14 ก.พ. 2021 เวลา 10:46 • นิยาย เรื่องสั้น
(42) Day 4: Fuji
อาหารเย็นมื้อนั้นอร่อยที่สุดตั้งแต่มาญี่ปุ่น
เอพริลช่วยคุณยายและสะใภ้คุณยายง่วนอยู่ในครัวตั้งแต่กลับจากซื้อของ ธันว์เล่นเกมการ์ดกับหลานชายคุณยายฆ่าเวลา
อาหารเสร็จก็พอดีลูกชายของคุณยายกลับมาร่วมโต๊ะ คุยกันภาษาอังกฤษบ้างญี่ปุ่นบ้างเท่าที่พอฟังกันเข้าใจด้วยบรรยากาศชื่นมื่นจนเกือบ 1 ทุ่ม
คุณยายส่งสองคนกลับไปที่ห้อง ยืนยันให้เอาเหล้าสาเกติดมือไปด้วย
ถึงห้องพัก เอพริลเข้าห้องน้ำ ไปนั่งคิดวุ่นวายใจอยู่ว่าคืนนี้จะจัดที่นอนอย่างไรดี
ออกจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงธันว์เรียกจากระเบียง
ก้าวออกไปแล้วชะงัก ยกมือกุมอก
พระจันทร์ดวงกลมโตลอยเด่นอยู่เหนือฟูจิ ฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีน้ำเงินสด ยิ่งส่งความงามพิสุทธิ์ของสองสิ่งซึ่งธรรมชาติคัดสรร
“ใจแทบหยุดเต้นเลยค่ะ สวยมาก” เสียงเอพริลเหมือนกำลังฝัน “สวยทั้งพระจันทร์และฟูจิ”
ธันว์ไม่ได้มองสองสิ่งนั้น แต่กำลังมองเอพริล สำหรับเขาแล้วเวลานี้หน้าแอร่มนวลกลางแสงจันทร์ทำให้ใจหยุดเต้นได้มากกว่า
เอพริลยังคงรำพัน “สวยจนไม่อยากถ่ายรูปเลยค่ะ อยากเก็บไว้ในความทรงจำเพียงอย่างเดียว”
“จริง” ธันว์ตอบสั้น เขาเห็นด้วยอย่างหมดใจ
ณ.เวลานี้ ไม่มีสิ่งใดบันทึกสิ่งที่เขารู้สึกนี้ได้ นอกจากความทรงจำ
ก่อนเขาจะพูดอะไรออกไป เอพริลยื่นแขนสองข้างขึ้นสูง
“โอ้ …จันทรา” แล้วเงียบไปจนธันว์เอ่ยถาม
“นึกไม่ออกค่ะว่าจะถวายอะไรแด่พระจันทร์ ถ้าเป็นฤดูร้อน คนญี่ปุ่นถวายขนมดังโงะที่เป็นแป้งปั้นกลม” ใบหน้ายังอยู่ที่พระจันทร์ ก่อนหันมาอย่างนึกออก
“อ๊ะ! ถวายคุณไปก็ได้ พระจันทร์เป็นผู้หญิง”
ธันว์หัวเราะส่ายหน้าร้องลั่น “ไม่เอาๆ” ก่อนรีบเปลี่ยนเรื่อง
“คนญี่ปุ่นก็มีความเชื่อเกี่ยวกับพระจันทร์เหมือนกันนะ” เขาหมายถึงที่ทำขนมดังโงะถวาย
“ค่ะ ถึงกับจัดปาร์ตี้ชมจันทร์กันเลยนะคะ มีตั้งแต่ชมเงียบๆไปถึงดื่มสาเกชมจันทร์เป็นหมู่คณะเลยเชียว” พูดจบนึกออกว่า มิน่าคุณยายถึงให้สาเกมาด้วย รีบลุกไปหยิบจากในห้อง
กลับมามีทั้งขวดเหล้าสาเกและถ้วยใบเล็ก วางบนโต๊ะแล้วเอพริลย้อนกลับเข้าไปอีกที คราวนี้สวมเสื้อตัวหนาออกมาด้วย ในมือมีเสื้อตัวหนาของเขาที่คุณยายรับไปซักให้ตั้งแต่บ่าย
“หนาวกว่าเดิมแล้วค่ะ” เจ้าตัวถือวิสาสะกางออกแล้วคลุมตัวให้ เพราะเขาใช้แขนขวาไม่ได้
มือบังเอิญแตะไหล่เขาพอดี เอพริลหน้าเรื่อขึ้นก่อนถอยพรวดกลับไปในห้องอีกที ราวกับกำลังหนีแรงดึงดูดบางอย่าง
1
กลับมาอีกครั้ง สีหน้านิ่งขึ้น ในมือมีสมุดสีแดงที่เคยเอาออกมาจดบันทึกให้เห็น
ธันว์รินเหล้ารออยู่แล้ว “สาเกแบบนี้แรงไหมนะ” เขาชวนคุยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ฟังไม่ออกว่าอยากให้แรงหรืออ่อน
“อ่อนๆค่ะ แบบนี้ติดกลิ่นฟรุตตี้หน่อยๆ เบาๆนุ่มๆ” เอพริลตอบด้วยเสียงเดียวกัน เจ้าตัวเองก็ฟังไม่ออกว่ากำลังชอบใจหรือเปล่าที่รสอ่อน จนออกขัดเขินและรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เคยจดเรื่องการชมจันทร์ของคนญี่ปุ่นไว้ค่ะ” ยื่นสมุดสีแดงให้เขาดู “ คุณนพพร สุวรรณพานิชเล่าเรื่องนี้สนุกมาก คุณนพพรเคยมาอยู่และรู้เรื่องญี่ปุ่นหลายเรื่องมากเชียวค่ะ” เอพริลเปิดหา ดูจะย้อนไปจากบันทึกหน้าล่าสุดมาก
ธันว์จิบสาเกนิ่ง แต่ตาจับอยู่ที่เสี้ยวหน้านวลยามต้องแสงจันทร์
เอพริลไม่รู้ตัว หาพบแล้วขยับตัวไปทางเขาอีกนิด เพราะไฟกิ่งดวงหนึ่งอยู่บนผนังเยื้องไปด้านขวาเบื้องหลังของเขา
“ทสุกิทสุกินิ ทสุกิ มิรุ ทสุกิวะ โอเคเรโดะ ทสุกิมิรุ ทสุกิ โคโนทสุกิโนะ ทสุกิ”
“เสียงซ้ำๆกัน?” ธันว์ถาม
“กลอนนี้เหมือนกลอนเล่นอักษรของไทยน่ะค่ะ ประเภท จำใจจำจากเจ้า จำจร
อ้อ พูดถึงกลอนไทยแล้ว คุณนพพรเล่าว่ามีกลอนไทยบทชมจันทร์ไว้หลายบทค่ะ อย่าง น.ม.ส ก็แต่งกลอนไว้ …”
เอพริลท่องกลอนออกมายาว ธันว์ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เขามัวแต่มองริมฝีปากบางสวยที่ขยับเป็นจังหวะกลอน เอพริลก้มอ่านคำแปลต่อ
“เดือนแล้วเดือนเล่าและหลายๆเดือน หากจะชมเดือนในเดือนนี้นั้น ก็ต้องชมเดือนแห่งเดือนนี้เท่านั้น เป็นเดือนที่งามที่สุดของเดือนที่จะชมเดือน” เอพริลเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดบันทึก ตาแวววาวกลางแสงจันทร์
“เดือนเมษายนงามที่สุด” ธันว์ว่า เอพริลเข้าใจว่าเป็นคำถาม
“ไม่แน่ใจค่ะ คุณนพพรไม่ได้เล่าไว้ แต่พูดถึงว่าญี่ปุ่นมีถ้อยคำที่มีพระจันทร์อยู่ด้วย อย่างตางามดุจจันทร์ งงงวยดุจจันทร์”
ธันว์วางถ้วยสาเกลงแล้วว่า “อยากแต่งประโยคแบบนั้นบ้าง” เขาลุกจากเก้าอี้ ยกมือซ้ายข้างที่ไม่ถูกสลิงไว้ วาดมือออกไปทางพระจันทร์ดวงกลมโตที่เลื่อนขึ้นสูงห่างจากฟูจิมากแล้วในตอนนี้ เอ่ยเสียงเหมือนกำลังอยู่บนเวที
“ใต้แสงจันทร์ราตรีนี้ ข้าได้พบนางผู้มีตางามดุจจันทร์” ผายมือมาทางเอพริล
“ทำให้ข้างงงวยดุจจันทร์” สายตานั้นมีแววบางอย่างที่ทำให้เอพริลหน้าเรื่อขึ้น เสก้มหน้าเก็บสมุด ก่อนทำเสียงงุบงิบ “มีอีกสำนวนนะคะ ตาบอดดุจจันทร์”
1
ธันว์ยิ้มกว้าง เอพริลไปได้เสมอจริงๆ
เจ้าตัวยังทำไม่รู้ไม่ชี้ ขอตัวไปอาบน้ำ
ธันว์ช่วยเก็บของเข้าห้อง ก่อนออกไปนั่งที่ระเบียงอีกครั้ง
ได้ยินเสียงเอพริลรื้อหาของใช้ส่วนตัว หลังจากนั้นมีเสียงผลักปิดประตูห้องน้ำแล้วเงียบ
ธันว์ตะโกนถามเข้าไปจากระเบียง “ขอเพลงได้ไหม”
“ได้ค่าาา …” คนในห้องน้ำตะโกนตอบด้วยเสียงเหมือนดีใจที่ได้เปลี่ยนเรื่องกันเสียที
“แพ้ใจ”
สิ้นเสียงธันว์ เหมือนมีเสียงของตกโครมครามเบาๆ ก่อนเสียงเพลงจะเริ่ม
1
🎼เก็บใจไว้ในลิ้นชัก คงไม่เจอแล้วรักแท้
✨✨✨✨
เสียงจริง เพลงเต็มอยู่ที่นี่ค่ะ คุณเอพริลร้องไว้ เป็นเพลงแรกใน Blockdit ของเธอ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา