21 ธ.ค. 2020 เวลา 04:09 • สุขภาพ
ป่วยเพราะไม่รู้ EP.18 | “วิ่งรักษาโรคเข่าเสื่อม”
ผมเป็นอดีตนักการภารโรง ปัจจุบันอายุ 75 ปี ถึงแม้อายุมากแล้ว สุขภาพยังแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่เมื่อย้อนกลับไปตอนที่อายุประมาณ 40 ปี ผมเป็นโรคข้อเข่าข้างขวาเสื่อม มีอาการปวดเสียวที่หัวเข่ามากเวลาเดินหรือแม้แต่ขยับเพียงเล็กน้อยก็ปวด สาเหตุสืบเนื่องมาจากตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น อายุสิบเจ็ดสิบแปดปี เป็นคนขับรถไถรับจ้างไถดินให้กับพี่ชายและพี่สาว
รถไถ
ในช่วงเวลานั้นรถไถมีจำนวนน้อย ต้องเดินทางรับจ้างไปทั่วในหลายจังหวัดทางภาคใต้ บางครั้งขับติดต่อกันหลาย ๆ วัน เนื่องจากการควบคุมรถไถใช้ขาข้างขวาเป็นส่วนใหญ่เข่าขวาทำงานหนัก บางครั้งมีอาการเมื่อยล้าจนเดินแทบไม่ไหว แต่ในตอนนั้นไม่มีอาการปวดเรื้อรังแต่อย่างใด พออายุได้ 30 กว่าปีก็เลิกขับรถไถมาทำงานเป็นนักการภารโรงของโรงเรียน
“โรคเข่าเสื่อมเกิดจากความเสื่อมของร่างกาย ยาช่วยให้บรรเทาอาการปวดเท่านั้น ไม่สามารถรักษาได้”เป็นคำพูดของแพทย์ที่ผมจับใจความได้ในตอนนั้น ถ้าโรงพยาบาลรักษาไม่ได้ แล้วมีหนทางอื่นอีกหรือไม่? เป็นคำถามที่ผมต้องหาคำตอบด้วยตัวเอง ด้วยความที่เป็นนักต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต
ผมจึงพยายามหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาการเจ็บป่วยของตัวเอง ค้นคว้าหาข้อมูลเท่าที่จะหาได้ในสมัยนั้น เช่น อ่านหนังสือ ดูทีวีหรือฟังรายการวิทยุ จนพบวิธีการรักษาโรคเข่าเสื่อมด้วยธรรมชาติบำบัด นั่นคือ “การออกกำลังกายโดยการวิ่งเหยาะ ๆ เป็นประจำ ช่วยรักษาโรคเข่าเสื่อมได้” และการเอาลมหายใจเป็นยารักษาตัวเอง เรียกว่า “ออกซิเจนบำบัด”
การวิ่งเหยาะ ๆ หรือ Jog
เมื่อรู้แล้วก็ลงมือปฏิบัติทันที ออกเดินและวิ่งเหยาะ ๆ ตั้งแต่เช้ามืด ตั้งแต่ตี 4 ก่อนละหมาดตอนเช้าและสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดวันละสิบครั้ง ช่วงที่เริ่มเดินวิ่งใหม่ ๆ ปวดเข่ามากจะรับประทานยาแก้ปวดและประคบด้วยผ้าร้อนเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดบวม
ใช้ความอดทนเป็นอย่างมากบวกกับความเชื่อมั่น เป็นพลังก้าวข้ามความเจ็บป่วยของตัวเองไปให้ได้ และได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการรับประทานข้าวกล้องสังข์หยดแทนข้าวขาว รับประทานอาหารวันละ 2 มื้อ มื้อเช้ากับมื้อกลางวัน ไม่รับประทานมื้อเย็น ส่วนกับข้าวจะเน้นปลาเป็นหลัก รับประทานแค่พออิ่มน้ำพริกและผักสดที่ปลูกเองปลอดจากสารเคมีทุกชนิด ไม่ดื่มน้ำชา กาแฟ และไม่สูบบุหรี่
เมื่อเวลาผ่านไป อาการปวดเข่าค่อย ๆ เบาลงและหายจากโรคเข่าเสื่อมไปในที่สุด แต่เพื่อความแน่ใจได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ปรากฏว่าโรคข้อเข่าเสื่อมหายจริง ๆ กิจวัตรประจำวันของผมทุกวันนี้ หลังจากวิ่งเสร็จกลับมาละหมาด รับประทานอาหารเช้า แล้วออกไปทำสวนปลูกผักรดน้ำผัก ทำงานเสร็จกลับมาบ้าน พักผ่อนหรือทำงานในบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ
ผมทำงานเสร็จแล้วในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังออกไปทำงาน ถึงแม้ว่าผมจะหายจากโรคข้อเข่าเสื่อมแล้ว แต่ก็ยังคงวิ่งมาตลอดเป็นเวลากว่าสามสิบปี ถ้าวันไหนไม่ได้วิ่งจะปวดเมื่อยตามร่างกาย ตอนเย็นหลังเสร็จภารกิจก็จะมาออกกำลังกายร่วมกับสมาชิกในชุมชนเป็นประจำทุกวันนี้อายุตัวเองมากขึ้น แต่ร่างกายยังแข็งแรงและกระฉับกระเฉง
อย่างไรก็ดี เนื่องจากทั้งหมดเป็นเรื่องเล่าจากปากของผู้ป่วยเอง บางเรื่องอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ
เนื้อหาทั้งหมดมาจากหนังสือ "ป่วยเพราะไม่รู้" โดย มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.)
โฆษณา