Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คีตาแห่งสยาม
•
ติดตาม
7 ก.พ. 2021 เวลา 08:00 • หนังสือ
✴️ บทที่ 1 ความท้อแท้ของอรชุน
(ตอนที่ 3) ✴️
🌸 “พวกเขาได้ทำอะไรกัน” — สำรวจสนามรบในจิตใจและจิตวิญญาณ 🌸
⚜️ โศลก 1 ⚜️ (ตอนที่ 2) หน้า 10 – 13
❇️ องค์กรอาณาจักรกาย : ที่อยู่ของวิญญาณ ❇️
องค์กรกายและจิตของมนุษย์ ได้เปิดเผยอย่างละเอียดบริบูรณ์ว่าชีวิตนี้เป็นแผนการของพระเจ้า “ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่า พวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน”★ พระวิญญาณของพระเจ้า #ภาพสะท้อนของพระองค์ในมนุษย์ก็คือวิญญาณนั่นเอง
★1 โครินธ์ 3 : 16
วิญญาณเข้าสู่สสารในฐานะประกายชีวิตและจิตที่มีอำนาจทุกอย่าง มาอยู่ในนิวเคลียสที่เกิดจากการรวมตัวของสเปิร์มกับไข่ เมื่อกายพัฒนาไป “ฐานชีวิต" แรกเริ่มนี้ยังอยู่ที่เมดุลลา ออบลองกาตา จึงกล่าวกันว่าท้ายสมองคือทางผ่านของชีวิต ที่วิญญาณราชาเข้าสู่อาณาจักรกายอย่างผู้มีชัยชนะ
ที่ “ฐานชีวิต” นี้ วิญญาณที่มาจุติจะแสดงออกครั้งแรกถึงการรับรู้ ซึ่งควบคู่มากับแบบแผนของกรรมที่จะเกิดขึ้นในช่วงต่าง ๆ ของชีวิต ด้วยพลัง 'ปราณ' อันอัศจรรย์หรือพลังปัญญารังสรรค์ชีวิต และโดยการนำทางของวิญญาณ เซลล์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของสเปิร์มกับไข่จะพัฒนาเป็นตัวอ่อน กลายเป็นทารกในครรภ์ และกลายเป็นกายของมนุษย์
หน้าที่สร้างสรรค์หรือเครื่องมือของวิญญาณ มีธรรมชาติทั้งฝ่ายทิพย์และฝ่ายเหตุ เมื่อวิญญาณเข้าสู่เซลล์ต้นกำเนิดของชีวิต มันจะมาพร้อมกับรูปละเอียดสองรูป คือ “กายเหตุของพลังคิด” ซึ่งถูกห่อหุ้มอยู่ด้วยพลังทิพย์แห่งชีวิต★ ส่วนกายเหตุนั้น ที่ได้ชื่อว่ากายเหตุ เพราะมันเป็นเหตุของวิญญาณอื่นที่หุ้มวิญญาณไว้อีกสองชุด ซึ่งประกอบด้วย 'ความคิด หรือ พลังคิด' 'สามสิบห้าความคิด' ซึ่งรวมกันเป็นกายทิพย์ซึ่งประกอบด้วยธาตุสิบเก้าธาตุ — และกายหยาบที่ประกอบด้วยธาตุเคมีหยาบอีกสิบหกธาตุ
★ข้าพเจ้าสร้างคำ “Lifetrons” เพื่อแปลความหมายของคำว่า 'ปราณ' ในภาษาสันสกฤต ซึ่งหมายถึง “พลังชีวิต” คัมภีร์ฮินดูเอ่ยถึงคำ อณู หรือ “อะตอม” ส่วน ปรมาณู “เล็กกว่าอะตอม” — หมายถึงพลังไฟฟ้าที่ละเอียดกว่ามาก 'ปราณ' จึงหมายถึง “พลังรังสรรค์ชีวิต" อะตอมกับอิเล็กตรอนเป็น พลังฝ่ายมืดบอด ส่วนปราณนั้นมีธรรมชาติอยู่ฝ่ายปัญญา ตัวอย่างเช่น 'ปราณ' หรือ 'lifetrons' ในตัวอสุจิและไข่ จะพัฒนาตัวอ่อนไปตามการออกแบบของกรรม
“ธาตุทั้งสิบเก้าของกายทิพย์” ก็คือ 1️⃣ พุทธิ 2️⃣ อหังการ 3️⃣ จิตต 4️⃣ มนัส — ญาเณนทรีย์ 5 (อินทรีย์รับรู้ 5️⃣ ตา, 6️⃣ ลิ้น, 7️⃣ จมูก, 8️⃣ หู, 9️⃣ กาย) — กรรเมนทรีย์ 5 (อินทรีย์การกระทำ 1️⃣0️⃣ เพื่อการกำเนิดลูกหลาน, 1️⃣1️⃣ การขับถ่าย, 1️⃣2️⃣ การพูด, 1️⃣3️⃣ การเดิน, และ 1️⃣4️⃣ ทักษะการบริหารกาย) — กับเครื่องมือห้าประการของปราณ (ให้พลังในการที่จะสร้าง 1️⃣5️⃣ ผลึก, 1️⃣6️⃣ การกลืนกลาย, 1️⃣7️⃣ การทำลาย, 1️⃣8️⃣ การสันดาป, และ 1️⃣9️⃣ ระบบหมุนเวียนภายในร่างกาย)
“พลังทั้งสิบเก้าในกายทิพย์นี้” คือสิ่งที่ 'สร้าง' 'ดำรง' และ 'ให้ชีวิตแก่กายหยาบ' #ศูนย์แห่งชีวิตและจิตที่พลังเหล่านี้ทำหน้าที่อยู่ที่ 1️⃣ “สมองทิพย์” (หรือ “ดอกบัวพันกลีบแห่งแสง”) — กับ “แกนสมองร่วมไขสันหลัง” (หรือ “สุษุมนา”) ซึ่งเป็นที่อยู่ของจักระทั้งหก จักระเหล่านี้อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย คือ 2️⃣ ที่ท้ายสมอง (เมดุลลา) กับอีกห้าจุดตามแนวไขสันหลัง : 3️⃣ คอ (ตรงข้ามกับคอหอย) 4️⃣ ลำตัว (ตรงข้ามกับหัวใจ) 5️⃣ กระดูกสันหลังส่วนบั้นเอว (ตรงข้ามกับสะดือ) 6️⃣ กระเบนเหน็บ (ตรงข้ามกับอวัยวะเพศ) 7️⃣ กระดูกก้นกบ (ที่ฐานของไขสันหลัง)
▪️ วิญญาณฝ่ายพระเจ้าต่อสู้กับอหังการที่ติดข้องอยู่กับร่างกาย ▪️
พลังจิตที่หยาบจะแสดงตนในโครงสร้างของกายหยาบ ส่วนพลังละเอียดของวิญญาณ — 'จิต ปัญญา เจตจำนง ความรู้สึก' จะอยู่และแสดงตนที่ท้ายสมองกับในเนื้อเยื่อละเอียดอ่อนของสมอง
1
ถ้าจะอธิบายด้วยภาษาที่ง่ายที่สุดก็อาจพูดได้ว่า #ตำหนักชั้นในของวิญญาณราชา คือศูนย์ที่ซับซ้อนของ 'อภิจิต' 'จิตพระกฤษณะ' หรือ 'จิตพระคริสต์' (กุฏัสถะ ไจตันยะ หรือ 'จิตสากล') และ 'จิตจักรวาล' ศูนย์เหล่านี้เรียงลำดับไปตั้งแต่ท้ายสมอง ส่วนหน้าของสมองตรงที่อยู่ระหว่างคิ้ว (วิญญาณจักษุ) และบนกระหม่อม (บัลลังก์แห่งวิญญาณในดอกบัวพันกลีบ) ในภาวะจิตเช่นนี้วิญญาณราชาจะครองภาพลักษณ์อันบริสุทธิ์ของพระเจ้าในมนุษย์
แต่เมื่อวิญญาณลงไปสู่มนินทรีย์มันจะอยู่ใต้อำนาจของ 'มายา' (ความลวงแห่งจักรวาล) และ 'อวิชชา' (ความโง่หลง หรือ โมหะที่สร้างจิตอหังการ) เมื่อถูกล่อลวงโดยมายาจักรวาล หรือ 'จิตมาร' #วิญญาณจะกลายเป็นอหังการที่คับแคบอยู่กับกาย กับวงศาคณาญาติของกายและทรัพย์สิน มันผูกตนไว้กับแวดวงอันจำกัดของกาย
เมื่อเป็นเช่นนี้เสียแล้ว 'วิญญาณอหังการ' ก็ไม่สามารถแสดงความเป็นสัพพัญญู ไม่สามารถอยู่ได้ในทุกที่ทุกกาล และไร้ฤทธิ์อำนาจ มันคับแคบเหมือนกับอหังการราชาผู้มั่งคั่งที่พเนจรร่อนเร่ไปในแหล่งเสื่อมโทรมด้วยอาการหลงลืม แล้วคิดว่าตัวเองเป็นยาจก ใน 'โมหะภาวะ' เช่นนี้ #อหังการราชาจะบัญชาอาณาจักรแห่งกาย
จิตวิญญาณอาจพูดกับพระคริสต์ซึ่งตื่นอยู่ในตัวพระเยซูว่า “เรากับพระบิดาคือสิ่งเดียวกัน” — แต่จิตฝ่ายอหังการจะพูดด้วยความหลงว่า “ฉันคือกายนี้ นี่คือครอบครัวของฉัน นี่คือชื่อของฉัน นี่คือทรัพย์สมบัติของฉัน” แม้อหังการคิดว่ามันปกครอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือนักโทษของกายและจิต และ #กายกับจิตก็เป็นตัวเบี้ยในกลไกอันซับซ้อนของธรรมชาติ
ในมหาจักรวาลที่พระเจ้าทรงรังสรรค์นั้น 'การต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่ได้ดำเนินไปตลอดเวลา' #ระหว่างบรมวิญญาณกับการสำแดงอย่างไร้ความสมบูรณ์ของธรรมชาติ ทุกแห่งหนในโลก เราได้เป็นพยานรู้เห็นการต่อสู้อย่างเงียบ ๆ ระหว่างความสมบูรณ์กับความไม่สมบูรณ์ — แบบแผนที่ไร้ข้อบกพร่องของบรมวิญญาณได้ต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งกับการบิดเบือนอย่างน่าชังด้วย 'อำนาจมายา' ซึ่งเป็นลักษณะของ “มาร”★ อำนาจหนึ่งสำแดงแต่ความดี ส่วนอีกอำนาจหนึ่งนั้นแอบทำงานลับ ๆ เพื่อสำแดงความชั่ว
★อย่าคิดว่าความจริงเกี่ยวกับมายานี้มีแต่ฤษีเท่านั้นที่เข้าใจ ศาสดาพยากรณ์ (ผู้เผยแผ่พระวจนะ) ในพระคัมภีร์เก่าเรียก 'มายา' ในนามของ 'มาร' หรือ 'ซาตาน' (ภาษาฮิบรู แปลตามตัวหมายถึง “#ฝ่ายตรงกันข้าม”) พระคัมภีร์ภาษากรีกใช้คำ diabolos (ดิอาโบลัส) หรือ “ผีร้าย” เทียบเท่ากับคำว่า ซาตาน 'ซาตานหรือมายา' คือ #นักมายากลแห่งจักรวาล — “ผู้สร้างรูปทรงนานามหาศาลเพื่อซ่อนสิ่งจริงไร้รูปที่มีเพียงหนึ่ง” ในแผนการและลีลาของพระเจ้านั้น 'หน้าที่เพียงอย่างเดียวของซาตานหรือมายา' คือ #พยายามหันเหมนุษย์จากบรมวิญญาณไปสู่สสาร #จากสิ่งจริงไปสู่สิ่งไม่จริง
พระคริสต์พรรณนาอย่างให้ภาพชัดเจนถึง 'มายา' ว่าเป็นปิศาจ เป็นฆาตกร เป็นผู้กล่าวเท็จ “มาร..เป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรก และไม่ได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา” (จอห์น 8:44) “มารทำบาปตั้งแต่เริ่มแรก พระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จมาปรากฏก็เพราะเหตุนี้ คือเพื่อทำลายกิจการของมาร” (1 ยอห์น 3:8) นั่นคือ #การสำแดงจิตแห่งพระคริสต์ภายในตัวของมนุษย์ได้ทำลายมายา หรือ “กิจการ ของมาร” โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เลย
'มายา' มีมา “ตั้งแต่เริ่มแรก” เพราะโครงสร้างของมันมีอยู่ในปรากฏการณ์ของโลก 'มันเป็นแรงดึงดูด' ในฐานะฝ่ายต่อต้านความไม่เปลี่ยนแปลงของพระเจ้า
{อัตชีวประวัติของโยคี}
ในทำนองเดียวกัน 'จุลจักรวาล' คือ #กายและจิตของมนุษย์ก็เป็นสนามรบ ในสงครามระหว่างปัญญาญาณกับพลังความลวงที่แสดงตนในลักษณะอวิชชาและความโง่หลง ผู้แสวงหาทางจิตวิญญาณทุกคน ที่มุ่งหมายจะนำการปกครองของวิญญาณราชามาไว้ในตน ต้องปราบฝ่ายกบฏคืออหังการราชากับพันธมิตรอันทรงพลังของมันให้ราบคาบไปเสียก่อน และนี่คือ 'การยุทธ์' ที่เกิดขึ้น ณ ธรรมเกษตร กรุเกษตร
(มีต่อ)
2 บันทึก
1
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภควัทคีตา เล่ม 1 บทที่ 1
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย