6 ก.พ. 2021 เวลา 07:59 • นิยาย เรื่องสั้น
(3) Day0 ; TG 642
"ผมเป็นหมอ" เขาย้ำ
เธอนิ่งไปอึดใจก่อน พูดเสียงอ่อนลงเช่นเดียวกัน
“วันนี้อะไรๆก็แย่ไปหมด จนใจคอไม่ดี พอมีอะไรกระทบหน่อยก็...”
เธอปล่อยให้คำพูดหายใจอย่างไม่รู้จะว่าพูดอะไรอื่นอีก
หมอหนุ่มหยักหน้าทำท่าเหมือนกับบอกว่า มาตรวจๆให้จบๆเถอะ ผมก็ทำตามหน้าที่อย่างที่ควรทำ
1
เธอเองก็รู้สึกอย่างเดียวกัน จึงไถลตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนบนที่นั่งของตัว หมอก็ขยับ แต่ไปๆมาๆ ก็เก้ๆกังๆ เพราะมือขวาของหมอควรจะเข้าตรวจจากด้านขวาของคนไข้ พอนั่งผิดตำแหน่งก็ตรวจไม่ถนัด มือชะงักๆ ยกๆหามุม ต้องเอื้อมข้ามผ่านหน้าอกของอีกฝ่ายเพื่อไปถึงท้องด้านขวา
อาการยงโย่ยงหยกนั้น ทำให้คนไข้ที่ใจคอไม่ดีอยู่แล้ว คิดอะไรในใจบางอย่าง แล้วเลยดึงคาร์ดิแกนตัวนอกลงมาปิดทับเสื้อเสียอีกชั้น
หมอหนุ่มชักสีหน้าในความมืด จะระแวงอะไรกันนักหนานี่ แค่นี่ก็ต้องตรวจผ่านเสื้อชั้นนึงแล้ว ตรวจยากนะคุณ
แรงกดนั้นบอกอารมณ์ กดแรงแล้วปล่อยอย่างไว
“ปวดไหม”
เเธอสั่นหน้า บุ้ยปากมาที่ตำแหน่งใกล้คางกว่าคือใต้ลิ้นปี่
1
“อีกรอบนะ กดแบบนี้ กับปล่อยแบบนี้ อันไหนปวดมากกว่า”
เธอกุมท้องด้านบน เสียงสูงขึ้น
“ไม่ปวด ปวดด้านบน”
1
หมอถอยไปนั่งที่ริมทางเดินของตน ลุกขึ้นเปิดที่เก็บของเหนือศีรษะ ดึงเป้ลงมาค้นอะไรกุกกัก ได้ถุงพลาสติกมาแล้วก็เปิดโคมไฟเล็กเหนือที่นั่ง มือแยกซองยาในถุงใหญ่นั้นทีละซอง จนได้ที่ต้องการจึงยื่นมาตรงหน้า
“ผมติดมาแต่ตัวนี้ omeplazole คุณน่าจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร อาหารคงไม่ย่อย”
เธอรับยามา ก้มหน้าพูดพึมพำ “ไม่มีอาหารให้ย่อยซักหน่อย”
หมอหนุ่มนิ่งไปครู่กับบอกเล่านั้น เสียงที่ปล่อยออกมามีร่องรอยสะกดกลั้น
“อ้อ! นี่ไม่ได้กินอาหารถาดนั้นหรอกหรือ”
เขาต้องอดนอนขึ้นมาวุ่นวายเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมกินอาหาร!
เก็บของเข้าที่เก็บเหนือศีรษะแล้ว นั่งที่เดิม จัดผ้าห่มคลุมตัว พูดโดยไม่ได้หันมามองหน้า
“ยานั่นถ้าคุณระแวงมากก็วางทิ้งไว้ตรงนั้นนั่นแหละ”
แล้วเขาก็หลับตาอย่างไม่ต้องการจะยุ่งเกี่ยวกับเธออีก
เธอรู้สึกผิดนิดหน่อย
แต่จะโวยวายอะไรกับเธอเล่า คนกำลังไม่สบายใจ แค่พาตัวพาร่างขึ้นเครื่องมากได้นี่ก็นับว่าเก่งแล้ว
กินยาเล้วเธอก็หลับ
ตื่นมาอีกครั้งเมื่อกลิ่นขนมปังอุ่นๆลอยมาแตะจมูก เพิ่งรู้ตัวว่าหิว
คนที่นั่งริมทางเดินตื่นพอดีเช่นกัน เขาขยับพนักให้ปรับตรง เก็บรวบผ้าห่มบนตัวว่องไว
"เขาแจกอาหารเช้าแล้วค่ะ หิวไหมคะ " สีหน้าเก้อๆนั่น บอกว่าชวนคุยอย่างขอลุแก่โทษ
เขาไม่ตอบ แต่หันมองเหมือนประเมินอาการคนไข้
"ดีแล้วที่คุณหิว แสดงว่าไม่ปวดท้อง" หน้าเขาเฉย แล้วลุกขึ้นเปิดที่เก็บสัมภาระ คว้าเป้หายไปท้ายลำ
อาหารมาถึง เขาก้มหน้าก้มตากินอาหารของตน เธอเองก็เช่นกัน อาหารเช้ารสชาติดี ขนมปังหอมเนยและกาแฟก็อร่อย
เธอไม่รู้ว่าท่าทางกุมมือรอบถ้วยกาแฟยกขึ้นสูดดมกลิ่นหอมแล้วหลับตาพริ้มนั้น จะทำให้ชายหนุ่มข้างๆมองอย่างประเมิน ไม่เศร้าก็ดีแล้ว ผู้หญิงนี่เข้าใจยาก
เจ้าหล่อนหันมามองพอดี จะหลบก็ไม่ทัน เขาเลยต้องเสถาม
"ไม่ปวดท้องแล้วนะคุณ"
ร่างเล็กบางนั่นสั่นหน้า พลางยื่นซองยาคืน ประณมมือไหว้
เขารับไป แต่คงคิดอะไรบางอย่าง "จะเก็บไว้ก็ได้นะ เผื่อต้องใช้"
เธอส่ายหน้าอีกที
“ไม่ต้องแล้วค่ะ”
สีหน้าครุ่นคิด
"คงไม่แย่เหมือนเมื่อคืนอีกแล้วค่ะ แบบนั้นไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นเลย แถมยังทำให้คนอื่นเดือดร้อน" เธอเหลือบสายตามามองเขาในประโยคสุดท้าย
แล้วเลยไม่พูดอะไรกันอีก
เสียงแอร์โฮสเตสด้านหน้าปลุกเขาจากภวังค์ แว่วๆมาเรื่องการกรอกใบตรวจคนเข้าเมือง เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาหาที่เขียนหลังเครื่องลง ซึ่งก็ดี เพราะเขาไม่รู้ว่าต้องกรอกอะไรบ้าง ไม่เคยมีพาสปอร์ต ไม่เคยย่างก้าวออกนอกประเทศ
เรื่องนี้ใครได้ยินก็คงรู้สึกแปลกใจ
ทั้งๆที่เพื่อนๆเดินทางกันเป็นว่าเล่น ช่วงเวลาทำงานใช้ทุนในโรงพยาบาลอำเภอพอมีวันลา แต่ทุกครั้งที่มีใครชวนเขาก็ตอบว่าติดเวร ตอบจนเพื่อนเลิกชวน
ช่วงเวลาเรียนต่อเฉพาะทาง ก็ลาไม่ได้ ไปๆมาๆเขาเลยไม่เคยไปไหน
รับการ์ดใบเล็กนั้นมาแล้วเขาก็ยื่นไปให้คนทางขวาโดยไม่มองหน้า รับของตัวเองมาก็ก้มหน้าก้มตาเขียน
ดึงพาสปอร์ตเล่มใหม่เอี่ยมออกมาดูหมายเลขหนังสือเดินทาง กรอกเที่ยวบิน กรอกข้อความที่เหลือ จนมาติดเรื่องที่อยู่ในญี่ปุ่น
หันไปทางร่างบางริมหน้าต่าง ฝ่ายนั้นเขียนเสร็จแล้ว นิ้วเล็กเรียวไล่ตามความนูนสูงต่ำของพาสปอร์ต แต่ตามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
"คุณ ที่อยู่นี่เราเขียนอะไรลงไป ผมไม่ได้จองโรงแรมไว้"
ฝ่ายนั้นหันมาทำความเข้าใจกับคำพูด การตอบสนองดีเลย์ไปหลายวินาที
"ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ นี่เขียนลงไปกว้างๆว่าเขตคันไซ แถวๆฟูจิน่ะค่ะ"
ชายหนุ่มหน้านิ่ว
"สะกดยังไงนะ ขอมาดูหน่อยเถอะ ที่กรอกตรงอื่นไปแล้วก็ไม่แน่ใจนัก ผมไม่เคยมาต่างประเทศ"
สายตาบอกความแปลกใจ แต่ร่างเล็กไม่ได้พูด ส่งเพียงการ์ดใบเล็กมาให้
ชายหนุ่มกรอกตามจนครบ สายตาเขาหยุดนิ่งที่จุดหนึ่งบนการ์ด
"ชื่อเอพริล เขียน April แบบนี้เลยนะ" อีกฝ่ายพยักหน้ารับ
"เอพริล เมษายนนะ.. อ้อ! จริงด้วยเกิดเมษา"
 
ยื่นคืนแล้ว เหมือนติดใจอะไรอยู่เลยพูดต่อ
"เข้าใจตั้งนะ ถ้าเป็นเมษาหรือชื่อที่ประกอบคำขึ้นจากเมษา คงไม่รู้สึกดีเท่าเอพริล"
1
"เป็นไงคะ" เธอถาม
เดาว่าคงคล้ายๆกับคนอื่น เพราะมีแต่คนชมว่าแปลก ว่าอ่อนหวานเป็นผู้หญิง หรือฟังดูนุ่มดี อะไรทำนองนั้น
"อธิบายยาก" เขาอึกอัก ชักจะรู้สึกว่าไม่น่าพูดออกไปตามที่ใจคิด เขาไม่เคยชินกับการอธิบายอะไรทำนองนี้ แต่ก็ตัดสินใจว่า พูดไปเถอะ
"เอพริล ในความคิดผม เหมือนมีความเป็นฤดูใบไม้ผลิ spring น่ะ" เขาพูดตะกุกตะกัก
"เวลาหนังสือบรรยายถึงฤดู spring ก็ทำให้นึกถึงเนินเขาสุดลูกหูลูกตา เหมือนในหนัง The sound of music "
เขามองเลยออกไปนอกหน้าต่าง
1
"มีทุ่งกว้างๆ ที่ดอกไม้ดอกเล็กดอกน้อยพร้อมใจกันเบ่งบาน" เขายิ้มนิดๆ
"... เมื่อเอพริล"
คราวนี้เอพริลยิ้มนิดๆ คุณหมอคนนี้ละเอียดอ่อนไม่น้อย บรรยายเก่ง พูดได้ดี
 
ผู้ชายที่พูดเก่งพูดดีแบบนี้ที่จริงก็มีอีกคน คนนั้นพูดหวานน้ำตาลเกาะ สาวๆหลงคารม ซึ่งถ้าหลงฝ่ายเดียวยังพอทำเนา..
เอพริลถอนหายใจ เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เครื่องลดระดับกำลังจะลง เมฆค่อนข้างทึบแน่นสมกับฤดูหนาวที่อ้างว้างเสียงที่ตอบเขามีแววหม่น
"แม่เป็นคนตั้งค่ะ" เธอกุ้มหน้าก่อนเงยขึ้น
"แม่ไม่รู้สึกว่าเมษายนคือสงกรานต์ แม่ว่าเมษาคือเอพริล เดือนที่เมื่อหิมะละลาย หัวและเหง้าของดอกไม้ที่ฝังอยู่ใต้ดินก็เริ่มแตกหน่อ ชูใบ และชูดอกสวย"
เสียงสุดท้ายแผ่วเครือ เสี้ยวหน้านวลก้มต่ำ
1
ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจ น้ำเสียงถัดมามีแววปลอบ
"อาจจะเพราะแกนโลกเอียง โลกเราหมุน เรามีฤดูกาล โลกเอียงให้เราเจอทุกอากาศ" เขานึกถึงแววเศร้าในดวงตาสวยคู่นั้น ก่อนพูดต่อ
"เมื่อฤดูหนาวผ่าน คุณจะเป็นเอพริล ที่คุณแม่ภูมิใจ"
 
เอพริลละสายตาหันกลับมามอง ยกมุมปากโค้งขึ้นอย่างขอบคุณ
"อ้อ! ผมชื่อธันว์ เดือนธันวาคมน่ะครับ" ยกการ์ดในมือขึ้นประกอบ
รอยยิ้มจางไปจากใบหน้าเอพริล
"ตั้งจากชื่อจากเดือนเกิดเหมือนๆกันเลยนะคะ"
เจ้าของเสียงแผ่วเหลือบสายตาไปตรงที่ว่างตรงกลาง
"ถ้าเขามาด้วยคงครบทีม เขาเกิดเดือนตุลาคมค่ะ ชื่อตุล”
1
ขอบคุณภาพสวยจากยูอิจังค่ะ 😘😘

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา