14 ก.พ. 2021 เวลา 03:41 • นิยาย เรื่องสั้น
(39) Day 4 : Red Cross Hospital
“เอพริลคุณอยู่ตรงนั้นใช่ไหม”
เอพริลรู้สึกตัวตื่น เมื่อได้ยินเขาเรียก รีบลุกจากโซฟาเล็กไปประชิดเตียง
เขาหลับยาวจากฤทธิ์ยาตั้งแต่กลับจากห้องผ่าตัด ส่วนเธอเพิ่งได้นอน ตายังบวม หน้าเลอะไปด้วยคราบน้ำตา ผมยุ่ง และใจหนักอึ้ง
“เอพริล” เขาเรียกเบาๆ
“อยู่นี่ค่ะ” เอพริลเอื้อมมือไปแตะต้นแขนเขา “ปวดไหมคะ จะได้ขอยา”
“ขอน้ำ” เขาว่า เอพริลขยับไปที่หัวเตียง เทน้ำใส่แก้วแล้วดึงอุปกรณ์ออกมากดปุ่มไขหัวเตียงขึ้นอย่างที่พยาบาลสอนไว้
ช่วยประคองให้เขาลุกขึ้นก่อนจัดหมอนใหม่ให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน  
ระหว่างที่ช่วยให้เขาดื่มน้ำแอบสังเกตเสี้ยวหน้าคมที่ก้มต่ำ สีหน้าดูผ่อนคลายกว่าเดิมไม่น้อย
เก็บแก้วไว้ที่เดิมแล้วลากเก้ามานั่งชิดเตียง เอื้อมมือไปแตะแขนที่พันเฝือกของเขา
ความรู้สึกเอ่อขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนเล่าไปอย่างที่ใจคิด
“ใจคอไม่ดีเลยค่ะ สวดมนต์ภาวนาตลอดเวลา” เสียงเริ่มอู้อี้
ธันว์ยิ้มน้อยๆ มือซ้ายของเขาเลื่อนขึ้นมาช่วยปัดปอยผมยุ่งของเธอ
“นี่กี่โมงแล้วนะ” เขาถาม
“ตี 3 ค่ะ” เอพริลมองนาฬิกาเหนือเตียงคนไข้
“เช็ดหน้าซักนิดไหมคะ” เอพริลไม่รอให้เขาตอบ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กออกมาจากลิ้นชัก เอากะละมังขนาดย่อมไปรองน้ำจากอ่างล้างหน้า กลับมาเช็ดหน้าให้เขา
ธันว์หลับตานิ่ง สีหน้าเขาดีขึ้นมากจริงๆ เอพริลเก็บของเข้าที่ขณะคิดแต่ก็ยังไม่กล้าถาม ก่อนกลับไปนั่งชิดขอบเตียง
เขาเริ่มเล่าเสียงเบา
“คงเพราะคุณส่งใจไปช่วย เข้าห้องผ่าตัดไปพบว่ามีแต่เรื่องดีๆ” เอพริลขยับไปแตะต้นแขนเขา นิ่งฟัง
“หมอผู้เชี่ยวชาญด้านมือ มาด้วยตัวเอง ได้ตรวจกันใหม่อีกที ตรวจแล้วเขาลงความเห็นว่าไม่น่าจะตัดโดนเส้นประสาท branch ใหญ่” เขาใช้นิ้วมือซ้ายชี้ขณะเล่า
“เส้นประสาทเส้นนี้ปกติจะแยกเป็น 2 เส้นที่ระดับเหนือข้อมือ” ชี้ตำแหน่งให้ดู
“ใต้ตำแหน่งแผลของผมมักเป็นเส้นหลักที่ผมกังวลว่ามันจะขาด”
ชี้ตำแหน่งแผล
“แต่เป็นโชคดีที่ของผมต่างจากคนทั่วไป เป็น variation คือแยกเป็นสองเส้นเร็ว โชคดีกว่านั้นคือเส้นที่ถูกตัดเป็นเส้นเล็ก เขาเทสต์รู้ก่อนจะผ่า พอเขาเปิดเข้าไปดูในก็เป็นจริงตามนั้น”
ธันว์ขยับมือซ้ายยกขึ้น เอพริลขยับไปจับ สองมือประสานกันแน่น
“เขาต่อเส้นเล็กนั้นให้ และยืนยันว่ามือผมจะยังใช้งานได้เป็นปกติ” ธันว์ยิ้ม นัยน์ตาเอพริลเรืองรอง
“อ้อ! เจอคุณหมอดมยาจากเมืองไทยด้วยนะ เป็นรุ่นพี่ผมที่มาดูงานที่นี่” ธันว์เล่า มือซ้ายยังเกาะกุมมือเอพริลไว้
“ตอนผ่าเขา block ยาชาตรงเหนือกระดูกไหปลาร้าน่ะ ผมยังรู้ตัว หมอเขาบอกผมตลอด จนเขาจะเย็บ คุณหมอน้อยซ์พี่หมอดมยาจากไทยเลยช่วยให้ยาที่เหมือนยากล่อมประสาทนิดๆ  หลังจากนั้นผมก็หลับ” ธันว์หันมาสบตา
“ในภวังค์นั้นผมเห็นดอกไม้เล็กๆพร้อมใจกันบาน” เขายิ้ม
“ดอกไม้เล็กๆสีส้ม”
เอพริลสะอื้นฮัก ซบหน้าลงบนทั้งมือเธอและมือเขาที่จับกันอยู่ เสียงเขาปลอบ
“ไม่ต้องร้องแล้วนะเอพริล เราผ่านมันมาได้แล้ว”
คนร้องไห้เงยหน้า ธันว์ป้ายเช็ดน้ำตาให้อีกรอบ “ดีใจค่ะ ดีใจ” กริยานั้นทำให้ธันว์ยิ้ม ก่อนบอก
“นอนเถอะ คุณคงยังไม่ได้นอนพักเลย”
เอพริลพยักหน้าเตรียมลุกกลับไปที่โซฟาตัวเดิม
แต่ธันว์เรียกไว้ “ผมอยากฟังเพลงก่อน”
“เพลงอะไรคะ” สีหน้าฉงน นัยน์ตามีรอยยิ้มแต่งแต้ม
“ตอนที่ยืนบนรถไฟที่คนแน่นมากๆน่ะ คุณร้องเพลงๆหนึ่ง ผมยังไม่ได้ฟังเลย”
“อ้อ ! “ เอพริลขยับจะร้อง แต่ธันว์ขัด
“อยู่ในท่านั้นอีกทีได้ไหม มาอิงหน้าอกผมตรงนี้”
ในความมืดนั้น เอพริลหน้าแดง
1
ลุกขึ้นอ้อมไปนั่งบนขอบเตียงอีกฝั่ง ธันว์รั้งตัวให้เอนลงซบบนหน้าอกซ้ายของเขา เอพริลขืนตัวในตอนแรก แต่คิดอีกทีในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนแบบนี้ก็ดูจะไม่น่าเกลียดนัก ตัวด้านซ้ายจนถึงไหล่ซ้ายของเธอเท่านั้นหรอกที่อิงตัวเขาอยู่
แต่จะวางหัวตรงไหนดี
1
ธันว์รั้งศีรษะเอพริลลงแนบไหล่ แก้มซ้ายของเขากดลงบนมุ่นผมยุ่งๆของเธอ
เอพริลเริ่มร้องเพลง
กังวานเสียงแจ่มใส ไหล่ของเธอส่งผ่านแรงสั่นกระเทือน
ความอบอุ่นจากใจดวงหนึ่งส่งผ่านสู่ใจอีกดวง
ในเวลาก่อนรุ่งสางของวันที่อากาศเหน็บหนาว
 
🎼แต่ก่อนแต่ไรไม่เคยอุ่นใจ…
✨✨✨
‘เรามีเรา’ เต็มเพลงโดยเอพริล อยู่ที่นี่ค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา