18 ม.ค. 2021 เวลา 15:43 • ความคิดเห็น
สุขภาพดีขึ้นแค่เลิก “ขี้นินทา”
จูนชอบอ่านหนังสือเชิงจิตวิทยาพัฒนาตัวเอง มีหลายเล่มที่พูดถึงหัวข้อ “เลิกนินทา” คนอื่นแล้วชีวิตจะดีขึ้น
หลายครั้งที่ได้อ่าน
ก็จะนึกถึงเรื่องของตัวเอง
แล้วก็ได้แต่ขำไปกับมัน
จูนเคยอยู่ในกลุ่มคนที่ขี้เม้า ขี้นินทา
เพราะรอบๆตัวส่วนมากมีแต่ผู้หญิง
และเราคิดว่าการนินทา
พูดถึงคนนู้นคนนี้ แบบที่คนอื่นทำ
จะทำให้เราเข้ากับคนอื่นได้
เครดิตภาพจาก Secret Beauty:pck2406
จูนเคยเสียความเป็นตัวของตัวเอง
ไปกับการสร้างความพอใจให้กับคนอื่น
มีประโยคนึงที่เคยได้ยินแล้วชอบมาก
“ถ้าเราอยากให้ตัวเองเป็นแบบไหน จงเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น” 💕💕💕💕
1
จูนมองว่ามันก็จริงนะ เพราะสภาพแวดล้อมมีผลต่อจิตใจและการกระทำเราเสมอ
เมื่อเริ่มถอนตัวมาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ก็พบว่า...การ ✂️ “เลิกคบ” กับคนที่ชอบนินทาคนอื่นทำให้เราได้โฟกัสกับตัวเองมากกว่า “เรื่องของคนอื่น”
เรามองโลกกว้างขึ้น
เรารู้สึกใจเย็นขึ้น
เราไม่เครียดเรื่องของคนอื่น
เรามีเหตุมีผลมากขึ้น
เราไม่เป็นคนที่ขี้จับผิดคนอื่น
และที่สำคัญ เราไม่ถูกมองว่าเป็นคนขี้เผือก 😂
นึกๆดูแล้วการนินทา ไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลยจริงๆ นอกจากมุมที่จูนมองแล้ว
ในหนังสือ “The Power of Output” โดยคุณ คาบาซาวะ ก็ได้พูดถึงเรื่อง “การนินทา” ส่งผลเสียต่อร่างกายโดยตรงในเชิงวิทยาศาสตร์อีกด้วย เค้ามีการวิจัยในเรื่องนี้อย่างจริงจัง 🔍
มหาวิทยาลัยอิสเทิร์นฟินแลนด์ได้ทำการวิจัยกับคุณผู้หญิงจำนวน 1449 คน
ซึ่งมีอายุเฉลี่ย 71 ปี
โดยถามว่าพวกเธอนินทาคนอื่น ตำหนิคนอื่นหรือแสดงท่าทีร้ายกาจ ต่อคนอื่นบ่อยแค่ไหน
ผลที่พบคือคนที่นินทาหรือตำหนิผู้อื่นบ่อยจะมีความเสี่ยงต่อสภาวะ
🧠 “สมองเสื่อม” มากกว่าคนที่ไม่ค่อยนินทาผู้อื่นมากถึง 3 เท่า ❗️
5
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ระบุว่าการพูดว่าร้ายคนอื่นทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียด
2
เมื่อร่างกายมีฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานระบบภูมิคุ้มกันจะอ่อนแอลงส่งผลให้เกิดโรคต่างๆอีกมากมาย เช่น
โรคซึมเศร้า
โรคอัลไซเมอร์
ดังนั้นการพูดนินทาว่าร้ายคนอื่นจึง
“ไม่ใช่การคลายเครียด แต่เป็นการเพิ่มความเครียดให้สูงขึ้น”
🌱 Be Positive, Be Productive ไปกับ “มุมที่จูนมอง” กันนะคะ ❤️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา