13 ม.ค. 2021 เวลา 16:40 • ท่องเที่ยว
สวัสดีทุกท่านนะคะ ขอบพระคุณมากจากใจจูจริงๆที่ติดตามซีรี่ย์จู เจอร์นี่อินไต้หวัน ไม่แน่ใจว่าติดตามกันหรือว่าจูคิดไปเอง 5555 เอาเป็นว่าวันนี้จูจะมาต่อในอีพีที่ 4 นะคะ อย่ารอช้าเราไปสัมผัสการเดินทางของจูครั้งนี้กันเลยค่ะ
“Juu’s Journey In Taiwan EP.4”
ใช่ค่ะทุกคน หลังจากที่จูตัดสินใจเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นจูก็เริ่มที่จะวางแพลนท่องเที่ยวนอกเมืองคนเดียวอีกรอบ ซึ่งรอบนี้เป็นแพลนที่ค่อนข้างกระทันหันไปมากๆ จูเลยไม่ได้เตรียมแพลนAแพลนB ไว้อย่างที่ควรจะเป็น
แต่ไม่เป็นไรค่ะ เพราะแค่ใจเราสู้ เราก็จะผ่านมันไปให้ได้!! แบบเหงื่อแตกและเสี่ยงกันไปข้างนึงเลยทีเดียว แฮร่’
หลังจากตั้งสติให้จิตใจสงบ จูก็เริ่มวางแพลนไว้คราวๆก่อนว่าวันนี้จะออกเมืองกี่โมงและควรถึงกี่โมงหลังจากนั้นแพลนต่อไปคืออะไร
อันนี้เป็นแพลนเก่าที่แก้แล้วแก้อีกนะคะ
จะสังเกตเห็นจากรูปได้ว่า จูแพลนจะไปต่อกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย ใจกล้ามากแม่ แต่โน้ โนคะ สุดท้ายแพลนล่ม เพราะใจถึงแต่งบไม่ถึง เรื่องมันเศร้า
คือถ้าให้พูดกันตรงๆไปเลยนะคะ จูขอบอกเลยว่าเมื่อเรามีแพลนเที่ยวในหัวขึ้นมาแล้วเนี่ย ต่อให้ไกลสุดฟ้ายังไงเราก็จะสามารถแพลนต่อได้ด้วยความกระตือรือร้น แต่แล้วท้ายสุดคนเราต้องยอมรับค่ะว่างบที่เรามีมันขัดกันแพลนที่เราหวังไว้จริงๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาเลยค่ะ การที่เรามีสติ ปล่อยวาง ที่ไหนพอไปได้ในครั้งนี้เราก็ไปค่ะ ‘เพราะครั้งหน้านั้นมีเสมอ’
มาต่อของเรื่องราวเราดีกว่าค่ะ หลังจากที่จูแพลนทุกอย่างและแพ็คกระเป๋า เช่นเดิมเลยค่ะแม่ ซึ่งประกอบไปด้วยกระเป๋าเดินทางแบบลาก 2 ใบ กระเป๋าเป้สะพายหลังตุ้งอีก 1 และกระเป๋าสะพายข้างอันเล็กๆอีก 1 เราก็พร้อมที่จะออกเดินทางไปยังนอกเมืองกันแล้วค่ะ ครั้งนี้จูเลือกเดินทางออกนอกเมืองด้วยรถไฟแบบธรรมดาเพราะอยากซึบซับบรรยากาศนอกเมืองให้สุดปอดแต่แน่นอนค่ะ เรื่องราวมันไม่ง่ายแบบนั้น เป็นท้อ 😭
ตั๋วรถไฟที่ได้มาอย่างภาคภูมิใจไว้เพียงแค่ 3 วิ
เรื่องราวก็คือ น้องจูคนนี้ผู้ไม่รับรู้ภาษาจีนใดๆอยู่กับกระเป๋ามากมายท่ามกลางผู้คน ซึ่งเอาจริงๆจากเมืองไทเปไอ่เราก็ยังพอสื่อสารได้อยู่บ้างว่าซื้อตั๋วยังไงตรงไหนไปตรงไหน ยอมรับเลยว่าตอนนั้นแอบโทรขอความช่วยเหลือจากคุณเพื่อนชาวจีน ซึ่งก็ให้นางคุยกับนายสถานีรถไฟและบอกทางเราอีกที สรุปคือนางหันมาพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษค่ะทุกคน แล้วที่อิชั้นโทรปลุกเพื่อนจากเมืองจีนมาเป็นล่ามระยะสั้นให้คือเพื่ออะไร😂
หลังจากที่นายสถานีรถไฟชี้นำทางเสร็จ จูก็สบายใจ แต่ความสบายใจมันเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วพริบตาค่ะ เพราะเมื่อตอนเราเดินพร้อมยื่นตั๋วรถไฟให้เจ้าหน้าที่ แกก็ทำตาโตแล้วรัวจีนใส่น้องจู พร้อมกับรัวจีนใส่วอกี้ทอคกี้บอกนายสถานีอีกคน ด้วยความที่น้องก็ฟังไม่ออกแต่เมื่อเห็นตาโตๆของเจ้าหน้าที่แล้วก็พอจะรับรู้เรื่องราว แกพูดอยู่คำเดียวที่จูจำได้ขึ้นใจเลยคือคำว่า ‘RUN!’ เท่านั่นแหละจ้ะทุกท่านค่า จะกระเป๋ากี่ใบ จะหนักแค่ไหน บันไดจะชันเท่าไหร่ จูคนนี้รับมือได้ค่ะ จูต้องทำให้ได้!!
หน้าตาขัดสนกับการกระทำมากค่ะ
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเองค่ะทุกคน ก่อนที่ประตูรถไฟจะปิดลงขาประเป๋าลากจูคือทุรนทุรายหนักมาก แต่เราก็ยังปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรนะ เรายืนอยู่บนรถไฟก่อนออกตัวได้ก็โชคดีแค่ไหนแล้วลูกแม่ ใช่ค่ะทุกคนเหตุการณ์ในวันนั้นคือคนแน่นรถไฟมากแทบจะไม่มีที่ให้ยืนในสังคม และด้วยลูกรักที่หอบมาด้วยนั้นก็ไปกระทบกระทั่งตาสีตาสาชาวบ้านประชาชนซึ่ง ณ จุดๆนั้นใส่หูฟังฟังเพลงบวกกับพูดภาษามินเนียนเข้าไว้ค่ะ เราจะรอด รอดจนกระทั่งจูได้อภิสิทธิ์เหนือเมฆและได้แย่งชิงที่นั่งอันล้ำค่า ทางเราก็กราบขอบคุณ เชี่ย เชี่ย หนี่ เป็นพันรอบพร้อมรอยยิ้มสวยๆ ให้หนุ่มไต้หวันไป ใจจริงอยากส่งมินิฮาร์ทไปให้แกด้วยแต่เราหญิงไทยต้องรักเนื้อรักตัวก่อนนะลูก
จูนั่งรถไฟแบบธรรมดาไปนอกเมืองที่ไม่ไกลมากแต่ก็ใช้เวลาเอาเรื่อง ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงได้รถไฟก็ได้จอดที่ชานชาลา ซึ่งเป็นที่ที่จูจะต้องลง
เมื่อรถไฟขับเคลื่อนผ่านไปก็เหลือเพียงจูผู้น่าสงสาร เกิดเพียงคำถามในใจว่านี่เรามาทำอะไรวะเนี้ย แต่ช้าก่อน จูคงต้องฮึ๊บไว้เป็นอีพีหน้า เพราะอีพีนี้ยาวจัดมากแม่ และแน่นอนว่ามันมียาวกว่านี้อีกเยอะ
เพราะฉะนั้นวันนี้จูขอลาไปพักผ่อนก่อน แล้วจะกลับมาอัพเดตอีพีต่อไปให้ทุกท่านได้เดินทางย้อนเวลาไปกับจูนะคะ ขอบคุณที่ติดตามและอย่าพลาดอีพีหน้านะค่าา
“เมื่อขึ้นต้นด้วยคำว่าการเดินทาง เรื่องราวที่เราได้รับจะไม่มีวันหายไป มันจะอยู่ในความทรงจำจนกว่าตัวเราเองที่จะหายไป”
จู เจอร์นี่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา