31 ม.ค. 2021 เวลา 23:55 • นิยาย เรื่องสั้น
กิ๊กของไอน์สไตน์
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
ในครึ่งหลังของชีวิต อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เขียนจดหมายถึงลูกเลี้ยง ชื่อมาร์ก็อต ผู้ที่เขารักเหมือนลูกแท้ ๆ จดหมายเล่ารายละเอียดต่าง ๆ
กว่ายี่สิบห้าปีหลังจากไอน์สไตน์ตาย มาร์ก็อต ไอน์สไตน์ มอบจดหมายของไอน์สไตน์จำนวนราว 1,300 ฉบับแก่มหาวิทยาลัยฮีบรู เยรูซาเลม ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ไอน์สไตน์มีส่วนร่วมก่อตั้ง คำสั่งเสียของมาร์ก็อตคือ ห้ามตีพิมพ์เผยแพร่จดหมายเหล่านี้จนกว่าเธอจะตายไปแล้วยี่สิบปี
มาร์ก็อตเป็นประติมากร เสียชีวิตในปี 1986 วัยแปดสิบหก ดังนั้นในวันที่ 8 กรกฎาคม 2006 จดหมายที่เขียนช่วงปี 1912-1955 ก็ถูกเปิดเผยสู่สายตาชาวโลก
มันเผยชีวิตอีกด้านหนึ่งของเขา
ไอน์สไตน์กับ ‘กิ๊ก’ ของเขา
ตัวอย่างจดหมายของไอน์สไตน์
จดหมายต่าง ๆ เผยว่าไอน์สไตน์มีกิ๊กหลายคน ระหว่างที่ยังแต่งงาน
2
ไอน์สไตน์แต่งงานสองครั้ง ครั้งแรกกับ มิเลวา มาริช (Mileva Marić) เขาพบเธอตอนเรียนด้วยกันที่ The Zurich Polytechnic Institute ในปี 1896
มิเลวามีเชื้อสายชาวเซิร์บ อายุมากกว่าไอน์สไตน์สี่ปี ในโลกวิทยาศาสตร์ซึ่งเวลานั้นเป็นของผู้ชาย มิเลวาเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เรียนฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ในสถาบันนั้น ทั้งสองรักกันอย่างดูดดื่ม
ไอน์สไตน์เขียนจดหมายรักรวมทั้งบทกวีให้มิเลวา จดหมายรักหวาน ๆ เหล่านี้ ส่วนหนึ่งตีพิมพ์เป็นเล่มโดยมหาวิทยาลัยพรินซตัน ในปี 1990 ชื่อ Albert Einstein-Mileva Maric: The Love Letters
1
เขายังสเก็ตช์รูปเท้าตนเองให้เธอถักถุงเท้าให้
ทั้งสองเป็นทั้งคนรักและผู้ร่วมงานด้านวิชาการ ไอน์สไตน์คุยกับเธอเรื่องทฤษฎีของเขา เธอช่วยเขาค้นคว้า ตรวจสอบการคำนวณ
จดหมายฉบับหนึ่งในปี 1897 ที่เธอเขียนถึงเขาบอกว่า “ฉันไม่คิดว่าโครงสร้างกะโหลกมนุษย์จะเป็นเหตุผลที่ทำไมคนไม่สามารถเข้าใจแนวคิดเรื่องนิรันดร์”
3
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กับภรรยาคนแรก Mileva Maric พบรักเมื่อ เขาเรียนที่ The Swiss Federal Institute of Technology เธอ ช่วยเขาค้นคว้าด้านวิทยาศาสตร์ การคํานวณ ฯลฯ
เขากับมิเลวามีลูกสาวด้วยกันในปี 1902 ชื่อ Lieserl ตอนนั้นทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานกันและอยู่คนละที่ จากประวัติไม่มีบันทึกว่าลูกสาวคนนี้เป็นอย่างไร อาจถูกยกให้คนอื่น หรืออาจเสียชีวิตไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไอน์สไตน์กับมิเลวาก็แต่งงานในปี 1903 และมีลูกชายสองคน Hans Albert กับ Eduard เกิดปี 1904 และ 1910 ตามลำดับ
2
เวลาผ่านไปไม่นาน ความหอมหวานของความรักก็กลายเป็นความขม จดหมายหลายฉบับเผยว่า ไอน์สไตน์ไม่มีความสุขในชีวิตคู่กับมิเลวา จนไปมีความสัมพันธ์กับเลขานุการชื่อ เบตตี นอยมันน์ (Betty Neumann) หลานสาวของเพื่อนคนหนึ่ง ลงท้ายที่เบตตีทิ้งเขาไป
ในปี 1912 เขามีความสัมพันธ์กับลูกพี่ลูกน้องชื่อ เอลซา โลเวนธาล (Elsa Lowenthal) และรับลูกสาวของเธอ มาร์ก็อต เป็นลูกบุญธรรม
1
เขาเขียนถึงเอลซาในปี 1913 เล่าถึงภรรยาคนแรกว่า “ผมปฏิบัติกับภรรยาเหมือนลูกจ้างที่ผมไล่ออกไม่ได้ ผมนอนในห้องของผม และหลีกเลี่ยงอยู่กับเธอสองต่อสอง”
2
มาร์ก็อต ไอน์สไตน์ ในงานฉลองครบรอบหนึ่งร้อยปี อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ภาพโดย UPI
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กับเอลซา
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กับเอลซา
ในจดหมายอีกฉบับหนึ่งเขียนว่า มิเลวาเป็นคนหดหู่และหึงหวง
1
ไอน์สไตน์กับมิเลวาแยกทางกันในปี 1914 และเล่ากันว่ามันทำให้มิเลวาจิตตก ทั้งสองหย่ากันในปี 1919 หลังจากนั้นไอน์สไตน์ก็แต่งงานกับเอลซา มันเป็นการแต่งงานเพื่อความสะดวกมากกว่าเขาอยู่กับเอลซาจนเธอตายในปี 1936
1
ระหว่างนั้นก็มีกิ๊กอย่างน้อยหกคน
กิ๊กของไอน์สไตน์ได้แก่ Estella, Ethel, Toni หมายเลข 1, Toni หมายเลข 2, Margarita ที่เหลือเป็นชื่อย่อได้แก่ M. และ L.
1
เขาใช้เวลาว่างอยู่กับกิ๊ก อ่านหนังสือ ดูคอนเสิร์ต
เขาเล่าในจดหมายที่เขียนถึงมาร์ก็อตว่า M. เดินทางจากเบอร์ลินไปหาเขาที่อังกฤษ ติดเขาเหมือนเงาตามตัวจนทำให้เขาปวดหัว และเขาต้องมนตร์เสน่ห์ของ Mrs. L. ผู้เป็นคนที่ไม่มีพิษภัยและเป็นคนดีงาม
1
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า Mrs. L น่าจะเป็นเศรษฐินีชาวเยอรมันนาม Margarette Lenbach
2
ส่วน M. น่าจะเป็นสาวสังคมเบอร์ลินนาม Ethel Michanowski อายุน้อยกว่าไอน์สไตน์ราวสิบห้าปี ยุ่งเกี่ยวกับไอน์สไตน์ในช่วง 1920s ถึงต้น 1930s Ethel คบหาเขาจนกระทั่งพบว่าเขามีกิ๊กอื่น
2
ส่วน ‘Margarita’ ก็คือ มาร์การิตา โคเนนโควา (Margarita Konenkova) ภรรยาของประติมากรชาวรัสเซีย Sergei Konenkov ผู้มีชื่อเสียง ฉายา โรแดงแห่งรัสเซีย
ไอน์สไตน์พบมาร์การิตาเมื่อเขาอายุหกสิบกว่า เวลานั้นเอลซาตายไปแล้ว ประติมากรโซเวียตได้รับว่าจ้างไปปั้นรูปไอน์สไตน์ที่พรินซตัน เขาไม่ได้อยู่สหรัฐฯนาน แค่คุยเรื่องงานแล้วกลับโซเวียต ทิ้งภรรยาไว้ที่สหรัฐฯ และเกิดความใกล้ชิดกับไอน์สไตน์
2
นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? อาจจะไม่! ข้อมูลที่เผยหลายปีหลังจากนั้นบอกว่า มาร์การิตาเป็นสายลับโซเวียต ถูกส่งไป ‘ล่อลวง’ ไอน์สไตน์เพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการแมนฮัตตัน แต่เธอไม่ได้รับข้อมูลอะไร เพราะไอน์สไตน์ไม่ได้ร่วมโครงการ อย่างไรก็ตาม มาร์การิตาก็ได้เข้าไปในแวดวงของนักฟิสิกส์ และรู้จัก รอเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ หัวหน้าโครงการแมนฮัตตัน
2
ไอน์สไตน์กับ มาร์การิตา โคเนนโควา
เช่นเดียวกับคนรักคนอื่น ๆ ไอน์สไตน์เขียนจดหมายหลายสิบฉบับให้มาร์การิตาในช่วงปี 1945-1946 เนื้อความในจดหมายชี้ว่าไอน์สไตน์ไม่รู้ว่ามาร์การิตาเป็นสายลับ
2
หากคิดว่าไอน์สไตน์สนใจกิ๊กมากกว่าครอบครัวดังที่ปรากฏในอัตชีวประวัติหลายเล่มซึ่งวาดภาพว่าเขาเป็นพ่อไม่ดี ก็คิดใหม่ได้
ไอน์สไตน์ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไม่ใช่เพราะไปเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมา แต่เขามีคิวเล็กเชอร์ตามสถาบันต่าง ๆ ทั้งที่ยุโรปและสหรัฐอเมริกา ระหว่างที่ไม่อยู่บ้าน เขาเขียนจดหมายถึงภรรยาและลูกแทบทุกวัน เล่าเรื่องต่าง ๆ เช่น การเล็กเชอร์ในยุโรป ฯลฯ เนื้อความในจดหมายแสดงชัดว่าเขาเป็นคนมีเมตตา แคร์คนอื่น และรักครอบครัวมาก
3
ในจดหมายหลายฉบับ เราพบว่าไอน์สไตน์รักภรรยาคนแรกและลูก ๆ และเป็นห่วงลูกชาย Eduard ที่เป็นโรคจิตเภท (Schizophrenia) เขามอบเงินรางวัลโนเบลส่วนหนึ่งให้มิเลวา จ่ายค่าเลี้ยงดูภรรยาและค่าดูแล Eduard ในสถาบันแพทย์ (เงินรางวัลอีกส่วนหนึ่งสูญไปในช่วงเศรษฐกิจโลกตกต่ำ หรือ Great Depression)
2
ไอน์สไตน์เองก็รู้จุดอ่อนของตัวเองในเรื่อง ‘กิ๊ก’ ดี เขารู้ว่าเขาไม่สามารถมีความสัมพันธ์ยั่งยืนกับใคร เขายกย่องผู้ชายที่อยู่กับคู่คนเดียวจนตาย มันเป็นเรื่องที่เขาทำไม่ได้
1
บางทีความรักเดียวของเขาจริงที่เสมอต้นเสมอปลายคือวิทยาศาสตร์
1
นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าโดยรวม ไอน์สไตน์น่าจะมีกิ๊กราวสิบคน
ความจริงคือสภาพสังคมปิตาธิปไตยในยุโรปยุคนั้น การมีกิ๊กไม่ใช่เรื่องแปลกนัก แต่เนื่องจากไอน์สไตน์มีชื่อเสียงโด่งดังข้ามเวลา จึงอาจเกิดการมองและตัดสินเขาด้วยมาตรวัดของโลกปัจจุบัน
1
แต่จุดที่แตกต่างจากคนมีกิ๊กทั่วไปคือ ไอน์สไตน์ไม่เคยปิดบังใครเรื่องมีกิ๊ก แม้กับภรรยาและลูกเลี้ยง เขามีความคิดและมุมมองเฉพาะตัวบางอย่างที่สวนทางกับค่านิยมของสังคมและบางทีก็หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม ยกตัวอย่าง เช่น ในเดือนมิถุนายน 1953 ไอน์สไตน์ปลอบใจเพื่อนหญิงคนหนึ่งซึ่งสามีมีหญิงอื่นว่า การมีกิ๊กเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์
1
“ผมมั่นใจว่าคุณรู้ว่าผู้ชายส่วนใหญ่ (รวมทั้งผู้หญิงจำนวนหนึ่ง) ไม่ได้มีคู่เดียวตามธรรมชาติ”
1
อาจเพราะเหตุนี้หรือไม่ที่ไอน์สไตน์เคยบอกว่า “You can’t blame gravity for falling in love.”
10
มุมมองของไอน์สไตน์เกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้มีคนล้อเล่นว่า ทฤษฎีที่สำคัญกว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพคือทฤษฎีสัมพัทธกิ๊ก (The Theory of Infidelity)
1
ตลอดชีวิตไอน์สไตน์พยายามค้นหาความหมายของพลังลึกลับของจักรวาล แต่บางทีพลังงานที่ลึกลับที่สุดแห่งจักรวาลก็คือสตรี มันมีพลานุภาพดึงดูดบุรุษโดยไม่อาจขัดขืน รุนแรงกว่าอานุภาพของแรงโน้มถ่วงหลุมดำ
3
หนีไม่พ้น แม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะที่ฉลาดที่สุดคนหนึ่งในโลก
อย่างไรก็ตาม การที่ไอน์สไตน์ไม่ปิดบังเรื่องมีกิ๊กจำนวนมาก กระทั่งเขียนจดหมายเล่าให้คนอื่นรู้ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าคำว่า ‘กิ๊ก’ นี้เป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหน เป็นสัมพันธ์สวาทจริง ๆ หรือว่าเป็นอาการเหงาขั้นรุนแรง? หรือทั้งสองอย่าง? หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่าง?
3
ทัศนคติและมุมมองของไอน์สไตน์ในเรื่องคู่หรือ ‘กิ๊ก’ อาจเป็นเรื่องที่คนจำนวนมากโดยเฉพาะในยุคนี้รับไม่ได้ ผิดหรือถูกคงเป็นเรื่องที่ถกกันได้อีกนาน แต่ในมุมมองของไอน์สไตน์ ผู้ที่มีโลกทัศน์สูงและแปลกต่างจากคนอื่น เขาไม่ได้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นผิดหรือถูก
2
มันเป็นเพียงเส้นทางชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง
2

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา