ตลท. เตรียมปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับ Free-Float และการจัดทำดัชนี
Cr: Gerd Altmann, Pixabay.com
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประสานไปยังตลาดหลักทรัพย์ฯ (ตลท.) เพื่อให้พิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์การกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-Float) ของบริษัทจดทะเบียน
เพื่อให้สามารถซื้อขายได้คล่องตัวและในราคาที่เหมาะสม รวมถึงคุ้มครองประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน
โดยที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแนวคิดที่จะปรับหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณดัชนีจากเดิมที่ใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในการคำนวณ (Full Market Capitalization)
มาเป็นการใช้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับด้วย Free-Float (Free -Float Adjusted Market Capitalization)
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ดัชนีสะท้อนสภาพการณ์ของตลาดได้มากยิ่งขึ้น และให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับสากลโลกที่เขาใช้คำนวณกันในปัจจุบัน
(*สถานการณ์ล่าสุดอยู่ระหว่างหารือกับผู้เกี่ยวข้อง และผู้ร่วมตลาดเพื่อรับฟังความคิดเห็นก่อนดำเนินการจริง*)
## ตัวอย่างเทียบเคียงจากดัชนี MSCI Thailand ##
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ดัชนี MSCI Thailand เป็นดัชนีที่สะท้อนหุ้นที่มีขนาดใหญ่ของไทยเทียบเคียงกับดัชนี SET50 แต่มีความแตกต่างกันอยู่ตรงที่ดัชนี MSCI Thailand ใช้หลักการ Free-Float Adjusted Market Capitalization มาคำนวณถ่วงน้ำหนักด้วย
ซึ่งการนำ Free-Float เข้ามาคำนวณถ่วงน้ำหนักด้วยนั้นจะทำให้หลักทรัพย์บางตัวที่ถึงแม้จะมี Market Cap. ขนาดใหญ่โตมากแค่ไหน แต่ถ้ามี Free-Float น้อยก็จะมีผลทำให้ดัชนีลดลงไปด้วย
จากตัวอย่าง ขอยกตัวอย่างของหุ้น DELTA ซึ่งใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วย Market Cap. เพียงอย่างเดียวในดัชนี SET50 เทียบกับการนำ Free Float เข้ามาถ่วงน้ำหนักด้วยนั้น...จะเห็นได้ว่า % น้ำหนักที่ได้ออกมาจะมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก
นอกจากดัชนี MSCI แล้วก็ยังมี FTSE ที่จัดทำดัชนีหุ้น FTSE SET Large Cap. ซึ่งมีการปรับน้ำหนักหุ้นด้วย Free-Float ด้วยเช่นกัน โดยจะมีการแบ่งระดับของ Free-Float ออกเป็นช่วงๆ ในการกำหนดน้ำหนัก
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
## SET50 ใครจะอยู่ใครจะไป? ##
จากกระแสการเข้าตลาดฯ ของหุ้น IPO บมจ.ปตท.น้ำมันและค้าปลีก (OR) ซึ่งเข้ากดดันตลาดและหุ้นในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากกองทุนทั้งไทยและเทศต่างก็เตรียมปรับพอร์ตกันวุ่นวาย และเตรียมเงินเพื่อจองซื้อหุ้น IPO ของ OR กันมือระวิง
โดยในอีกมิติหนึ่งหุ้น OR ก็มีโอกาสเข้าสู่ดัชนี SET50 และ SET100 แบบ Fast Track (เกณฑ์คือเป็นหุ้นที่ใหญ่กว่าหุ้นอันดับที่ 20 ในตลาดฯ)
ซึ่ง บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) และ บล.เอเชีย พลัส ประเมินหุ้นที่มีโอกาสหลุดจาก SET50 ไว้ ได้แก่ TU, BAM, COM7, และ TTW
Cr: Thaiwarrant
โดยปัจจุบันหุ้นแต่ละตัวมี Free-Float อยู่ที่ 64.99%, 54.20%, 46.42% และ 36.11% ตามลำดับ ทั้งนี้ หากพิจารณาจากแค่เพียงตัวเลข Free-Float ของกลุ่มที่ บล. ทั้ง 2 แห่งประเมินออกมาตาม Market Cap. แล้วนั้น TTW ก็มีโอกาสที่จะหลุดออกจาก SET50 ก่อนเพื่อน
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน...หุ้นที่มี Market Cap. ใหญ่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสหลุดจาก SET50 เพราะถ้ามี Free-Float น้อย ก็มีโอกาสหลุดออกจากดัชนี SET50 ได้ด้วยเช่นกัน หากเกณฑ์ใหม่ที่จะมีการปรับใช้ในอนาคตให้น้ำหนักกับ Free-Float ในสัดส่วนที่สูง
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สุดท้ายแล้วจะทราบว่าหุ้นตัวใดจะอยู่หรือหลุดออกจาก SET50 ก็คงต้องรอดูการตัดสินใจของตลาดหลักทรัพย์ฯ และการพิจารณาของ ก.ล.ต. ว่าจะให้ความสำคัญกับ Market Cap. หรือ Free Float มากกว่ากัน เพราะทั้ง 2 วิธีต่างมีข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
โดยความตั้งใจของ Regulator เองก็คงอยากวางหลักเกณฑ์ให้ครอบคลุมช่องโหว่ และลดความได้เปรียบเสียเปรียบของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงหุ้นบางตัวในปัจจุบันก็มีราคาซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่ากลัวเกินไป
ผู้คุมกฎก็คงต้องมาดูกันที่เกณฑ์ตรงกลางว่าจะไปในแนวทางไหน...และคงจะได้ติดตามสถานการณ์มาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไปครับ
ที่มา:
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ก.ล.ต.
- บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)
- บล.เอเชีย พลัส
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
