จาก EP3 ตอนที่เรียนวิชาอิเล็กทรอนิกส์กับครูแม็คคอลลัมนั้นจ็อบส์ได้รู้จักกับวอซเนียก เขาเรียนจบก่อนแล้วซึ่งวอซเนียกเป็นลูกศิษย์คนโปรดตลอดการของครู เนื่องจากเป็นเด็กเรียนเก่ง วอซเนียกอายุมากกว่าจ็อบส์ 5 ปี มีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า แต่ด้านอารมณ์ และการเข้าสังคมยังเหมือนเด็กมัธยมปลายที่บ้าเรียนอย่างเดียว วอซเนียกเหมือนจ็อบส์อยู่อย่างหนึ่งคือเขาได้รับความรู้หลายอย่างจากพ่อ “ฟรานซิส วอซเนียก” หรือที่ใครๆเรียกว่า “เจอร์รี่” จบจาก Cal tech ยกย่องวิศวกรรมศาสตร์ แต่ชอบดูถูกนักธุรกิจ นักการตลาด และนักขาย อีกอย่างหนึ่งที่พ่อของวอซสอนคือการห้ามโกหก นอกจากนั้นเขายังสอนให้ลูกชายไม่ทะเยอทะยานจนเกินไแ และนั่นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสตีฟ จ็อบส์อย่างสิ้นเชิง วอซเนียกพูดถึงเรื่องนี้ตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ในปี 2010 ว่า “พ่อสอนให้ผมเดินทางสายกลางเสมอ ผมไม่เคยอยากขึ้นไปอยู่สูงๆ เหมือนสตีฟ พ่อผมเป็นวิศวกร และผมก็อยากเป็นวิศวกรเหมือนกัน ผมขี้อายเกินกว่าจะเป็นผู้นำธุรกิจอย่างสตีฟ”
.
วอซเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ขณะที่เด็กหนุ่มวัยเขาเริ่มมีแฟนและออกเที่ยว เขากลับรุ้สึกว่ามันยากกว่าการออกแบบวงจรเสียอีก เขาหาทางออกจากการที่ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วยการเล่นอะไรแบบเด็กๆ ตอนเรียนเกรด 12 เขาแกล้งเพื่อนด้วยอุปกรณ์จับจังหวะดนตรี เขาพบว่ามันมีเสียงคล้ายระเบิด และนำไปติดที่ตู้ล็อกเกอร์ จนเขาถูกอาจารย์ใหญ่เรียกพบ
.
ปีสุดท้ายวอซเนียกได้งานพาร์ทไทม์ที่บริษัท Sylvania เป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ เขาพยายามออกแบบคอมพิวเตอร์ใหม่ด้วยการใช้ดีไซน์เดิม แต่ใชชิ้นส่วนน้อยที่สุด ซึ่งแบบทั้งหมดยังอยู่บนกระดาษ
.
วันหยุดขอบคุณพระเจ้า เขาไปเที่ยวที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด เขาพบนักศึกษาวิสวะคนหนึ่งพาไปห้องแล็บ เขากลับมาอ้อนวอนให้พ่อส่งเขาไปเรียนที่นั่น วอซไปเรียนที่โคโลราโดได้แค่ปีเดียว ซึ่งเขาใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำเรื่องแผลงๆจนสอบตกไปหลายวิชา วอซตัดสินใจโอนกลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเด อันซา โดยไม่ได้บอกทางบ้าน
.
หลังจากจบปีแรกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงรถที่บ้านของบิล เฟอร์นันเดซ สร้างคอมพิวเตอร์ พอทำเสร็จในฤดูใบไม้ร่วง เฟอร์นันเดซบอกวอซเนียกว่าอยากแนะนำนักเรียนที่ Homestead high คนหนึ่งให้รู้จัก การพบกันในโรงรถระหว่างสตีฟ จ็อบส์ กับ สตีฟ วอซเนียก น่าจะเป็นการพบกันระหว่างคนสองคนครั้งสำคัญที่สุดในซิลิคอน แวลเลย์ นับตั้งแต่ฮิวเล็ตต์ไปพบกับแพ็กการ์ดที่โรงรถบ้านเขาเมื่อ 32 ปีก่อนหน้านั้น
.
นอกจากความสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์แล้ว ทั้งสองยังชอบดนตรีเหมือนกันด้วย วอซเป็นคนแนะนำให้จ็อบส์ฟังเพลงของนักร้องยิ่งใหญ่อย่างบ็อบ ดีแลน
.
จ็อบส์ตั้งชมรมที่โรงเรียนด้วย จัดแสดงดนตรีประกอบแสง แต่ก็ยังเล่นพิลึกอยุ่เหมือนเดิม ชมรมนี้ชื่อ the Buck Fry Club ล้อชื่ออาจารย์ใหญ่ วอซเนียกกับเพื่อนชื่ออัลเลน บอมม์ แม้จะเรียนจบไปแล้ว ก็ยังกลับมาช่วยจ็อบส์ซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่เกรด 11 จัดการแสดงในปาร์ตี้เลี้ยงนักเรียนที่เรียนจบ
.
40 ปีต่อมา จ็อบส์กลับมาเดินทั่วโรงเรียนอีกครั้ง เขาหยุดและชี้ให้ดูจุดที่เขาเล่นตลกบ้าๆ ทั้งสามคน จ็อบส์ วอซเนียก และบอมม์เอาผ้าปุที่นอนผืนใหญ่มาย้อมสีเขียวขาว ซึ่งเป็นสีประจำโรงเรียน และวาดรูปมือขนาดใหญ่ชูนิ้วกลาง ทั้งหมดช่วยกันทำรอกและเชือกม้วนให้แบนเนอร์ทิ้งตัวลงมาอย่างสวยงาม ตอนที่นักเรียนที่เรียนจบปีนั้น เดินพาเหรดผ่านระเบียง บนแบนเนอร์มีข้อความว่า SWAB JOB ซึ่งเป็นชื่อย่อของสามคน การเล่นตลกคราวนั้นกลายเป็นเรื่องเล่าขานโด่งดังของโรงเรียน และจ็อบส์ถูกพักการเรียนอีกครั้ง