14 ธ.ค. 2020 เวลา 02:43 • สุขภาพ
ป่วยเพราะไม่รู้ EP.12 | “นั่งนาน ๆ ริดสีดวงทวารกำเริบ”
ปัจจุบันฉันอายุ 57 ปี เมื่อ 30 ปีที่แล้วเคยเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงในตลาด ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบความสกปรก จึงไม่ยอมเข้าห้องน้ำสาธารณะ อั้นไว้จนขายของเสร็จแล้วค่อยกลับมาเข้าห้องน้ำที่บ้านพัก เป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น โรคริดสีดวงทวาร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาได้มาเปลี่ยนมาประกอบอาชีพรับจ้างเย็บผ้า ซึ่งต้องนั่งทำงานทั้งวัน ประมาณ 18 ชั่วโมง แต่ละวันแทบจะไม่ได้ลุกออกจากเก้าอี้เลย โรคริดสีดวงทวารที่เคยเป็นเมื่อก่อนกลับมากำเริบอีกครั้ง อาการรุนแรงขึ้นจนถึงขั้นต้องนั่งพับขาเอาส้นเท้าหนุนไม่ให้ก้นติดเก้าอี้ เพราะนั่งให้ก้นติดพื้นเก้าอี้ไม่ได้ ทั้งเจ็บปวดทรมานและเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
ไปรักษาที่โรงพยาบาลหลายครั้ง กินยาเท่าไรก็ไม่หาย พยายามหาวิธีการรักษาด้วยตัวเองโดยการซื้อยาหม่องจากร้านขายยาที่ระบุสรรพคุณรักษาริดสีดวงทวาร มาทาที่หัวริดสีดวงทวารเองปวดแสบปวดร้อนจนต้องนั่งโก้งโค้งใช้พัดลมเป่าก้น แต่ก็ช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ต่อมาได้เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม. ซึ่งจะต้องไปดูแลสุขภาพของคนในชุมชน จึงมีความคิดว่าก่อนที่จะไปดูแลคนอื่นต้องดูแลตัวเองให้หายจากโรคริดสีดวงทวารก่อนโดยย้อนกลับไปวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา ในที่สุดก็พบว่า การนั่งกับที่นาน ๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โรคริดสีดวงทวารกำเริบ
นั่งเก้าอี้เป็ระยะเวลานาน อาจทำให้เป็นริดสีดวงทวารได้
ได้เริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองด้วยการไม่นั่งทำงานต่อเนื่องนาน ๆ ลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถทุก 1 - 2 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงความเครียดเวลาทำงาน จะไม่ให้ลูกค้ามานั่งรอรับงาน เพราะตัวเองจะเครียดและกดดัน ทำอาหารรับประทานเอง ลดหวาน มัน เค็ม รับประทานปลาเป็นหลัก ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ใหญ่ หลีกเลี่ยงกุ้ง ปู หอย เพราะมีคลอเลสเตอรอลสูง รับประทานผัก ถั่วและธัญพืชทุกวัน ไม่ดื่มน้ำเย็น ขับถ่ายให้ตรงเวลาทุก ๆ เช้าและเมื่อรู้สึกปวดท้องขับถ่ายจะไม่อั้นไว้
พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ วัน และการที่ได้ทำงานสังคมช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้สุขภาพจิตดี มีความสุขมากขึ้น หลังจากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโรคริดสีดวงทวารค่อย ๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติในที่สุด
การเริ่มต้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของฉัน เพียงเพื่อให้พ้นจากการทรมานจากโรคริดสีดวงทวารเท่านั้น แต่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่น ๆ ด้วย แถมยังได้นำประสบการณ์ของตัวเองมาบอกเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่คนอื่นต่อ ให้เกิดความตระหนักและหันมาดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง การดูแลสุขภาพควรเป็นหน้าที่ของตัวเราเอง ไม่ใช่ให้แพทย์มาบริหารสุขภาพของเราเมื่ออายุมากขึ้น
อย่างไรก็ดี เนื่องจากทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าจากปากของผู้ป่วยเอง บางเรื่องอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ
เนื้อหาทั้งหมดมาจากหนังสือ "ป่วยเพราะไม่รู้" โดย มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
โฆษณา