12 ธ.ค. 2020 เวลา 06:56 • ประวัติศาสตร์
“ฐานันดรที่หนึ่ง (First Estate)” หรือ “นักบวช” เรื่องราวแห่งการปฏิวัติฝรั่งเศส
เรื่องราวของเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศส มีหลายแง่มุม หลายองค์ประกอบที่น่าสนใจและศึกษา
1
ฐานันดรทั้งสามคือหนึ่งในนั้น
ฐานันดรแรก คือ “ฐานันดรที่หนึ่ง (First Estate)” คือชนกลุ่มเล็กๆ หากแต่มีอิทธิพลในสังคมฝรั่งเศสสมัยศตวรรษที่ 18 ซึ่งฐานันดรกลุ่มนี้ก็คือเหล่า “นักบวช” นิกายคาทอลิก
อำนาจและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในฐานันดรที่หนึ่ง เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นวงกว้างในช่วงเวลาของการปฏิวัติฝรั่งเศส
ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติ สังคมฝรั่งเศสได้ถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มฐานันดร โดยฐานันดรที่หนึ่งจะประกอบด้วยสมาชิกคริสตจักรคาทอลิกประมาณ 130,000 คน มีทั้งนักบวช บาทหลวง พระ แม่ชี
ฐานันดรที่หนึ่งนี้จะได้รับความเคารพนับถือและมีเกียติ เนื่องจากในสมัยศตวรรษที่ 18 นั้น ความศรัทธาในพระเจ้า โลกหลังความตาย ความเชื่อเหล่านี้ครอบงำผู้คนในสังคม เหล่านักบวชในฐานันดรที่หนึ่ง จึงดูจะเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าใจและเข้าถึงพระเจ้าได้
ดังนั้นฐานันดรที่หนึ่งจะมีอำนาจและอิทธิพลต่อสังคมอยู่มาก แม้แต่ราชสำนักก็ยังต้องเกรงใจ คาร์ดินัลหรืออาร์ชบิชอประดับสูงก็เป็นที่ปรึกษาให้แก่กษัตริย์ คริสตจักรคาทอลิกก็เป็นนิกายที่ผูกขาดในฝรั่งเศส
1
นอกจากนั้น คริสตจักรยังมีบทบาทต่อชีวิตของผู้คน พิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีแต่งงานหรืองานศพ ก็จะต้องมีนักบวชเป็นผู้ทำพิธี อีกทั้งบาทหลวงยังทำหน้าที่เสมือนผู้นำชุมชนในพื้นที่ห่างไกลอีกด้วย
ด้วยความที่คริสตจักรมีความสำคัญและมีบทบาทต่อสังคมฝรั่งเศสมากนี้เอง ทำให้คริสตจักรก็มีความมั่งคั่ง
ที่ดินกว่า 10% ในฝรั่งเศสเป็นของคริสตจักรและทำเงินให้คริสตจักรมากมายมหาศาล
คริสตจักรยังได้รับการยกเว้นภาษี ไม่ต้องจ่ายภาษีให้รัฐ หากแต่เจ้ากระทรวงในราชสำนักก็ไม่พอใจนัก มีปัญหากับคริสตจักรอยู่บ่อยครั้งในเรื่องการยกเว้นภาษี โดยเจ้ากระทรวงต้องการให้คริสตจักรตอบแทนสังคมให้มากกว่านี้ มีการเจรจาและกระทบกระทั่งกันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในยามสงคราม ประเทศจำเป็นต้องหาเงินมาเป็นทุนในการทำสงคราม แต่คริสตจักรยังอยู่สุขสบาย ไม่ต้องเสียภาษีเลย
คริสตจักรก็ยอมประนีประนอม โดยตกลงที่จะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งแก่รัฐทุกๆ ห้าปี โดยต้นศตวรรษที่ 18 คริสตจักรก็จ่ายเงินให้รัฐเป็นจำนวนหลักล้าน แต่นั่นก็เพียงแค่ราวๆ 2% ของรายได้คริสตจักร ซึ่งอันที่จริงแล้ว เงินที่คริสตจักรจ่ายไปนั้น น่าจะเรียกว่าเป็นสินบน ให้คริสตจักรยังคงได้รับการยกเว้นภาษีเสียมากกว่า เนื่องจากหากต้องเสียภาษี คริสตจักรคงต้องจ่ายเยอะกว่านี้
ยิ่งนานวัน คริสตจักรก็มีแต่จะมั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆ นักบวชระดับสูงในคริสตจักรต่างมีฐานะร่ำรวย มีรายได้มากมายมหาศาลจากค่าเช่าที่ดิน อีกทั้งยังได้สิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย และยังได้บรรดาศักดิ์อีกด้วย
1
นอกจากได้ยกเว้นภาษีแล้ว สมาชิกคริสตจักรยังได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร เวลาไปทำความผิด จะต้องขึ้นศาล ก็จะมีศาลพิเศษที่เหล่าลูกขุนก็คือเหล่านักบวชด้วยกันเอง
1
ด้วยความที่มีสิทธิพิเศษมากมายอย่างนี้ จึงทำให้ฐานันดรที่หนึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวลาต่อมา
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ชาวฝรั่งเศสที่แต่ก่อนนั้นเคร่งศาสนา มีความศรัทธาต่อคริสตจักร เริ่มจะแสดงความไม่พอใจและวิจารณ์คริสตจักรอย่างเปิดเผย มีงานเขียนและคำถามมากมายถึงอำนาจของคริสตจักร รวมทั้งความไม่พอใจที่เหล่านักบวชมักจะทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของตน มากกว่าจะทำเพื่อพระเจ้าจริงๆ
ด้วยความเสื่อมศรัทธานี้เอง ทำให้ผู้คนจำนวนมากเริ่มออกห่างจากคริสตจักรคาทอลิก คนที่ยังอยู่ ก็คิดว่าถึงเวลาต้องปฏิรูป
ไม่เพียงแต่สามัญชนเท่านั้นที่ไม่พอใจ หากแต่นักบวชระดับล่างก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน เนื่องจากก็มีความเหลื่อมล้ำระหว่างพวกตนกับนักบวชระดับสูง
ราว 1 ใน 3 ของนักบวช คือนักบวชระดับล่างที่ประจำอยู่ในเขตศาสนจักร โดยนักบวชเหล่านี้เป็นนักบวชที่มีการศึกษาและเป็นที่เคารพนับถือ หากแต่มักจะถูกนักบวชระดับสูงมองข้าม และค่าตอบแทนก็น้อยนิด
ในช่วงศตวรรษที่ 18 นี้เอง เหล่านักบวชเริ่มจะแตกคอกัน โดยเฉพาะนักบวชที่ได้เห็นและสัมผัสชีวิตชาวบ้าน ความยากลำบากของชาวบ้าน กับเหล่านักบวชระดับสูงที่ยังคงเพลิดเพลินกับความสุขสบายของตน
นักบวชระดับล่างเริ่มจะเรียกร้องประชาธิปไตย รวมทั้งต้องการให้พิจารณาการที่คริสตจักรได้รับการยกเว้นภาษี อีกทั้งผู้แทนในกลุ่มนักบวชจำนวน 149 คน ได้เข้าร่วมกับฐานันดรที่สาม แสดงถึงความไม่พอใจในฐานันดรที่หนึ่งและคริสตจักร
นี่คือฐานันดรที่หนึ่งในฝรั่งเศส คราวหน้า ผมจะมาเล่าถึงฐานันดรต่อๆ ไปนะครับ
โฆษณา