11 ธ.ค. 2020 เวลา 11:33 • การศึกษา
ประสบการณ์และสิ่งที่ได้จากการเรียนปริญญาโท
1
โพสต์นี้เป็นโพสต์นอกเรื่อง ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์นะครับ
แต่สำหรับบทความนี้ ผมอยากจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สำหรับผู้ที่สนใจจะเรียนต่อปริญญาโทนะครับ
ผมนั้นเลือกเรียนต่อปริญญาโทที่คณะบริหารธุรกิจ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยเลือกเอก BM (Business Management)
ก่อนที่จะเข้ามาเรียนนั้น ผมก็คิดว่าเรียนด้วย ทำงานด้วยคงเหนื่อย แต่ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้เข้ามาลองเรียนแล้ว ถึงรู้ว่าเหนื่อยจริงๆ ครับ
การเรียนปริญญาโท ผมคิดว่าจะมีความต่างจากระดับปริญญาตรี ตรงที่ผู้เรียนจะมีอิสระในความคิดมากกว่า สามารถนำความคิดของตนมาประยุกต์เข้ากับการเรียนได้ แต่ขณะเดียวกัน เนื้อหาก็จะเจาะลึกลงไปมากกว่าปริญญาตรี
หากเป็นคนที่ไม่ได้ทำงาน เรียนอย่างเดียว ก็อาจจะไม่ลำบากมาก (แต่ก็หนักอยู่แหละครับ) แต่ถ้าเรียนด้วย ทำงานด้วย ผมบอกเลยว่าเหนื่อยแน่นอน
ตอนที่เรียนปริญญาโท แค่เทอมแรก ผมจำได้แม่นว่าช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่ายุ่งที่สุดในชีวิต
ทำงานจันทร์-ศุกร์ เลิกห้าโมงเย็น จะมีสองวันในวันธรรมดาที่ต้องไปเรียน และเรียนวันเสาร์หรืออาทิตย์อีกหนึ่งวัน
แต่ช่วงที่ใกล้พรีเซนต์งานกลุ่มนั้น จันทร์-ศุกร์ ทำงาน วันที่ไม่มีเรียน ตอนเย็นก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัย ไปทำงานกลุ่ม ประชุมงาน เสาร์หรืออาทิตย์เรียน แต่อีกวันที่ไม่มีเรียนก็ต้องไปมหาวิทยาลัยเพื่อทำงานกลุ่มอยู่ดี
เรียกได้ว่าเวลาส่วนตัวนี่แทบไม่มี บางวันผมได้กลับบ้านเกือบเที่ยงคืนและต้องตื่นตอนเช้าไปทำงาน
ช่วงนั้นแม้แต่เวลาจะไปตัดผม (ผมตัดผมเดือนละครั้ง) ยังไม่มี ถ้าใครเพิ่งจะมีแฟนในตอนนั้น บอกเลยว่าทั้งตัวคุณและแฟนของคุณต้องรักกันจริง ใจต้องหนักแน่น ต้องอาศัยความเข้าใจสูงมากเลยครับ
ที่เขียนนี่ไม่ได้จะขู่ให้กลัวนะครับ เพียงแต่แค่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ผมเรียนนั้นเป็นยังไง และให้เตรียมตัว เตรียมใจไว้ เพราะถ้าจะเรียน คุณก็คงเจอคล้ายๆ ผม (แต่ก็อาจจะแล้วแต่ที่ก็ได้ครับ)
อีกความรู้สึกหนึ่งที่ผมคิดว่าหลายคน อาจจะ 90% ที่เรียนปริญญาโท น่าจะต้องเคยรู้สึกหรือมีอารมณ์ชั่ววูบขึ้นมา
นั่นคือความรู้สึกว่า “เลิกดีกว่ามั้ย?”
ช่วงที่เรียนปริญญาโท ผมผ่านอารมณ์นี้มาน่าจะเกือบ 10 ครั้งได้ครับ
“กูมาทำอะไรอยู่วะเนี่ย?”
1
“ไอ้ที่เรียนมาจะได้ใช้หรือเปล่าก็ไม่รู้ กูกำลังเสียเวลาทำอะไรวะเนี่ย?”
“เพื่อนคนอื่นๆ เลิกงานก็ไปเดินห้าง กลับบ้าน เสาร์อาทิตย์ไปหาแฟน ไปเที่ยว แล้วดูกู กูทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไรวะเนี่ย?”
ความคิดเหล่านี้ผ่านเข้ามาในหัวผมแทบจะตลอด แต่สุดท้ายก็กัดฟันผ่านมาได้ และมองย้อนกลับไป ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ (แต่ให้กลับไป คงไม่เอาแล้วครับ 55)
5
สำหรับเหตุผลที่เรียนต่อปริญญาโท โดยส่วนตัว (ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ) ก็ขึ้นกับแต่ละคนครับ
หากคุณทำงานในองค์กร อยากจะก้าวหน้า ขึ้นเป็นหัวหน้าคน ผมคิดว่าในสังคมไทย วุฒิปริญญาโทก็ยังสำคัญอยู่ ต่อให้เก่งแค่ไหน แต่ไม่มีวุฒิ ก็อาจจะขึ้นลำบาก หรือถึงคุณเก่งจริง บริษัทจะให้คุณขึ้นจริงๆ บริษัทก็จะส่งคุณ บังคับให้คุณไปเรียนต่ออยู่ดี
1
ผมมีเพื่อนเป็นวิศวกร อยู่บริษัทน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่ง มันทำงานมาเกือบ 10 ปีแล้ว จริงๆ ควรจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหรือระดับบริหารแล้ว แต่มันก็ยังอยู่แค่วิศวกร เหตุผลเพราะมันจบปริญญาตรี ยังขี้เกียจเรียนปริญญาโท
ดังนั้นถ้าคุณอยากก้าวหน้าในการทำงานในองค์กร ผมว่าก็ควรเรียนนะ
1
แต่ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือคุณพอใจในตำแหน่ง ในหน้าที่การงานปัจจุบัน รายได้เป็นที่พอใจสำหรับคุณแล้ว ไม่ได้ต้องการไขว่คว้าอะไรมาก ธุรกิจคุณก็ดีอยู่แล้ว รายได้เป็นที่พอใจและเลี้ยงตัวเองได้ ถ้าอย่างนี้ผมว่าก็ไม่ต้องเรียนหรอก ยกเว้นคุณอยากได้สังคม อยากได้ประสบการณ์ หรือมีเวลาว่าง อันนี้ก็แล้วแต่แล้วครับ
1
สำหรับผมที่จบปริญญาโทแล้ว ถามว่าคุ้มมั้ย ก็ค่อนข้างครับ อย่างน้อยเวลาจะเปลี่ยนงานหรือจะเลื่อนตำแหน่ง ก็น่าจะเบาใจได้บ้าง อาจจะไม่ต้องลุ้นมากเท่าไร
พ่อของผมนั้นอยากให้เรียนต่อปริญญาเอก แต่ผมคงไม่เอาแล้วครับ คิดว่าแค่นี้พอแล้ว
โดยส่วนตัว ผมไม่ได้ทำงานสายวิชาการ ไม่ได้เป็นอาจารย์หรือนักวิจัย เลยไม่รู้จะเสียเวลาเรียนต่อปริญญาเอกไปทำไม (แต่ถ้าใครมีเหตุผลว่าควรเรียนปริญญาเอกทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานสายวิชาการก็ลองแชร์มาได้ครับ)
ทั้งหมดนี้ก็เป็นมุมมองที่อยากแบ่งปัน ใครมีประสบการณ์การเรียนต่อยังไง ก็มาแบ่งปันกันได้นะครับ
โฆษณา