3 ก.พ. 2021 เวลา 08:59 • หนังสือ
#46 เล่ม 1 บทที่ 13 หน้า 286 ~ 291
...
G : เธอไม่เคยตาย ชีวิตเป็นนิรันดร์
เธอเป็นอมตะ ไม่เคยตายเลย
เธอเพียงเปลี่ยนรูปไปเท่านั้น
เธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ
เธอตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้นเองไม่ใช่ฉัน
🔸ฉันเพียงแต่สร้างร่างกายให้คงอยู่ได้ตลอดกาล🔸
ถามจริงๆเถอะ...เธอคิดว่าพระเจ้าอย่างฉันทำได้ดีที่สุดเพียงแค่สามารถทำให้เธอมีอายุขัยได้แค่ 60 70 หรืออาจจะ 80 ปี ก่อนที่ร่างจะแตกดับอย่างนั้นหรือ?
เธอจินตนาการว่าความสามารถฉัน "จำกัด" อยู่แค่นั้นใช่ไหม?
...
...
...
N : ผมไม่เคยคิดในเชิงนั้นเลยจริงๆนะครับ...
G : ฉันออกแบบร่างกายอันมหัศจรรย์ของเธอให้คงอยู่ไปตลอดกาล! พวกเธอในยุคแรกๆก็อยู่ในร่างกายโดยแทบไม่มีความเจ็บปวด และก็ "ไม่กลัว" สิ่งที่เธอเรียกว่า "ความตาย" เลย
ในตำนานทางศาสนาของเธอ เธอให้สัญลักษณ์แก่ "ความทรงจำในระดับเซลล์" ถึงมนุษย์เวอร์ชั่นแรกโดยเรียกว่า "อดัมกับอีฟ" ซึ่งที่จริงมีมากกว่าสองคนแน่นอนอยู่แล้ว
1
ในตอนแรก แผนการทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เธอผู้เป็นวิญญาณแสนวิเศษจะได้มีโอกาสรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองผ่านประสบการณ์ที่ได้จากกายเนื้อในโลกสัมพัทธ์ อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วหลายครั้ง
ทั้งหมดนี้ทำผ่านกระบวนการ "ลดความเร็วสุดหยั่ง" ของทุกการสั่นสะเทือน (รูปความคิด) เพื่อก่อให้เกิดสสารขึ้น รวมทั้งสสารที่เธอเรียกว่าร่างกายด้วย
ชีวิตวิวัฒน์ผ่านชุดขั้นตอนเหล่านี้ใน "พริบตาเดียว" ซึ่งปัจจุบันเธอเรียกว่าพันๆล้านปี และในห้วงขณะอันศักดิ์สิทธิ์นั้นเองที่เธอได้ปรากฏขึ้น จากท้องทะเลอันเป็นมหาสุมทรแห่งชีวิตสู่ผืนดิน กลายเป็นรูปร่างอย่างที่เธอเป็นอยู่ขณะนี้
N : ถ้าอย่างนั้นทฤษฎีวิวัฒนาการ★ ก็ถูกน่ะสิครับ!
★Evolutionist - แนวคิดที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆรวมทั้งมนุษย์เกิดขึ้นเพราะวิวัฒนาการและการคัดสรรตามธรรมชาติ ไม่มีเหตุผลหรือความหมายใดมากไปกว่านั้น ซึ่งตรงข้ามกับ Creationist ที่เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตรวมทั้งมนุษย์ถือกำเนิดขึ้นเพราะมี "พระเจ้า" หรือ "บางสิ่ง" เป็นผู้สร้าง ...ปัจจุบันต่างฝ่ายต่างยกหลักฐาน "ทางวิทยาศาสตร์" มารองรับหลักความเชื่อของตน และยังถกเถียงกันไม่สิ้นสุด ~ ผู้แปล
1
G : ฉันล่ะขำพวกเธอจริงๆ ...ขำมาตลอด...ที่พวกเธอน่ะชอบเหลือเกินที่จะมองทุกอย่างว่า "ไม่ถูกก็ต้องผิด" ไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าเธอประทับตราพวกนั้นลงไปก็เพียงเพื่อช่วยให้ตัวเองได้นิยามสิ่งต่างๆ และตัวเธอเองได้
2
เธอไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า (ยกเว้นผู้มีจิตละเอียดในหมู่เธอ) ✴️สิ่งใดสิ่งหนึ่งอาจเป็นทั้งถูกและผิดได้ในคราวเดียวกัน✴️
หรือจะเฉลียวใจว่า ✴️มีแต่โลกสัมพัทธ์เท่านั้นที่สิ่งๆหนึ่งต้องเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว ในโลกปรมัตถ์ที่ไร้กาลเวลานั้นทุกสิ่งเป็นได้ทุกอย่าง✴️
1
"ไม่มี" ชายหรือหญิง ก่อนหรือหลัง ช้าหรือเร็ว ที่นี่หรือที่นั่น บนหรือล่าง ขวาหรือซ้าย รวมถึงถูกและผิดด้วย
นักบินอวกาศเข้าใจเรื่องนี้ดี พวกเขาจินตนาการว่าตัวเองกำลังพุ่งทะยานขึ้นสู่อวกาศนอกโลกเพียงเพื่อจะพบว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วตนกำลัง "แหงนหน้ามอง" ไปยังโลก...หรือเปล่า? หรือบางทีอาจกำลัง "มองลงมา" ยังโลกก็ได้!
 
แล้วดวงอาทิตย์ล่ะอยู่ไหน? ข้างบน? ข้างล่าง? ไม่ใช่เลย! อยู่ทางโน้นต่างหาก ซ้ายมือโน่น ทันใดนั้นสิ่งต่างๆก็ไม่ได้อยู่บนหรือล่างแล้ว แต่อยู่ข้างๆแทน...
✴️นิยามทั้งหมดจึงหายไป✴️
นั่นล่ะโลกของฉัน (ของเรา) อันเป็นภพภูมิที่แท้จริงของเรา "ทุกนิยามล้วนหายไป" ทำให้ยากแม้แต่จะพูดถึงภพนั้นด้วยถ้อยคำระบุชี้ใดๆ
ศาสนาของพวกเธอ คือความพยายามที่จะพูดถึง 🔸สิ่งที่ไม่อาจพูดได้🔸 และก็ "ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่"
ไม่หรอกลูกเอ๋ย! ทฤษฎีวิวัฒนาการไม่ได้ถูกหรอก ฉันสร้างทุกสรรพสิ่งขึ้นภายในพริบตาภายในหนึ่งห้วงขณะอันศักดิ์สิทธิ์...ดังที่ฝ่ายทฤษฎีพระผู้สร้าง (Creationist) บอก และก็ผ่านกระบวนการวิวัฒนาการที่ใช้เวลานับหลายๆพันล้านปี...ดังที่ฝ่ายทฤษฎีวิวัฒนาการ (Evolutionist) กล่าว
ต่างฝ่ายต่าง "ถูก" ด้วยกันทั้งคู่นั่นล่ะ เหมือนที่นักบินอวกาศได้เข้าใจนั้นเลย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า 🔸เธอมองมันอย่างไร🔸
แต่ "คำถามที่แท้จริง" คือ...
ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งห้วงขณะอันศักดิ์สิทธิ์หรือหลายพันล้านปีก็ตาม แล้วมันต่างกันตรงไหน❓
เธอเห็นด้วยไหมล่ะว่าคำถามชีวิตบางข้อนั้นลี้ลับเกินกว่าเธอจะขานไข ทำไมไม่คงความศักดิ์สิทธิ์ให้กับความลี้ลับนั้นเสียล่ะ?
ทำไมถึงไม่ยอมให้ความศักดิ์สิทธิ์ได้ศักดิ์สิทธิ์และปล่อยไว้อย่างนั้น?
N : ผมสันนิษฐานว่าเราทุกคนต่างมีความกระหายใคร่รู้ไม่มีวันจบสิ้น
G : แต่เธอก็รู้อยู่แล้วนี่❗
ฉันเพิ่งบอกเธอไปเองไง❗
แต่เธอ 🔸ไม่ได้อยากรู้ความจริง🔸
🔸เธอแค่อยากรู้ความจริงตามที่เธอเข้าใจ🔸
นี่คือปราการใหญ่หลวงที่สุดที่ "กั้นเธอ"
🌟ไม่ให้เข้าถึงความรู้แจ้ง🌟
เธอคิดว่าเธอ "รู้ความจริงแล้ว!" เธอคิดว่าเธอ "เข้าใจแล้วว่าสิ่งต่างๆเป็นอย่างไร" เพราะฉะนั้นเธอก็จะ`เห็นด้วย`กับสิ่งที่เธอได้อ่าน ได้ฟัง หรือ ได้เห็น ซึ่งไปกันได้กับกรอบความคิดของเธอ แล้วก็`ปฏิเสธ`อะไรก็ตามที่ไม่เข้ากับกรอบนั้นทิ้ง
นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเรียนรู้
นี่แหละที่เธอเรียกว่าการเปิดรับต่อคำสอน
แต่อนิจจาเธอเอ๋ย❗...เธอไม่มีทางเปิดรับคำสอนใดได้ถ้ายังคง ✴️ปิดตัวเองต่อทุกสิ่งที่ต่างไปจากความจริงที่เธอมี✴️
ดังนั้นจะมีบางคนที่เรียกหนังสือเล่มนี้ว่าลบหลู่ศาสนาหรือไม่ก็เป็นผลงานของปีศาจ
แต่ใครมีหูก็จงฟังเถิด เพราะฉันจะบอกเธอว่า ✴️เธอไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อที่จะตาย✴️
🌟ร่างกายเธอถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกแสนมหัศจรรย์🌟
คือเครื่องมือสุดวิเศษและพาหนะอันรุ่งโรจน์ ✴️เพื่อให้เธอมีประสบการณ์ถึงความจริงที่เธอสร้างขึ้นจากจิตใจของเธอเอง ✴️เพื่อเธอจะได้รู้ในระดับวิญญาณถึงตัวตนที่เธอสร้างขึ้นมา
1
วิญญาณเป็น 🔹ตัวรู้🔹
จิตใจเป็น 🔹ตัวสร้าง🔹
ร่างกายเป็น 🔹ตัวประสบ🔹
✨วัฏจักรจึงสมบูรณ์✨
เมื่อนั้นวิญญาณจะรู้จักตัวเองผ่านประสบการณ์ของตน และถ้ามันไม่ชอบสิ่งที่กำลังมีประสบการณ์ (กำลังรู้สึก) หรืออยากมีประสบการณ์ที่ต่างไปจากเดิมไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันก็เพียงแต่`รู้`ถึงประสบการณ์ "ใหม่" ของตัวเองแล้วก็ "เปลี่ยนใจใหม่" ตรงตามตัวอักษรนั้นเลย
ไม่นานร่างกายก็จะรับประสบการณ์ใหม่นั้นไว้ "เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย"★ คือตัวอย่างอันยอดเยี่ยมในเรื่องนี้
★ความตอนหนึ่งในพระธรรมยอห์นบทที่ 11 กล่าวว่า ณ หมู่บ้านเบธานี แคว้นยูเดีย มีชายคนหนึ่งชื่อลาซารัสได้เสียชีวิตลง ชายผู้นี้มีพี่สาวสองคนชื่อมารีย์และมารธา เมื่อพระเยซูเดินทางไปถึงบ้านของชายผู้นี้ ก็พบว่าร่างของลาซารัสถูกเก็บไว้ในอุโมงค์ฝังศพ มารธาได้บอกพระเยซูว่า "ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายของข้าก็คงไม่ตาย" พระเยซูกล่าวกับนางว่า "ลาซารัสจะเป็น (ฟื้น) ขึ้นมาอีก...เราเป็นชีวิตและการเป็นขึ้นจากตาย"
จากนั้นพระเยซูได้เดินทางไปยังอุโมงค์ที่ฝังศพลาซารัส อุโมงค์นั้นเป็นถ้ำ มีหินก้อนหนึ่งปิดปากอุโมงค์เอาไว้ พระเยซูพูดว่า "เอาหินออก" มารธาพี่สาวผู้ตายบอกว่า "ป่านนี้คงมีกลิ่นเหม็นแล้วเพราะน้องตายมาสี่วันแล้ว" พระเยซูจึงกล่าวว่า "เราบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือว่าถ้าเธอเชื่อ เธอจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า"
พวกเขาจึงเอาหินออก พระเยซูแหงนหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า "ข้าแต่พระบิดา ข้าพระองค์ขอบคุณพระองค์ที่โปรดฟังข้าพระองค์ ข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์เสมอ แต่ที่ข้าพระองค์กล่าวอย่างนี้ก็เพราะเห็นแก่ฝูงชนที่ยืนอยู่ที่นี่ เพื่อพวกเขาจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา" เมื่อกล่าวอย่างนั้นแล้วพระเยซูได้ร้องเสียงดังว่า "ลาซาลัส ออกมาเถิด!" แล้วผู้ตายก็ออกมา
~ ผู้แปล ~
เธอคิดว่าพระเยซูทำอย่างนั้นจริงหรือเปล่าล่ะ? หรือเธอไม่เชื่อว่ามันเกิดขึ้นจริงๆ?
(เชื่อเถอะ! มันเกิดขึ้นจริง!)
แต่วิญญาณ "จะไม่ครอบงำร่างกายและจิตใจ" ฉันสร้างเธอมาให้มีองค์สาม เธอคือสามคุณลักษณ์ในหนึ่งเดียว ซึ่งถูกสร้างขึ้น "ตามฉายาลักษณ์ของฉัน"
ตัวตนสามด้านนี้ใช่ว่าจะไม่เท่าเทียมกัน แต่ละด้านต่างมีหน้าที่ของตัวเอง และก็ไม่มีหน้าที่ไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าใครหรือนำหน้าใคร 🔸ทั้งหมดต่างประสานเชื่อมร้อยอย่างเท่าเทียม🔸
1
✴️ รู้ - สร้าง - ประสบ ✴️
 
🔸อะไรที่เธอรู้ เธอจะสร้าง🔸
🔸อะไรที่เธอสร้าง เธอจะประสบ🔸
🔸อะไรที่เธอประสบ เธอจะรู้🔸
1
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงพูดว่า...ถ้าเธอสามารถทำให้ร่างกายมีประสบการณ์บางอย่างได้ (เช่นความมั่งมี) ไม่ช้าเธอจะเกิด "ความรู้สึกนั้นในวิญญาณของเธอ"
และวิญญาณก็จะรับรู้ตัวเองแบบใหม่ (ซึ่งก็คือความมั่งมี) แล้วก็จะ "มอบความคิดใหม่ๆให้แก่จิตใจ"
จากความคิดใหม่ๆนั้นเองที่ประสบการณ์ใหม่ๆจะผุดขึ้น และร่างกายก็จะเริ่มใช้ชีวิตอยู่กับ "ความเป็นจริงใหม่ในฐานะเป็นสภาวะจิตถาวร"
✴️ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณของเธอคือหนึ่งเดียวกัน✴️
ด้วยนัยนี้เธอจึงเป็นจุลจักรวาล★ ของฉัน...
🌟 ฉันผู้เป็นทุกสรรพสิ่ง
🌟 คือทั้งหมดอันศักดิ์สิทธิ์
🌟 คือผลลัพธ์และกระบวนการ
🔆ตอนนี้เธอเห็นแล้วว่าฉันเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นเบื้องต้นและเบื้องปลายของสรรพสิ่งได้อย่างไร🔆
★ Microcosm (จุลจักรวาล) คือภาวะที่ส่วนย่อย (Micro) คงคุณสมบัติและภูมิปัญญาขององค์รวม (Macro) ไว้อย่างครบถ้วน คุณสมบัติแห่งองค์รวมมิได้หดหายหรือตกหล่นไปเพราะความเป็นหน่วยย่อยของตน
โยคีโบราณกล่าวว่า ร่างกายมนุษย์คือจุลจักรวาลของเอกภพ [ในทางตรงข้าม เอกภพก็คือมหาจักรวาล (Macrocosm) ของร่างกาย] ความลับทั้งมวลในเอกภพดำรงอยู่ในร่างกายของเรา ถ้าเราเข้าใจตัวเอง เราก็เข้าใจเอกภพ ถ้าเราเข้าใจเอกภพ เราก็เข้าใจตัวเอง เพราะสิ่งหนึ่งคือภาพสะท้อนของอีกสิ่ง ทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม
ความตอนหนึ่งของคัมภีร์พระเวทกล่าวว่า
 
"As in the microcosm, so is the macrocosm.
As is the atom, so is the universe.
As is the human body, so is the cosmic body.
As is the human mind, so is the cosmic mind."
~ ผู้แปล ~
🔸ทีนี้ฉันจะอธิบายความลี้ลับสุดยอดให้เธอฟัง🔸
🔸อธิบายถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงที่เธอมีต่อฉัน🔸
🌟 เธอคือร่างกายของฉัน 🌟
✴️ กายเธอเป็นเช่นไรต่อจิตใจและวิญญาณของเธอ
✴️ เธอก็เป็นเช่นนั้นต่อจิตใจและวิญญาณของฉันด้วย
✴️ ทุกสิ่งที่ฉันมีประสบการณ์ฉันมีประสบการณ์ผ่านทางเธอ
✴️ และก็เหมือนที่ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณของเธอเป็นหนึ่งเดียว
✴️ ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณของฉันก็เป็นหนึ่งเดียวไม่ต่างกัน
ดังนั้น เยซูแห่งนาซาเร็ธ (หนึ่งในผู้ที่เข้าใจความลี้ลับนี้) จึงกล่าวสัจจะที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยนว่า...
✴️ เราและพระบิดาคือหนึ่งเดียวกัน ✴️
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา