13 ก.พ. 2021 เวลา 08:41 • นิยาย เรื่องสั้น
(33) Day 3: Fuji
“มากับเสี่ย เราไม่เกี่ยงราคาอยู่แล้วเนอะ”
เอพริลย้ำคำพูดเดิมของธันว์ เจ้าตัวแกล้งทำหน้ามุ่ย
ตั้งแต่โดนล้อบนรถไฟแล้ว เขาเล่นบทชายหนุ่มขี้งอน ซึ่งก็แปลกใจตัวเองอยู่
ลงจากรถไฟต่อรถเข้าเมืองเล็กที่ล้อมรอบฟูจิ เอพริลเล็งที่พักไว้จากรีวิวแล้ว จึงสะพายเป้เขาไปถาม กะว่าถ้าไม่มีก็หาใกล้ๆแถวนั้น ไกลทะเลสาบหน่อยก็ไม่เป็นไร
โรงแรมแจ้งว่ามีแขกที่จะเช็คเอ้าท์ 1 ห้อง แต่กำลังคิดเปลี่ยนใจจะอยู่ต่ออีก ซึ่งกว่าจะรู้ชัดว่าอยู่ต่อหรือไม่ต้องเป็นหลังบ่ายสอง ทั้งเอพริลและธันว์เห็นว่ามีเวลา เลยลงความเห็นว่าฝากเป้ไว้ที่โรงแรม และไปเดินเล่นก่อน
“หิวไหมคะ” เอพริล ถามขณะเปลี่ยนเสื้อตัวนอกเป็นสีน้ำเงินไม่มีฮู้ด เพราะน่าจะตัดกับแบ็คกราวน์สีส้มแก่ไปจนถึงน้ำตาล รูปที่ได้น่าจะไม่กลืนกันไปจนตัวเองเป็นใบไม้อีกใบ
ธันว์พูดไปอีกทาง “ประโยคนี้ใช้บ่อยที่สุด ประมาณ 3 ชั่วโมงหนึ่งครั้ง” เขาว่า
เอพริลหน้างอ
“เวลาอยู่กับผู้หญิงให้ทำเป็นแกล้งโง่บ้าง เรื่องแบบนี้ผู้หญิงเราเตือนกันเองบ่อยเรื่องตอนคุยกับผู้ชาย ... “ ไม่ทันจบคำก็ถูกพูดแทรก
“ให้แกล้งฉลาดบ้าง”
เขาหัวเราะแล้ววิ่งหนี
เอพริลวิ่งไล่ตามอย่างนึกสนุก
วิ่งไปทันกันที่จุดชมวิว ฟ้าใสจนมองเห็นยอดฟูจิเด่น
1
ถนนตรงจุดนี้ ฝั่งซ้ายเป็นทะเลสาบโดยมีฟูจิอยู่สุดขอบ ฝั่งขวามือของถนนเป็นเนินเขามีร้านค้าและโรงแรมน้อยใหญ่ นักท่องเที่ยวเดินถ่ายรูปกันเป็นกลุ่ม เอพริลเองก็ดึงกล้องออกมา แล้วถ่ายอย่างเอาจริงเอาจัง ลุยลงไปในทุ่งหญ้าให้มีฉากหน้าเป็นยอดหญ้าปลิวไสว
เดินขึ้นเนินเขาฝั่งขวาเพื่อถ่ายให้มีฉากหน้าเป็นกิ่งไม้ใบไม้
บ่ายจัดเริ่มหิว แวะร้านเล็กๆน่านั่งที่อยู่บนเนินเขาข้างทาง สั่งแกงกะหรี่โปะหน้าด้วยไข่นุ่มทั้งสองคน
สั่งอาหารแล้วเหลือบไปเห็นผนังเป็นรูปคลื่นยักษ์แห่งคานาวางะ ซึ่งเป็นรูปเกลียวคลื่นใหญ่ถาโถมเรือเล็กสองลำ
“ดูกี่ทีก็ชอบมากนะคะ ตอนมาเรียนยังซื้อที่มากั้นห้องน้ำเลยค่ะ เป็นสกรีนบนพลาสติก” เอพริลชี้ให้ดู ธันว์มองตาม
“คุ้นๆอยู่นะ นั่นมีฟูจิด้วยเหรอ”
