงตัวเหมือนซื้อหุ้น อาจจะไม่สะดวกสำหรับคนที่ต้องการ DCA เป็นจำนวนเงินเป๊ะๆ ในแต่ละเดือน
4. ในกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์เฉพาะทาง เช่น ทองคำ หรือ ลงในหุ้นเฉพาะอุตสาหกรรม ถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนหุ้นและกองทุนดัชนีทั่วๆไป (บางคนอาจจะเข้าใจว่า กอง ETF เหมือนกัน ความเสี่ยงเท่ากัน ซึ่งผิดนะครับ)
ก่อนจบขอทิ้งท้ายนิดนึง ข้อดีของ ETF ที่ว่าเราเห็นราคาที่แน่นอนก่อนซื้อ ตรงนี้ถ้าเรา DCA เป็นประจำ ไม่ค่อยมีผลมากหรอกครับ กลายเป็นว่าเราต้องมาเสียเวลาคอยนั่งดูราคาเพื่อซื้อตอนถูกๆอีก
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันก็แล้วแต่คนชอบเนาะ ใครชอบแบบนี้ก็ลงทุนได้
วันนี้สวัสดีครับ ชุบ ชุบ
ออมให้เงินโต วางแผนการเงินด้วยตัวเอง ใช้ภาษาบ้านๆ เข้าใจง่าย อ่านฟรีครับ
อ่านแล้วมีคำถาม ถามได้ที่เพจตลอดเวลา ยินดีตอบคำถามอย่างมากๆครับผม
ถ้าอ่านแล้วชอบ สั่งซื้อหนังสือออมให้เงินโตได้จากช่องทางต่อไปนี้นะครับ
Line : @proudorder
คลิก > https://bit.ly/33z7RLe
หรือ > Lazada : PROUD

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา