Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โหราทาสเล่าเรื่อง
•
ติดตาม
1 ธ.ค. 2020 เวลา 11:02 • ประวัติศาสตร์
เล่าสู่กันฟัง (4)
หนังสือสี่เล่มของทอเลมี
Tetrabiblos of Ptolemy
หนังสือสี่เล่มชุดนี้ เขียนขึ้นในราว ค.ศ. 100
เนื้อหาสรุปองค์ประกอบพื้นฐานของโหราศาสตร์สมัยกรีก-โรมันต้นฉบับเป็นภาษากรีกกระจัดกระจายสูญหายไปเกือบหมด ผ่านการแปลเป็นภาษาอารบิกราวคศต.ที่9 ยุคที่อาณาจักรอิสลามรุ่งเรือง ในราวค.ศ. 1138 หลังสงครามครูเสด ก็ได้รับการแปลกลับมาเป็นภาษาละตินแพร่หลายในสเปน ก่อนกระจายไปยังยุโรปตะวันตกในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ
เนื้อหาโดยย่อของบทความนี้ อ้างอิงกับฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษเมื่อปีค.ศ.1822 โดย J.M.Ashmand
เล่มที่1 กล่าวถึงหลักการและเทคนิคพื้นฐานของโหราศาสตร์ เล่มที่2 กล่าวถึงโหราศาสตร์บ้านเมือง(Mundane Astrology) เล่มที่3และ4 กล่าวถึงพยากรณ์ดวงชะตาบุคคล เนื้อหาภาพรวมเป็นบทสรุปหลักการและเทคนิคที่ใช้ไม่ใช่ตำราพยากรณ์ ไม่ได้กล่าวถึงการออกแบบคำพยากรณ์ และไม่มีดวงตัวอย่างอยู่ในนั้น
เล่มที่1
มีการให้นิยาม จัดแบ่งประเภทและกำหนดคุณลักษณะของดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ราศี ตำแหน่งมาตรฐานของดาวเคราะห์ในราศี ความสัมพันธ์ทางราศีและมุมสัมพันธ์ของดาวเคราะห์ทั้งเจ็ด
8 บทแรก ประกอบด้วย
อุณหภูมิ-ความชื้น
อาทิตย์(ร้อนแห้ง)จันทร์(ร้อนชื้น)เสาร์(เย็นแห้ง)อังคาร(ร้อนแห้ง) พฤหัส(อุ่นชื้น) ศุกร์(ร้อนชื้น)พุธ(แห้งและชื้นแล้วแต่ช่วงเวลา)
ศุภเคราะห์-บาปเคราะห์
พฤหัส ศุกร์ จันทร์เป็นดาวศุภเคราะห์
เสาร์ อังคาร เป็นดาวบาปเคราะห์
อาทิตย์ พุธ ขึ้นกับดาวที่มาสัมพันธ์
ชาย-หญิง
อาทิตย์ เสาร์ พฤหัส อังคาร เป็นชาย
จันทร์ ศุกร์ เป็นหญิง
พุธ มีสองเพศ
กลางวัน-กลางคืน
อาทิตย์ พฤหัส เสาร์ เป็นดาวกลางวัน
จันทร์ ศุกร์ อังคาร เป็นดาวกลางคืน
บทที่ 9-11 กล่าวถึงดาวฤกษ์
ดาวฤกษ์ที่สถิตย์ในส่วนต่างๆของแต่ละราศีจะมีอิทธิพลคล้ายดาวเคราะห์ อาทิดาวฤกษ์ในราศีเมษส่วนหัวคล้ายอังคาร-เสาร์ ส่วนปากคล้ายพุธ-เสาร์ ส่วนเท้าคล้ายอังคาร ส่วนหางคล้ายศุกร์ ส่วนราศีอื่นๆก็มีการบรรยายลักษณะรูปร่างของกลุ่มดาวนั้น แล้วใส่ความหมายดาวเคราะห์เข้าไป
กล่าวถึงกลุ่มดาวฤกษ์นอกจักรราศี 35 กลุ่ม และ มีการใส่ความหมายดาวเคราะห์ให้ อาทิ กลุ่มดาวหมีเล็ก(Ursa Minor) มีอิทธิพลคล้ายเสาร์-ศุกร์
5
บทที่ 12-13 กล่าวถึงฤดูกาลทั้งสี่ ใบไม้ผลิ-ร้อน-ใบไม้ร่วง-หนาว ตามด้วยเชิงมุมทั้งสี่(1-4-7-10)จากลัคนาพร้อมคุณสมบัติ อาทิจุดใต้หรือจุดเมอริเดียนมีคุณสมบัติร้อน
บทที่14-19 กล่าวถึงการแบ่งประเภทและคุณลักษณะราศีแบบต่างๆได้แก่
การแบ่งตามฤดูกาล4 ประเภท
Tropical sign (กรกฎ-มกร) อาทิตย์ปัดเปลี่ยนทิศทาง Equinoctical sign (เมษ-ตุลย์) ที่กลางวันเท่ากลางคืน Fixed sign คือราศีที่อยู่ถัดจาก Tropical และ Equinoctical ความเป็นฤดูกาลนั้นเริ่มเสถียร และ Bicorporeal คือราศีที่อยู่ถัด Fixed อยู่ช่วงใกล้ช่วงเปลี่ยนฤดูกาล
1
แบ่งตามเพศชาย-หญิง หรือกลางวัน-กลางคืน
เริ่มจากเมษ-ตุลย์เป็นราศีเพศชาย(กลางวัน)ตามด้วยพฤษภ-พิจิกเป็นราศีเพศหญิงฝ(กลางคืน)สลับราศีกันไป
แบ่งตามความสัมพันธ์เชิงมุมคือเล็ง(180) ตรีโกณ(120) จตุโกณ(90) โยค(60) แก่กัน
(บ่งบอกว่ายุคนี้อาจมีการใช้ความสัมพันธ์เชิงมุม มาเสริมความสัมพันธ์ทางราศีแล้ว)
ราศีออกคำสั่ง(commanding)-เชื่อฟัง(obeying)
ราศีทางซีกฤดูร้อน(เมษถึงกันย์)เป็นราศีออกคำสั่งเพราะกลางวันยาวกว่ากลางคืน(จึงชอบเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง) ส่วนราศีซีกฤดูหนาว(ตุลย์ถึงมีน)เป็นราศีเชื่อฟัง (ในสมพงศ์ดวงชะตา ยังมีการแบ่งย่อยออกเป็น6 คู่ตามราศีออกคำสั่ง-เชื่อฟัง ได้แก่ เมษ-มีน พฤษภ-กุมภ์ มิถุน-มกร
กรกฎ-ธนู สิงห์-พิจิก กันย์-ตุลย์)
ราศีเสมอภาค (กำลังเท่ากัน) เป็นคู่ราศีที่ห่างจากจุดครีษมายัน/เหมายันเท่ากัน แบ่งเป็น 6 คู่ได้แก่
มิถุน-กรกฎ พฤษภ-สิงห์ เมษ-กันย์ มีน-ตุลย์ กุมภ์-พิจิก มกร-ธนู
ราศีที่ไม่เชื่อมกัน (Inconjunct) เป็น 6 หรือ8 ราศีต่อกัน
บทที่ 20-22 เป็นการกำหนดตำแหน่งมาตรฐานของดาวเคราะห์ประจำแต่ละราศี ได้แก่
เจ้าเกษตร์ประจำราศี เช่นอาทิตย์เจ้าเกษตร์ราศีสิงห์และจันทร์เป็นเจ้าเกษตร์ราศีกรกฎ
ราศีตรีโกณและเจ้าตรีโกณทั้ง4 ได้แก่
อาทิตย์-พฤหัส-อังคารเป็นเจ้าตรีโกณเมษ-สิงห์-ธนู
จันทร์-ศุกร์เป็นเจ้าตรีโกณพฤษภ-กันย์-มกร
เสาร์-พุธเป็นเจ้าตรีโกณมิถุน-ตุลย์-กันย์
อังคารเป็นเจ้าตรีโกณกรกฎ-พิจิก-มีน
เจ้าอุจจ์ประจำราศีได้แก่อาทิตย์-เมษ เสาร์-ตุลย์ จันทร์-พฤษภพฤหัส-กรกฎ อังคาร-มกร ศุกร์-มีน พุธ-กันย์และตำแหน่งนิจจ์ในราศีตรงข้ามกับตำแหน่งอุจจ์
บทที่ 23-24 การแบ่งแต่ละราศีเป็นส่วนย่อยได้แก่
Terms คือการแบ่ง 1ราศีเป็น5ส่วน ส่วนละ6องศาในแต่ละส่วนมีการกำหนดดาวเคราะห์เจ้าการประจำส่วน ด้วยสามวิธีที่ต่างกัน คือแบบอิยิปต์ คาลเดียและทอเลมี
Place แบ่ง1 ราศีเป็น12 ส่วนๆละ 2.5องศา
บทที่25-26 หรือสองบทสุดท้ายของเล่ม 1
ว่าด้วยความสัมพันธ์เชิงมุมของดาวเคราะห์ต่ออาทิตย์-จันทร์ และความสัมพันธ์เชิงมุมดาวเคราะห์แบบกำลังวิ่งเข้าทำมุมกัน(Application) หรือวิ่งออกหลังจากทำมุมกัน (Separation) รวมถึงวังกะของดาว(ระยะเข้าใกล้ที่เริ่มมีอิทธิพลต่อกัน)
-----จบเล่มที่1------
ข้อสังเกตและความเห็นของข้าพเจ้า
1. ในหนังสือเล่มที่ 1 นี้ ทอเลมีพยายามทำให้โหราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำองค์ความรู้ด้านภูมิศาสตร์ดาราศาสตร์และฟิสิกส์พื้นฐานเรื่องคุณสมบัติวัตถุ ซึ่งถือว่าก้าวหน้าในสมัยนั้น มาใช้เป็นเหตุผลและคำอธิบาย มีการเก็งความจริงบางเรื่องเช่น คุณสมบัติของดาวเคราะห์ตามอุณหภูมิและความชื้นตามลักษณะกายภาพที่สังเกตเห็น
2.มีการกล่าวถึงปัจจัยฤดูกาลชัดเจน รวมถึงเรื่องมุมสัมพันธ์ ทำให้สันนิษฐานว่าโหราศาสตร์ในยุคหลังคริสตศักราช เริ่มมีการใช้จักรราศีแบบฤดูกาลกันแล้ว (Tropical Zodiac) รวมถึงใช้มุมสัมพันธ์ระหว่างดาวเคราะห์ แทนที่มุมสัมพันธ์เชิงราศีที่มีในตำรายุคก่อนหน้า
3.อย่างไรกก็ตาม หากอ่านไปจนถึงเล่มที่3และ4 ที่กล่าวถึงการพยากรณ์ชะตาบุคคล จะพบว่ามีการกำหนดความหมายของบุคคลและสถานะทางสังคม สถานที่ สิ่งแวดล้อมและเหตุการณ์ ให้กับดาวเคราะห์/กลุ่มดาวเคราะห์ ซึ่งไม่ได้มีเหตุผลบอกไว้ เข้าใจว่าเป็นเพียงคัดลอกความหมายตามตำราโหราศาสตร์ที่มีมาในยุคก่อนหน้าหรือร่วมสมัยกับผู้เขียน (ทอเลมี) หนังสือชุดนี้มองในภาพรวมจึงดูขาดเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ และสันนิษฐานว่าเป็นเพียงบันทึกองค์ความรู้/ความเชื่อของคนร่วมสมัย และไม่ใช่ตำราเพื่อการพยากรณ์
เนื้อหาในหนังสือคงยืนยันสมมติฐานที่ว่า มีการใช้จักรราศีเป็นเพียงเครื่องมือวัดคุณภาพและเข้มแข็งของดาวเคราะห์แต่ละดวง และแต่ละคู่หรือกลุ่ม ผ่านความสัมพันธ์เชิง(มุม) ราศีของของดาวเคราะห์นั้น
1
โหราทาส
๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ประวัติโหราศาสตร์และอื่นๆ
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย