# Pac-Man ไอคอนการกินที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์การเล่นเกม อาเขต ไปตลอดกาล
บางสิ่งที่มีพื้นฐานจากความเรียบง่าย หรือความคิดพื้นฐานแบบทั้วไป ก็สามารถสร้างสิ่งใหม่ ที่แตกต่างและอัศจรรย์จนนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งได้เช่นกัน อ่านเรื่องราวต่อไปนี้แล้วคุณจะเข้าใจ
*****
Toru Iwatani เขาเป็นนักออกแบบวิดีโอเกมที่ทำงานให้กับบริษัท Namco ในปี 1979 เขามุ่งมั่นที่จะสร้างเกมที่ดึงดูดผู้หญิงและคู่รักให้เข้ามาเล่น
มากกว่าการเล่นเกมอาร์เขตแบบดั้งเดิมที่มักจะรุนแรง จากการยิงเอเลี่ยนอวกาศและศัตรูตัวอื่น ๆ ในยุคนั้น
จนทำให้ลูกค้าส่วนมากเป็นชายหนุ่ม และวัยรุ่น
Toru จึงตัดสินใจที่จะสร้างเกมเกี่ยวกับการกินโดยอนุมานว่ามันจะช่วยเชื่อมโยงกับผู้เล่นที่เป็นผู้หญิงได้ โดย Toru ให้เหตุผลว่า “ เมื่อคุณคิดถึงสิ่งที่ผู้หญิงชอบ คุณจะนึกถึงแฟชั่น ,การทำนายดวงชะตา ,อาหารหรือการออกเดท”
“ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจตั้งธีมของเกมเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "การกิน" อีกทั้งหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้วผู้หญิงก็มักจะชอบทานของหวานด้วย"
กระทั่งวันหนึ่งในขณะที่ Toru กำลังค้นหาและคิดออกแบบตัวละครหลักอยู่นั้นเอง
Toru ก็ได้หยิบพิซซ่า ที่วางไว้บนโต๊ะระหว่างที่ทานเป็นมื้อเย็นร่วมกับสมาชิกในทีมของเขาขึ้นมา และเมื่อนำชิ้นสามเหลี่ยมออกจากพาย
แรงบันดาลใจในการสร้างตัวละครก็เกิดขึ้น ตัวละครที่มีลักษณะเป็นวงกลม มีปากเปิดเป็นสามเหลี่ยม จึงจะกลายเป็นรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของ Pac-Man
SVG Version of Image:Pac_Man.png Date 27 January 2007 Source Own work Author Albertsab@cawiki, made with Inkscape
ในส่วนผีหลากสีที่ไล่ตาม Pac-Man ไปรอบ ๆ นั้น Toru ตั้งชื่อไว้ว่า Blinky, Pinky, Inky และ Clyde รูปลักษณ์ของตัวละครชุดนี้ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากการ์ตูนเด็กเรื่อง 'Casper the Friendly Ghost'
ซึ่งเป็นการ์ตูนที่ Toru หลงรักมาโดยตลอด แม้จะเป็นตัวร้ายในเกม แต่ Toru ก็ต้องสร้างคู่อริที่ยังคงความน่ารักไว้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผีมีสีสันสดใสนั้นเอง
เมื่อเครื่อง "Pac-Man" เครื่องแรกถูกวางอยู่ในอาเขต ในย่าน ชิบูย่า อันคึกคักของโตเกียว วันที่ 22 พฤษภาคม 1980 เกมก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดมากนัก
ซึ่งในช่วงแรกเกมนี้มีชื่อว่า "PuckMan" ด้วยเหตุที่ Toru ตั้งใจนำเสนอภาพรวมของการสร้างเกมนี้จากวลียอดนิยมของญี่ปุ่นที่ว่า "Paku paku taberu" โดย "paku paku" คือการเลียนแบบเสียงของการงับปากและ "taberu" แปลว่า "กิน"
อย่างไรก็ตามเมื่อเกมถูกนำเข้ามาในสหรัฐอเมริกา ชื่อ "PuckMan" ก็ถือว่าไม่เหมาะสม แม้ว่าตัวละครจะดูคล้ายกับฮ็อกกี้เด็กซน แต่ มิดเวย์ ผู้จัดจำหน่ายเกม สัญชาติอเมริกัน ก็กลัวว่าเด็ก ๆ จะขูดขีดสีเครื่องและเปลี่ยนจาก "P" เป็น "F" จึงทำให้หลังจากเปลี่ยนชื่อเกม
Pac-Man ก็กลายเป็นที่รู้จัก ในระดับสากลอย่างรวดเร็ว โดยมีเครื่องเล่น มากกว่า 100,000 เครื่องที่ขายในสหรัฐอเมริกา เพียงแค่แห่งเดียว ก็ทำให้เกมนี้กลายเป็นเกมอาร์เขตที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ได้อย่างง่ายดาย
โดยเมื่อผู้เล่นรู้ว่า ผีจะเคลื่อนไหวและไล่ตามพวกเขา ผู้เล่นก็จะหมกมุ่นอยู่กับการคิดค้นเส้นทางที่เพื่อทำให้ Pac-Man ปลอดภัย แต่ความสามารถในการคาดเดาของเกมนี้ ถูกทำให้ตื่นเต้นด้วยจำนวนเลเวลหรือระดับความยากที่มีมากถึง 256 ระดับ
ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนอย่างมากให้กับการค้นหาทางออก และสร้างสีสันในเกมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความน่าสนใจของ "Pac-Man" อาจอยู่ที่ความเรียบง่าย โดยปกติเกมนี้ไม่จำเป็นต้องให้ผู้เล่นกดปุ่มใด ๆ เลย (ยกเว้นเพื่อเริ่มเกมผู้เล่นคนเดียวหรือผู้เล่นสองคน) และระบบควบคุมจะใช้จอยสติ๊กเดี่ยวแทน
อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่า Pac-Man เป็นเกมที่ง่าย เพราะในความเป็นจริงมันยากอย่างคาดไม่ถึง ในแบบที่มีเพียงเกมอาเขตคลาสสิก
ที่ออกแบบมาเพื่อฮุบควอเตอร์เท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้เล่นหลายคนจึงต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปีในการเล่นเกม "Pac-Man" ให้จบแบบสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ เมื่อวัยรุ่นหลั่งไหลเข้ามาเล่นเครื่อง Pac-Man มากขึ้น ผู้ปกครองทั่วประเทศจึงเริ่มตั้งคำถามอย่างเปิดเผยว่า “กิจกรรมนี้ดีต่อสุขภาพของเด็ก ๆ หรือไม่ เนื้อหาข่าวมุ่งเน้นไปที่“ การเสพติดในรูปแบบใหม่” ของคนหนุ่มสาว ในขณะที่นักจิตวิทยาตัดสินว่า ผลของเกมอาเขต มีผลต่อสุขภาพจิตของวัยรุ่นจริง
และด้วยความกังวลของพ่อแม่ เกี่ยวกับ Pac-Man และความนิยมของเกมอาเขตที่มีมากขึ้น ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคนจึงดำเนินการ ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ จำกัด เวลาเปิด - ปิดให้กับร้านค้า
จนถึงขนาดกดดันให้ จำกัด อายุ และสิทธิ์เข้าใช้งานวิดีโอเกมนี้ด้วย แต่แม้จะมีการเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้น เกม Pac-Man ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 เรื่อยมา จนนำมาซึ่งสินค้าต่าง ๆ และอนิเมชั่น รวมถึงเพลงประกอบจาก Pac-Man ที่มีออกมาอย่างมากมาย
****
ดังคำที่กล่าวไว้ว่า “หลายครั้งเรื่องง่าย ๆ ก็สามารถสร้างที่สิ่งใหม่และแตกต่างได้ เพราะทุกสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ล้วนเรียบง่าย และถอมตน”
*****
แปลและเรียบเรียงโดยเรื่องเล่าจากดาวนี้
ที่มา:
อ่านบทความเรื่องเล่าจากดาวนี้เพิ่มเติมได้ที่
หากชื่นชอบก็อย่าลืมกด Like กด Share เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ สามารถแชร์แนวคิด มุมมองดีๆได้ใน Comments นี้เลย 😄