Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อยากทำไป-มด
•
ติดตาม
13 ก.พ. 2021 เวลา 16:09 • หนังสือ
Maybe you should talk to someone
จบไปแล้วกับ
หนังสือเล่มหนาภาษาอังกฤษที่มี 415 หน้า
จะบอกว่าภูมิใจกับตัวเองมาก
การอ่านภาษาอังกฤษสำหรับเราไม่ใช่เรื่องง่าย
นี่ถึงบอกว่าอ่านจบก็ไม่ได้หมายความว่าเข้าใจ 100%
มีบางช่วงที่เป็นศัพท์แสงทางวิชาการแพทย์
เราก็อ่านไป ทู่ซี้อ่านไปทั้งที่ไม่เข้าใจนั่นแหละ
พยายามไม่หยุดเปิด Dictionary เลย
อยากอ่านแบบลื่น ๆ
เลือกเปิดเฉพาะบางคำที่มันสงสัยจริง ๆ
ว่าเราเข้าใจถูกมั้ย
ก็จะมาเปิดตอนอ่านจบในวันนั้น
2
เรื่องนี้เกี่ยวกับกลไกลการทำงานของจิตใจ
ในส่วนลึกส่วนตื้น ในส่วนที่ซ่อนไว้ ฯ
ซึ่งในหนังสือก็พยายามเล่าให้สนุก
โดยยกเป็นเคสของแค่ละคน
ที่เข้ารับการรักษาตั้งแต่ตอนเริ่มจนจบ
แล้วก็อธิบายกำกับด้วยศัพท์ทางวิชาการ
ทำให้ถึงแม้เราจะไม่เข้าใจ ไม่อยากเข้าใจ
ศัพท์พวกนั้น
เราก็พออนุมานเอาได้
จากการเล่าชีวิตและความคิด
ของคนไข้แต่ละเคสนั้นแทน
เคสที่น่าจะเป็นขวัญใจของผู้อ่านมากที่สุด
คงไม่พ้น ... จอห์น
ชายผู้ที่เปิดเรื่องมาด้วยการมาปรึกษาว่า
นอนไม่ค่อยหลับ
และเบื่อที่ทุกคนรอบข้างมีแต่พวกอีเดียด
แม้เริ่มแรกเราจะรู้สึกว่า
อีผู้ชายคนนี้นี่ปากเสีย ไม่มีมารยาท
ไร้กาลเทศะ จิตใจแข็งกระด้าง
และดูเหมือนว่าไม่น่าจะรักษาแกได้
แต่เมื่อค่อย ๆ ลอกเปลือกแกออกทีละชั้น
ลงไปเจอตัวตนข้างในที่แท้จริง
ก็ได้พบว่าแกผ่านความสะเทือนใจครั้งใหญ่มาก่อน
แกเฝ้าแต่โทษตัวเอง ปิดกั้นที่จะรับความช่วยเหลือ
จนเริ่มจะทำลายความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว
กับครอบครัว และกับโลกใบนี้
1
ผู้เขียนค่อย ๆ พาเรารู้จักจอห์นทีละน้อย
ค่อย ๆ รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ
เห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ
จนวันหนึ่งเราคนอ่านก็หลงรักจอห์นไปโดยไม่รู้ตัว
และสุดท้ายเมื่อได้เห็นว่าจอห์นยอมให้ช่วยเหลือ
และยอมที่จะปลดปล่อยความรู้สึกผิดออกไป
เราก็ร้องไห้ไปกับจอห์น
และจอห์นก็อาจจะสบถเมื่อเห็นน้ำตาเราว่า
“แม่งเอ๊ย อย่ามาร้องไห้ใส่ผมนะ”
ซึ่งเรารู้แหละว่าเป็นการสบถ
เพื่อกลบความอ่อนไหวของเขาเอง
1
แต่สำหรับเรา
ตัวละครในหนังสือที่เราชอบที่สุดคือ
จูลี่ และ ริต้า
จูลี่ คือผู้หญิงวัยสามสิบกว่าที่กำลังจะตายด้วยมะเร็ง
ริต้า คือผู้หญิงวัยหกสิบเก้าที่กำลังจะฆ่าตัวตาย
ในวันเกิดปีที่ 70 ถ้าชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น
1
จูลี่ เป็นตัวแทนของมนุษย์ที่อยู่บนโลก
ด้วยความไม่กลัว
แม้เวลาจะเหลือน้อยมาก
เธอกลับเลือกที่จะใช้มันอย่างกล้าหาญ
และหาความสุขกับมันให้มากที่สุด
เรื่องของจูลี่ทำให้เราผู้อ่านกลับมาขบคิดมากมาย
กับความหมายของการมีชีวิต
1
ริต้า เป็นตัวละครที่ทำให้เราตั้งคำถามเช่นกันว่า
เราจะลุกขึ้นมาสู้ได้อีกครั้งมั้ย
ในวัยวันที่เหลือน้อย
และแทบจะมองไม่เห็นอนาคตอะไรเลย
เราใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนี้นานร่วมเดือน
หนึ่งก็เพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ
และสองก็เพราะ เมื่ออ่านจบแต่ละบท
ก็อยากจะขบคิด ย่อยมันออกมาก
และมองย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง
หนังสือเหมือนจะบอกว่า ทุก ๆ คนมีปม
มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่คลี่คลาย
ถ้ามันทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข
บางทีคุณควรจะหาใครสักคน
ที่คุณสามารถเปิดใจเล่ามันออกมาได้
ซึ่ง “ใครสักคน” นี้
จะว่าไปแล้วมันหาไม่ได้ง่าย ๆ เลย
4
โลกใบนี้จึงมีนักจิตบำบัด/นักจิตวิทยา
หรือ จิตแพทย์ มาช่วยรับฟัง
เพราะเรื่องบางเรื่อง พูดกับคนไม่รู้จัก
ง่ายกว่าพูดกับคนใกล้ชิด
และคนไม่รู้จักที่ศึกษามาทางจิตวิทยา
จะรับมือกับเรื่องบางเรื่องของคุณนั้นได้ดีกว่า
คนไม่รู้จักทั่ว ๆ ไปมาก
เพราะงานของผู้ศึกษามาทางด้านนี้ ไม่ใช่แค่รับฟัง
แต่จะช่วยไกด์ให้คุณคลายปมนั้น ๆ ได้ด้วยตัวเอง
Maybe you should talk to someone
by … Lori Gottlieb
แปลเป็นภาษาไทยแล้วด้วยหน้าปกชื่อ
เพราะนี่คือสิ่งที่ (นักจิตวิทยา) ไม่เคยบอก
2 บันทึก
13
10
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
I’ve just read ....
2
13
10
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย