7 ก.พ. 2021 เวลา 11:56 • หนังสือ
Ghostwritten - David Mitchell
ญี่ปุ่น มองโกเลีย จีน อังกฤษ อเมริกา ไอร์แลนด์
สำหรับแฟนๆที่ชอบหนังสือที่มีในตัวละครแปลกๆหลากหลาย รวมไปถึงเนื้อหาที่สลับซับซ้อน เล่นกับเรื่องของความสัมพันธ์ และความเกี่ยวโยงกันระหว่างเพื่อนมนุษย์ที่เหนือคำอธิบาย Ghostwritten คือคำตอบของทุกคำถาม
Ghostwritten เล่มนี้คือผลงานนิยายเรื่องแรกของ David Mitchell ว่ากันว่ามันคือ prototype หรือ ตัวต้นแบบของสิ่งที่จะถูกพัฒนาไปเป็นนิยายชิ้นเอกอุของเขา นั่นก็คือ Cloud Atlas ในเวลาต่อมา เพราะฉะนั้นวิธีการเล่าเรื่องจะมีความคล้ายคลึงกัน นั่นคือการผูกโยงและหลอมรวมเรื่องราวต่างๆของหลากคน หลากช่วงเวลา ที่ต่างไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันเอาไว้ ให้กลายเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็น
1. โอกินาวา - ควาซาร์ (Quasar) สาวกลัทธิโลกแตก ได้กระทำการก่อการร้ายโดยการปล่อยแก๊สพิษในซับเวย์กลางกรุงโตเกียว เขาหนีกรรมมากบดานอยู่ที่โอกินาวา ที่ซึ่งเขามองหาหนทางเริ่ต้นชีวิตใหม่
2. โตเกียว - ซาโตรุ หนุ่มน้อยในเมืองแห่งแสงสี ผู้รักเสียงเพลงแจ๊สเหนือสิ่งอื่นใดชีวิตของเขากำลังจะถึงจุดเปลี่ยน เมื่อมีเด็กผู้หญิงที่ชื่อ โทโมโยะ เดินเข้ามาในชีวิต
3. ฮ่องกง - นีล โบรส ทนายความ expat ชาวอังกฤษ กับวันแย่ๆในชีวิตที่ทำให้เขานึกถึงความผิดที่เคยทำมา ซึ่งรวมถึงเรื่องงานและการใช้ชีวิตคู่
4. จีน (เฉิงตู) - คุณป้าเจ้าของกระต๊อบร้านนำชาเล็กๆในเขตเทือกเขาเอ๋อเหมย์ กับชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในจีน
5. มองโกเลีย (อุลานบาทอร์) - ดวงวิญญาณเร่ร่อนในมองโกเลีย กับการเดินทางตามหาตัวตนในอดีต
6. รัสเซีย (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) - มาร์การิตต้า ลาทันสกี้ ภัณฑารักษ์สาวในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กับแผนการอันยิ่งใหญ่ในการโจรกรรมภาพเขียนของ เออแฌน เดอลาครัว (Eugene Delacroix)
7. ลอนดอน - มาร์โค นักเขียนผี (ghostwriter) ตกอับ กับชีวิตง่อยๆในกรุงลอนดอนและเรื่องราวที่ทำให้เขาครุ่นคิดถึงเหตุบังเอิญและโชคชะตา
8. เกาะ Clear Island (ไอร์แลนด์) - โม มันเตอวารี นักฟิสิกส์ ผู้ศึกษาเรื่อง quantum cognition เธอเดินทางกลับมายังบ้านเกิดที่ไอร์แลนด์ เพื่อหลบหนีการตามตัวของหน่วยสืบราการลับจากอเมริกา ที่ต้องการนำงานวิจัยของเธอไปพัฒนาต่อ
9. นิวยอร์ค - แบท เซกุนโด นักจัดรายการวิทยุ Night Train ในแมนฮัตตัน กับผู้ชมทางบ้านนาม Zookeeper ที่โทรเข้ามาเพื่อเปิดเผยเรื่องราวบางอย่างอันน่าทึ่ง (และสะพรึง) เกี่ยวกับอนาคตของมนุษยชาติ
คำถามคือ ทั้งเก้าเรื่องนี้มีจุดเกี่ยวข้องกันยังไง คนเขียนเก่งมากทั้งการเล่าเรื่องผ่านหลากหลายมุมมอง ความแตกต่างทั้งสภาพแวดล้อม ภาษา และวัฒนธรรม มิทเชลถักทอเรื่องราวออกมาได้อย่างไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน มีความเป็นธรรมชาติมากๆ แม้ว่าอาจจะต้องใช้พลังงานในการเยอะมากๆ เพราะแต่ละเรื่องมีพลอตและโทนที่ค่อนข้างชัดเจนเป็นของตัวเอง
เราอ่านแล้วรู้ว่ามิทเชลทำการบ้านมาดีมาก บทโตเกียวของซาโตรุ อ่านแล้วนึกถึงมุราคามิมากๆ (เพราะมีแจ๊ส มีตัวละครชายช่างฝัน และสาวลึกลับ) การใช้ภาษาสวยมาก ร้อยเรียงเรื่องราวออกมาให้เห็นว่าชีวิตคนเรามันมีจุดเชื่อมต่อเล็กๆถึงกันอยู่ และพวกเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ทุกๆการกระทำจะมีผลกระทบถึงกันหมดเป็นเครือข่ายของจักรวาลที่ไม่รู้จบ อ่านแล้วเปิดมุมมองได้กว้างขึ้นเยอะเลย ประทับใจมาก
ความเจ๋งอีกอย่างของมิทเชลคือความ meta ที่งานของเขาทุกชิ้นจะมีจุดเชื่อมโยงอยู่ไม่มากก็น้อย เช่นตัวละครของโม มันเตอวารี ที่เราจะได้เจออีกครั้งในนิยายเรื่อง The Bone Clocks หรือ แบท เซกุนโด ในนิยายเรื่องใหม่ของมิทเชล Utopia Avenue
โดยรวม อาจจะหนักหนาพอสมควรสำหรับนักอ่านมือใหม่ แต่ถ้าใครชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว เราขอแนะนำเลยเล่มนี้ มันเข้มข้นทั้งภาษาเขียน และเนื้อหาที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนไปอยู่ ณ ที่นั้น กับตัวละครจริงๆ เราชอบเรื่องนี้มากกว่า Cloud Atlas ด้วยซ้ำ ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลอง เป็นประสบการณ์การอ่านที่คุ้มค่ามาก
บันทึกไว้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2017
โฆษณา