9 ก.พ. 2021 เวลา 04:03 • ความคิดเห็น
สินทรัพย์ที่สร้างรายได้ (Passive Income) ให้เราเปรียบได้กับไม้ผลต่างๆ
ในวันที่เรามีเพียงต้นเดียว แม้จะมีผลออกตามฤดูแต่มันก็คงไม่พอจะทำให้เราอิ่มท้องได้เท่าไหร่
แต่เมื่อมันเพิ่มจำนวนเป็น 10 ต้น 100 ต้น 1000 ต้น ผลผลิตของมันก็จะเพียงพอกับความต้องการของเราในที่สุด
สินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดให้กับเราก็ทำนองเดียวกันนั้น ถ้าเรามีมันมากพอคุณก็จะได้รับ "อิสรภาพทางการเงิน"
ผมชอบนิยามที่บอกว่า "อิสรภาพทางการเงิน หาใช่การที่เราไม่ต้องทำงานทำการอีกต่อไป แต่คือการที่เราจะทำงานอะไรก็ได้ตามใจโดยที่ไม่ต้องกังวลกับเรื่องรายรับรายจ่ายอีกต่อไปต่างหาก"
มีสองปัจจัยที่เราต้องให้ความสำคัญในการสร้างกระแสเงินสด คือ สินทรัพย์ตั้งต้น กับผลตอบแทนที่สามารถสร้างได้จากการนำสินทรัพย์ไปลงทุน
ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องการกระแสเงินสดเดือนละ 5,000 บาท เท่ากับปีละ 60,000 บาท หากเรามีความรู้พอที่จะจัดการลงทุนให้มีผลตอบแทนปีละ 6% เราก็ใช้สินทรัพย์ตั้งต้นที่มีมูลค่า 1 ล้านบาท ก็จะได้กระแสเงินสดตามที่ต้องการ
แต่หากเราแบกรับความเสี่ยงขนาดนั้นไม่ได้ คิดว่าลงทุนแบบที่ได้ผลตอบแทนราว 3% ต่อปีแล้วสบายใจกว่า ไม่ยากเกินความสามารถของเรา ไม่กดดันตัวเองสูงเกินไป เช่นนี้เราก็ต้องมีสินทรัพย์ตั้งต้น 2 ล้านบาท
จะเห็นได้ว่า แม้ลงทุนได้ผลตอบแทนต่ำกว่า แต่ถ้าสินทรัพย์ตั้งต้นคุณมีมากพอ คุณก็สร้างกระแสเงินสดที่มันเพียงพอกับความต้องการของคุณได้
จากตัวอย่างข้างต้น ลองคิดดูว่าหากกรณีที่มี 2 ล้านและสามารถพัฒนาตนเองให้ลงทุนจนได้ผลตอบแทน 6% ต่อปี เท่ากับคุณจะได้กระแสเงินสดเดือนละ 10,000 บาท
เห็นรึยังครับว่าทั้งสองอย่างนี้สำคัญขนาดไหน
ถ้าย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องไม้ผล หากคุณปลูกพันธ์ุที่ให้ผลได้ 1 กก.ต่อต้น แล้วคุณต้องการผล 10 กก. คุณก็แค่ปลูก 10 ต้น แต่ถ้าคุณปลูกพันธุ์ที่ให้ผลได้ 2 กก. ต่อต้น คุณก็ปลูกเพียง 5 ต้น และถ้าคุณปลูกพันธุ์หลังได้ 10 ต้น คุณก็จะได้ผลผลิตถึง 20 กก.
การเลือกพันธุ์ที่ดี ปลูกแล้วได้ผลผลิตเยอะ (ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน) ก็สำคัญ จำนวนต้นที่ปลูกได้ (สินทรัพย์ตั้งต้น) ก็สำคัญ
แต่ทั้งสองอย่างล้วนต้องใช้เวลา ความรู้ ความอุตสาหะ เพื่อสร้าง (active income) หรือรายได้ที่ต้องทำงานแลกเงิน เหมือนที่ยอมเหน็ดเหนื่อยเมื่อยตัวตอนปลูกไม้ผล
ระหว่างนั้นก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ทดลองไปเรื่อยๆ ว่าพันธุ์ที่ดีที่เหมาะสมกับเราคือแบบไหน ระหว่างนั้นก็ปลูกเพิ่มไปด้วย หรือทำงานเก็บเงินไปเรื่อย จนวันนึงที่ทั้งสองปัจจัยข้างต้นมันมาบรรจบกันอย่างดีพอ คุณก็จะพบความพอดี
There's no passive income without active income+invesment first.
โฆษณา