ยอดแหลมเล็กๆโผล่อยู่กลางทะเลคลื่น
https://th.wikipedia.org/wiki/คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานางาวะ#/media/ไฟล์:Tsunami_by_hokusai_19th_century.jpg
“คนวาดเก่งมากนะคะ เหมือนจับภาพด้วยชัตเตอร์ที่ไวมาก แต่ไวยังไงก็ไม่ได้ภาพสโลโมชั่นแบบนี้”
“เขาแปลความกันว่าไง มีปรัชญาอะไรแทรกไหม” ธันว์หมุนแก้วเล่น
เอพริลทำหน้าครุ่นคิด “แรงกระแทกและผลกระทบ”
“นาวาชีวิต” ธันว์ชี้ไปที่เรือ ก่อนพูดต่อ”รอดไม่รอดอยู่ที่โชคชะตา”
“อ๊ะ พูดได้คม”  เอพริลชมแล้วยกแก้วเชิญชวน “คัมไป” อีกฝ่ายยกแก้วน้ำขึ้นมาชน
อิ่มแล้วสั่งกาแฟร้อนก่อนย้ายออกมานั่งหน้าร้าน ตรงนี้มีโต๊ะเล็กที่คนนั่งแทบจะเข่าชนกัน
 
ลมเบาพัดมาเบาๆผมยาวพริ้วน้อยๆ เอพริลสูดลมหายใจยาว
รำพึงด้วยท่าทีนักแสดงเวที ขณะคลึงถ้วยกาแฟอุ่น
“โชคชะตา โชคชะตา...” เหม่อมองออกไป ก่อนหันมาหา
“เราไม่มีทางรู้อนาคตเลยนะคะ” เอพริลจิบกาแฟจากริมถ้วยมุมหนึ่ง ก่อนส่งให้ธันว์จิบอีกมุม เธออยากดื่มกาแฟแค่ครึ่งถ้วย
1
“แค่ทำตอนนี้ให้ดีที่สุด” ธันว์พูดแล้วจิบมุมที่เอพริลชี้
“Present is present การอยู่กับปัจจุบันคือของขวัญ ที่ดีที่สุดแล้วที่จะมอบให้คนอื่น”  เอพริลพูดขณะรับถ้วยคืนมา
ถ้วยอุ่นจากความร้อนของกาแฟและดูจะอุ่นจากมือธันว์ที่ประคองก่อนส่ง
1
“และก็อย่าลืมมอบของขวัญให้กับตัวเอง วางใจตัวเองลง ไม่คิด ไม่ตัดสิน ขอแค่รู้
รู้ตัวเองอยู่กับขณะนั้น จดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
สนใจคนที่อยู่ตรงหน้า ฟังเขาอย่างตั้งใจ อยู่กับอะไรก็ให้รู้สึกตัวกับสิ่งนั้น”
1
เอพริลรำพึงยาว จิบกาแฟแล้วส่งให้ ทำมือบอกว่าพอแค่นี้
ธันว์รับมา แต่ตายังคงมองนิ่งที่เอพริล
“ผมชอบนะ ประโยคท้ายๆนั่น”
เขาเหลือบเห็นรอยลิปสติกเล็กๆอยู่มุมหนึ่ง นึกครึ้มอะไรบางอย่างในใจ
ยิ้มเหมือนรู้อยู่คนเดียว
จิบทับลงไปที่รอยเล็ก
1
“สนใจคนที่อยู่ตรงหน้า อยู่กับอะไรก็ให้รู้ตัวกับสิ่งนั้น”
🔆🔆🔆🔆
ติดตามรูปสวยและความคิดแจ่มๆของคุณเอพริลได้ที่นี่ค่ะ 😘

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา