14 มี.ค. 2021 เวลา 23:55 • นิยาย เรื่องสั้น
สงสัยไหมว่า “ไส้ติ่งมีไว้ทำไม"
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
ข้าพเจ้าบอกเพื่อน ๆ ว่า "เดี๋ยวผมจะไม่เจอพวกคุณในวงเหล้าสักหนึ่งปีนะ"
"ทำไม?"
"ภรรยาผมกำลังจะคลอดลูกอาทิตย์หน้า หลังจากนั้นก็คงยุ่งกับการเลี้ยงลูก ผมก็ต้องช่วยเลี้ยงลูกด้วย"
"คลอดยังไง?"
"หมอบอกว่าต้องผ่าคลอด และถือโอกาสตัดไส้ติ่งทิ้งไปด้วยพร้อมกัน"
เพื่อนคนหนึ่งว่า "ทำไมตัดไส้ติ่งทิ้ง?"
"เป็นแพคเกจของโรงพยาบาลน่ะ ผ่าตัดทำคลอดและถือโอกาสตัดไส้ติ่งทิ้งไปด้วย เพื่อป้องกันไส้ติ่งอักเสบในอนาคต อ้าว! ไม่ดีหรือ?"
"ถ้าเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน ผมก็ว่าดี แต่ตอนนี้อาจจะไม่ดี"
"ทำไม?"
 
เพื่อนเล่าว่า "ยี่สิบปีก่อน ผมมีอาการปวดท้องน้อยด้านขวาอย่างรุนแรง อาการปวดนั้นสุดแสนทนทาน เมื่อไปหาหมอ ก็ได้ยาแก้ปวดมา ผ่านไปอีกหลายชั่วโมง อาการปวดหนักหนากว่าเดิมจนเกิดอาการเบลอ รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาล ในที่สุดก็รู้ว่าไส้ติ่งอักเสบจนแตก ต้องผ่าตัดเอาไส้ติ่งออก เนื่องจากไส้ติ่งแตก การผ่าตัดก็ยุ่งขึ้นไปอีกขั้น เพราะหมอต้องทำความสะอาดบริเวณท้องช่องซึ่งเชื้อโรคกระจายออกไป ผมนอนพักฟื้นอยู่หลายอาทิตย์กว่าจะหายเป็นปกติ เพราะอาการหนักกว่าคนเป็นไส้ติ่งอักเสบทั่วไป เจอเหตุการณ์นั้นเข้า ก็สาปส่งไส้ติ่ง ตอนนั้นถ้าโรงพยาบาลมีบริการตัดไส้ติ่งทิ้งล่วงหน้าได้ ก็คงยินดี แต่..."
2
"แต่?"
"แต่ตอนนี้ข้อมูลมันเปลี่ยนไปแล้ว"
"หมายถึงไม่ควรตัดไส้ติ่งหรือ?"
"ผมตอบคุณไม่ได้เพราะผมไม่ใช่หมอ แต่ผมเห็นว่าคุณควรได้รับข้อมูลให้ครบถ้วนจริง ๆ ก่อนตัดไส้ติ่งตอนที่มันไม่อักเสบ"
"งั้นไส้ติ่งมีไว้ทำไม?"
1
"ไส้ติ่งเป็นกระเปาะยาว 2-4 นิ้ว ขนาดประมาณนิ้วมือ ตั้งอยู่ตรงตำแหน่งที่ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่เจอกัน ไส้ติ่งอยู่ตรงชายโครงด้านขวา แต่ไหนแต่ไร เราเชื่อว่ามันไม่มีหน้าที่อะไร น่าจะเป็นส่วนเกินหรือส่วนที่อยู่ในขั้นตอนของวิวัฒนาการที่กำลังจะถูกกำจัดทิ้งไป การตัดไส้ติ่งทิ้งดูเหมือนไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย..."
3
"เราก็ได้ยินมาอย่างนี้แต่เด็ก"
"นักวิทยาศาสตร์ไม่น้อยเชื่อว่าปกติธรรมชาติไม่สร้างอวัยวะใดมาโดยไม่มีเหตุผล"
2
ข้าพเจ้าแย้ง "ไม่จำเป็น เพราะไส้ติ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่กำลังถูกกระบวนการวิวัฒนาการสลัดทิ้งไปใน เช่นที่มนุษย์เรามียีนขยะมากมายที่ 'ไร้ประโยชน์'..."
2
"ก็มีเหตุผล แต่จากการศึกษาและวิจัยเรื่องไส้ติ่งของหลายสำนัก พบข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจ และอาจล้มล้างความเชื่อในอดีตว่า ไส้ติ่งไม่มีประโยชน์อะไร"
3
"ยังไง?"
"นักวิทยาศาสตร์ศึกษาวิวัฒนาการไส้ติ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมหลายร้อยสายพันธุ์ ทั้งแบบที่มีและไม่มีไส้ติ่ง เพื่อศึกษาว่าไส้ติ่งวิวัฒนาการมาอย่างไร และตั้งคำถามว่า ทำไมบางสายพันธุ์มีไส้ติ่ง บางสายพันธุ์ไม่มี พบว่าไส้ติ่งของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมีวิวัฒนาการมาอย่างเอกเทศมากกว่าสามสิบครั้ง และเมื่อมีไส้ติ่งแล้ว ก็ไม่หายไปไหน..."
4
"แปลว่า?"
"แปลว่าไส้ติ่งน่าจะมีหน้าที่บางอย่าง"
"หน้าที่อะไร?"
"นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าวิวัฒนาการของไส้ติ่งเกี่ยวข้องกับรูปทรงของลำไส้ใหญ่ส่วนต้น (cecum) สัตว์สายพันธุ์ที่มีไส้ติ่งมีเนื้อเยื่อน้ำเหลืองในลำไส้ใหญ่ส่วนต้นสูงกว่า นอกจากนี้มีการค้นพบว่าไส้ติ่งของทารกในท้องตอนอายุสิบเอ็ดสัปดาห์ จะปรากฏเซลล์ต่อมไร้ท่อ (endocrine cells) เซลล์เหล่านี้น่าจะเป็นตัวสร้างฮอร์โมนหลายอย่าง ซึ่งเป็นสารประกอบที่ช่วยควบคุมกลไกชีวะภายใน เราพบว่าเนื้อเยื่อน้ำเหลือง จะเริ่มสะสมในไส้ติ่งไม่นานหลังทารกเกิด และจะถึงขีดสูงสุดเมื่ออายุ 20-30 ปี หลังจากนั้นจะลดลง และหายไปหลังอายุหกสิบ"
5
"อะไรคือเนื้อเยื่อน้ำเหลือง?"
"เนื้อเยื่อน้ำเหลืองหรือ Lymphoid tissue เป็นส่วนหนึ่งของระบบน้ำเหลืองซึ่งเป็นโครงสร้างที่ช่วยรองรับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น ไขกระดูก ต่อมไทมัส ต่อมทอนซิล ต่อมน้ำเหลือง ม้าม ฯลฯ เราพบว่า ไส้ติ่งเกี่ยวข้องกับการสร้างโมเลกุลที่ช่วยพาเซลล์เม็ดเลือดขาวไปตามจุดต่าง ๆ ในร่างกาย นี่ทำให้เชื่อว่า เป็นไปได้ที่ไส้ติ่งทำหน้าที่เป็นอวัยวะภูมิคุ้มกันอีกอวัยวะหนึ่ง เนื้อเยื่อน้ำเหลืองยังสามารถกระตุ้นให้แบคทีเรียดีในลำไส้เติบโต"
9
"แปลว่า?"
"แปลว่าเมื่อลำไส้เกิดท้องเสียหรือท้องร่วง ลำไส้ถูกชำระล้างออกไปหมดแล้ว แบคทีเรียชนิดดีจะออกมาจากไส้ติ่งเพื่อเข้าไปอยู่ในระบบย่อยอาหาร ทำให้ระบบเข้าสู่สภาวะปกติ ก่อนที่แบคทีเรียไม่ดีจะเข้ามาอยู่แทน พูดง่าย ๆ คือไส้ติ่งน่าจะมีไว้เพื่อปกป้องแบคทีเรียดี ไส้ติ่งน่าจะเป็น 'เซฟเฮาส์' หรือเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียชนิดดีที่ทำงานในลำไส้"
8
ข้าพเจ้าถามเพื่อน "แล้วไส้ติ่งของคุณอักเสบได้ยังไง? ตอนนั้นคุณกินเมล็ดฝรั่งแล้วกระโดดโลดเต้นเต้นหรือ?"
3
"เปล่า ผมใช้ชีวิตปกติ หมอเองก็ตอบผมไม่ได้เป๊ะ ในกรณีของผม หากมีเหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ คือช่วงนั้นผมเครียดมาก"
"ความเครียดทำให้ไส้ติ่งอักเสบได้หรือ?"
"ผมไม่รู้ แค่บอกว่าตอนนั้นผมเครียดมาก และไม่ได้กินเมล็ดฝรั่งแน่ ๆ"
"งั้นที่ผู้ใหญ่บอกว่า กินเมล็ดฝรั่ง แล้วมันจะตกเข้าไปในไส้ติ่ง ทำให้อักเสบ ก็ไม่จริง?"
2
"เรื่องกินเมล็ดฝรั่งนี้มีส่วนจริง เพราะคนไข้หลายคน หมอพบเมล็ดผลไม้ในไส้ติ่งที่อักเสบ แต่กรณีแบบนี้มีค่อนข้างน้อย วงการแพทย์เชื่อว่าเกิดจากการอุดตันในไส้ติ่ง อาจเกิดจากเศษอาหาร ก้อนอุจจาระ พยาธิ หรือสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปอุดตัน ทำให้แบคทีเรียขยายตัวอย่างรวดเร็ว เกิดอาการอักเสบ บวม และมีหนอง..."
5
"คล้าย ๆ ก้อนนิ่วไปอุดตันท่อในถุงน้ำดี"
"ใช่ ประมาณนั้น นอกจากนี้ก็มีทฤษฎีที่ว่า ในเมื่อไส้ติ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นกลไกหนึ่งที่ป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อในร่างกาย งานวิจัยบางชิ้นนี้ชี้ว่าการที่ระบบภูมิคุ้มกันทำงานเร็วเกินไป (over-reactive immune system) ซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบที่ไส้ติ่ง"
2
"ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน"
2
"ข้อมูลใหม่เหล่านี้ชี้ว่า บางทีธรรมชาติมีเหตุผลของมัน แต่ในโลกปัจจุบัน เรากินอาหารสะอาดขึ้น สุขลักษณะดีขึ้น ทำให้ดูเหมือนบทบาทของไส้ติ่งถูกลดลง"
2
"ดังนั้นการตัดไส้ติ่งทิ้งไปในโลกปัจจุบัน จึงไม่ส่งผลเลวร้ายต่อร่างกาย เทียบกับในอดีต?"
"ก็เป็นไปได้ แต่ในเมื่อเรารู้แล้วว่าไส้ติ่งมีประโยชน์ ทำไมต้องหาเรื่องตัดมันทิ้งล่ะ? น่าจะดูแลมันให้ดี ยังไง ๆ มันก็เป็นส่วนหนึ่งของเรา"
4

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา