5 ธ.ค. 2020 เวลา 05:00 • อาหาร
#2 The Brain Club : FOOD
เรื่องน่ารู้ของ “อกูตัก ” ไอศกรีมไขมันสัตว์ของชาวเอสกิโม
ชาวเอสกิโม เป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยใน อะแลสกา ในแถบขั้วโลกเหนือ ถึงแม้จะอยู่ในที่หนาวเย็นขนาดนี้ พวกเขาก็มีไอศกรีมกินเหมือนพวกเรา โดยไอศกรีมของพวกเขามีชื่อเรียกว่า อกูตัก ( Akutaq )
แต่มีเรื่องน่าแปลก 2 ข้อคือ
1) ทำไมพวกเขาต้องกินไอศกรีมทั้งที่พวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งที่หนาวเหน็บขนาดนี้
2) ไอศกรีมของพวกเขาต้องแช่ในตู้เย็นหรือไม่ ?
เราจะไปหาคำตอบกันในบทความนี้ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องแปลกใจอย่างแน่นอน
ชาวเอสกีโม
คำว่า อกูตัก ( Akutaq ) เป็นคำภาษายูปิก มีความหมายว่า "ผสมรวมเข้าไปด้วยกัน" แม้หน้าตาจะเหมือนไอศกรีมมากแค่ไหน แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ไอศกรีมแบบที่เราเข้าใจ จุดประสงค์หลักที่พวกเขาทานอกูตัก คือใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับการอยู่รอดในพื้นที่หนาวเย็น เนื่องจากให้พลังงานสูง ช่วยอบอุ่นร่างกายให้พร้อมต่อสภาพอากาศหนาว
3
วัตถุดิบหลักที่ใช้ ก็ไม่ได้ทำมาจากครีมหรือนม แต่ทำมาจากเนื้อสัตว์และไขมันสัตว์ที่อาศัยอยู่ในแถบขั้วโลกเหนือ ได้แก่ สิงโตทะเล ,แมวน้ำ ,กวางมูซ ,กวางเรนเดียร์ แล้วแต่จะเลือกมา พร้อมใส่เบอร์รี่ตบท้ายเป็นท็อปปิ้งให้มีสีสันดูน่ารับประทานเหมือนไอศกรีม
1
◾️ ขั้นตอนการทำแบบต้นตำหรับ
- นำกระดูกออกจากเนื้อสัตว์ ขูดหรือบดเนื้อออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ
- นำเนื้อมาเคี่ยว เป็นเวลา 20 นาทีโดยใช้ไฟอ่อน
- นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมให้เข้ากันในชามไม้ที่เรียกว่า " ทัมนัค " ( หากไม่มีจะใช้กระทะโลหะหรือภาชนะอื่นๆ แทน )
- ใส่น้ำมันพืชประมาณหนึ่งถ้วย ( หรือมากกว่านัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเนื้อทั้งหมด )
- หากต้องการความหวาน ให้ใส่น้ำตาลลงไปเพื่อลดกลิ่นคาว
- ใช้มือตีส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จนไขมันกลายเป็นครีม
- ล้างผลเบอร์รี่ให้สะอาดแล้วใส่ลงไป
- ตักใส่ภาชนะที่ต้องการ ปิดฝา แล้วนำไปตากที่อากาศเย็น
ด้วยความเย็นสุดขั้ว ครีมจะเริ่มแข็งเป็นไอศกรีมพร้อมเสิร์ฟทันที
ในปัจจุบันสูตรของอกูตักได้ถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย มีการใช้เนยขาวแทนที่ไขมันสัตว์ แต่ก็ยังคงมีการใส่เนื้อสัตว์และผลเบอร์รี่ลงไปเหมือนเดิม
ขั้นตอนการผสมวัตถุดิบทั้งหมดเข้าด้วยกัน
สาเหตุว่าทำไมผลไม้ที่ใส่คือผลเบอร์รี นั้นเป็นเพราะว่าเบอร์รีหาง่าย สามารถพบได้ทั่วไปในพื้นที่อากาศหนาวเย็นแบบนี้
ผลเบอร์รี่ที่ใส่ในอกูตักจะมีหลากหลายชนิดให้เลือก ได้แก่ บลูเบอร์รี่ ,คลาวด์เบอร์รี่ ,ครอเบอร์รี่ และแครนเบอร์รี่
ชาวเอสกิโมรักไอศกรีมนี้มาก โดยผู้หญิงชาวเอสกิโมจะทำไอศกรีมเนื่องในโอกาศพิเศษต่างๆ เช่น งานศพ หรือการออกล่าสัตว์ครั้งแรกของเด็กหนุ่ม ใช้เป็นอาหารเสริมของนายพรานเวลาออกไปล่าสัตว์ พวกเขาก็นำอกูตักติดตัวไปด้วย เพื่อทานรองทองหากต้องติดอยู่ในพื้นที่หนาวเย็นนานๆ
◾️ วัฒนธรรมทางสังคม
อกูตัก คืออาหารโปรดของชาวพื้นเมืองอะแลสกามาหลายพันปี ไม่มีสูตรตายตัวที่แนนอน เพราะจะไม่มีการจดบันทึกสูตร แต่ละบ้านก็จะมีสูตรของตระกูลที่สืบทอดกันมา บอกต่อกันปากต่อปาก และจะไม่มีการเปลี่ยนสูตร ถ้าหากบ้านไหนแอบเปลี่ยนหรือนำสูตรของบ้านอื่นมาใช้ หากถูกจับได้ พวกเขาจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมนั้นๆ
◾️ สิ่งที่ควรรู้สำหรับนักท่องเที่ยว
ชาวพื้นเมืองชอบเสิร์ฟอกูตักให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือน เมื่อเรารับมาทานอย่างเต็มใจ พวกเขาจะรู้สึกภูมิใจที่ได้แบ่งปันวัฒนธรรมแก่เรา
ในบางครั้งพวกเขาเองก็อาจจะเขิน ไม่กล้าเอาให้เรากิน เพราะกลัวว่าจะถูกปฏิเสธ เมื่อเขานำอกูตักมาเสิร์ฟให้เรา มารยาทที่ดีอย่างน้อยเราควรลองทานสักนิดก็ยังดี อย่าแสดงอาการรังเกียจ พูดเยาะเย้ย หรือแสดงท่าทีไม่เต็มใจออกมา
แต่ถ้าเราไม่สามารถทานได้จริงๆ ให้รับมาแบบเต็มใจ จากนั้นมองหาผู้อาวุโสที่อยู่บริเวณนั้น ยกไปเสิร์ฟให้ท่านแทน เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อชาวพื้นเมือง จากนั้นรับจานกลับมาและเติมอาหารที่เราทานได้ลงไปแทน
โดยคนส่วนใหญ่คนที่เคยทานอกูตักมาแล้วต่างบอกว่ารสชาติอร่อย
ถ้าหากอยากลองทานว่าอร่อยจริงหรือไม่ สามารถหาทานแถวรัฐอลาสก้า สหรัฐอเมริกา เพื่อลิ้มรสอกูตักแบบของแท้ต้นตำรับ
ดูจากหน้าตาแล้วก็ดูน่ากินดี แต่พอดูส่วนผสมที่ต้องใช้เนื้อน้องสัตว์น่ารักหลายชนิด ก็แอบส่งสารเหมือนกันนะ แอดเลยขอเรียกเมนูนี้ว่า "อกูไม่ตัก" ก็แล้วกัน 😛 ถ้าหากใครเคยทานแล้ว ลองคอมเมนต์บอกความรู้สึกให้แอดฟังหน่อยนะ ว่าอร่อยจริงหรือเปล่า
สุดท้ายนี้ขอฝากติดตามบทความของสโมสรสมอง แล้วเจอกันในบทความหน้าว่าจะเกี่ยวกับเมนูอะไร รอติดตามกันด้วยนะ Good Bye 💚

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา