28 ก.พ. 2021 เวลา 05:52 • ความคิดเห็น
ที่มาของคำว่า"คลุมถุงชน"และเหตุผลว่าทำไมสามีภรรยายุคคลุมถุงชนจึงอยู่กันยืดกว่าสามีภรรยายุค 3-4-5 G
1
เดี๋ยวขอถามก่อน..
ในนี้มีใครไม่รู้จักคำว่าคลุมถุงชนบ้าง ยกมือ✋❓
..✋.......✋........✋✋.......
อ้อ..🙄พอมีบ้าง...
ถ้าเช่นนั้น ขออนุญาตอธิบายสั้น ๆ ป้องกันความสับสน ของคนที่ไม่เคยได้ยินคำ ๆ นี้มาก่อนเลย
..
คำว่า"คลุมถุงชน"แปลว่า ..
การแต่งงานโดยมีผู้หลัก ผู้ใหญ่เป็นผู้จัดหาคู่ครองมาให้ บ่าว สาว จะไม่รู้จักกันมาก่อน
หากพูดถึงประเพณีคลุมถุงชน คนรุ่นปัจจุบันหรือย้อนไปเจนก่อนหน้าสักเจนสองเจน ก็คงต้องบอกว่าประเพณีนี้มันล้าสมัยไปแล้ว...
การคลุมถุงชนหรือการจับคู่แต่งงานโดยมีพ่อ แม่ เป็นคนจัดการให้นั้น เป็นประเพณีที่นิยมในยุคเก่าก่อน
ถ้าถามว่าเก่าขนาดไหน?
ก็ต้องบอกว่า มีมาตั้งแต่ยุคโบราณนานมาก คาดว่าน่าจะหลายร้อยปี
โดยมีหลักฐานคือพงศาวดารและวรรณกรรมเก่าแก่ทั้งหลาย ที่ระบุว่าการแต่งงานของเจ้านายชั้นสูงระหว่างเมือง ระหว่างอาณาจักร จะเป็นไปโดยการตกลงกันระหว่างผู้ปกครองทั้งสองอาณาจักรเป็นส่วนใหญ่
การแต่งงานแบบนี้เรียกว่า แต่งงานเพื่อการเมือง แต่งงานเพื่อผสานไมตรี หลีกเลี่ยงการรบพุ่งและเพื่อการขยายเขตหล้าอาณาจักร
เรื่องความรักเอาไว้ทีหลัง.....
การแต่งงานแบบที่ว่า ก็ถือว่าเป็นต้นแบบของประเพณีคลุมถุงชน
ในอดีตการคลุมถุงชน มีทั้งในยุโรป จีน อินเดียและแถบอาคเนย์บ้านเรา แต่จะมีก็ในเฉพาะชนชั้นสูงเท่านั้น ชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป หาได้มีการคลุมถุงชนไม่ ส่วนมากก็อยู่กินกันเลย บอกกล่าวบ้าง ไม่บอกกล่าวบ้าง
..
ประเพณีคลุมถุงชนเริ่มแพร่หลายมาสู่ชนชั้นกลางในยุครัตนโกสินทร์ เมื่อการค้าเริ่มเฟื่องฟู
เหล่าพ่อค้า วานิชต่างต้องการให้ลูกหลานได้เกี่ยวดองกับชนชั้นการค้าด้วยกันเพื่อขยายกิจการร้านค้าให้เติบโต
จึงนำเอาประเพณีคลุมถุงชนเข้ามาใช้ ในการชักพาให้ลูก หลานได้แต่งงานกันในหมู่นักการค้าด้วยกัน
..
เมื่อทราบคร่าว ๆ แล้วว่า การคลุมถุงชน คือการแต่งงานโดยการจัดหาของผู้ปกครอง
แล้วแอบสงสัยกันไหมครับว่า..
1
ทำไมต้องใช้คำว่า"คลุมถุงชน"❓
คำว่าคลุมถุงชนจริง ๆ คืออะไร
มาจากไหน❓
..
แท้จริงแล้วคำว่า"คลุมถุงชน"มาจากไก่ครับ ไก่ที่ว่าก็คือ"ไก่ชน"🐓
1
การตีไก่ชนนั้น เซียนไก่แต่ละคนจะต้องนำไก่ของตัวเองมาจากบ้าน
เวลาจะพาไก่มาบ่อนตีไก่ ก็ต้องเอาผ้าหรือถุงคลุมไก่ให้มิดชิด มิฉะนั้นไก่จะตื่น(มีอาการตกใจ)ก่อนจะลงสนามชน
เมื่อมาถึงสนามชนไก่ เซียนแต่ละคนก็ต้องเอาไก่มาเปรียบกันก่อนจะตี
(เปรียบไก่ หมายถึงการนำไก่ออกมาเทียบขนาด ส่วนสูง ความใหญ่
เล็ก ว่ามีความใกล้เคียงกันพอที่จะตีกันได้ไหม?)
2
แต่มีเซียนไก่บางคนที่ห้าวเป้ง คิดว่าไก่ของตัวเก่งฉกาจ จะตีกับใครก็ได้ ไม่หวั่น เมื่อมาถึงบ่อนไก่ก็ไม่ยอมเปิดถุงไก่คู่ต่อสู้ดูก่อน
มาถึงปุ๊บก็เอาถุง(ไก่ชน)มาวางคู่กันแล้วตกลงราคาเดิมพัน หลังจากนั้นก็เปิดถุงให้ไก่ออกมาชนกันเลยทันที
ไก่ที่ออกมาจากถุงขนาดจะใหญ่ จะเล็ก ไม่สนใจ ปล่อยให้มันตีกันเอง..
แบบนี้ไงครับ ที่เขาเรียกว่าไก่"คลุมถุงชน"
..
ตามความเห็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน ต่างก็ว่าการคลุมถุงชนมันไม่ดี มันไม่ถูกต้อง
คนเราจะแต่งงานอยู่กินกันฉันท์สามี ภรรยา มันต้องเกิดมาจากความรัก ไม่ใช่การชักพาบังคับใจกันแบบนี้
แต่มันก็เป็นเรื่องแปลกที่คู่สามี ภรรยา ที่แต่งงานกันมาด้วยว่าถูกคลุมถุงชน กลับอยู่ครองคู่ได้ยืดยาวกว่าครอบครัวรุ่นใหม่ที่หาสามี ภรรยากันเองเสียอีก..
เรื่องนี้ก็มีอยู่หลายความคิดเห็น...
บางคนมีความเห็นว่า คนรุ่นนั้น
ผู้หญิงส่วนมากมักจะไม่ได้ทำงานนอกบ้าน ต้องพึ่งพาสามีเป็นหลัก ไม่ว่าจะเจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหน ก็จำต้องอดทน ด้วยความเป็นห่วงลูก
บางคนมีความเห็นว่า คนรุ่นนั้นยังคิดว่าการอย่าร้างเป็นเรื่องที่น่าอับอาย ยิ่งคนชั้นสูง วงศ์ตระกูลใหญ่โต ยิ่งไม่กล้าเพราะต้องการรักษาชื่อเสียงเอาไว้มากกว่า
บางคนก็ว่า..คนรุ่นเก่านั้น ท่านมีความเมตตาสูง ความอดทนอดกลั้นระหว่างกันก็มีมากกว่าคนรุ่นหลัง ๆ การจะเลิกรากันด้วยเหตุผลเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนคนเดี๋ยวนี้ ไม่ได้มีให้เห็นกันได้ง่าย ๆ
1
..ก็มีหลากหลายความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป..
..
ผมมีตัวอย่างสามี ภรรยารุ่นคุณตา คุณยาย คู่หนึ่งมาเล่าให้ฟัง...
คุณตาพรหมแก้วอายุ 91 ปีกับคุณยายเสริมศรีวัย 85 ปี สามี ภรรยาวัยอาวุโสทั้งสองท่านครองคู่กันมาเกือบ 70 ปี มีลูกด้วยกัน 4 คน หลานอีก 9 คน
2
เรื่องราวความรักและการครองชีวิตคู่ การดูแลสั่งสอนลูกหลานของคุณตา คุณยายถูกถ่ายทอดผ่านเพจเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า"ตายายสอนหลาน" ด้วยเรื่องราวอันน่ารัก น่านำไปเป็นแบบอย่างของการใช้ชีวิต ทำให้เพจ"ตายายสอนหลาน"มีผู้ติดตามเกือบ ๆ 500,000 คน
คุณตา คุณยายเล่าว่า ชีวิตคู่ทั้งสองคนไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก
เพราะทั้งคู่ต้องแต่งงานกันด้วยการจัดการของพ่อ แม่ หลังจากคุณตาสึกจากพระออกมา
1
คณตาเล่าต่อว่า....
วันแรกที่เข้าหอหลังแต่งงาน คุณยายถามคำถามแรกกับคุณตาว่า
"นี่เธอมาแต่งงานกับเราทำไม ทั้งที่เราไม่ได้รักเธอเลยนะ?"
คุณตา พอได้ยินคุณยายพูดแบบนั้น ก็เลยเก็บเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับบ้าน ปากก็บอกว่า...
"เมื่อไม่รักกัน ถ้าเช่นนั้นก็จะกลับบ้านแล้วนะ"
1
ไม่ทันที่คุณตาจะได้กลับ คุณยายก็รีบคว้ามือคุณตาไว้ แล้วพูดขึ้นว่า..
"จะรีบกลับไปไหน ลองอยู่ ๆ กันไปก่อน อยู่ ๆ ไป เดี๋ยวก็คงรักกันเองนั่นแหละ"😂
5
หลังจากนั้นคุณตา คุณยายก็บอกไม่ถูกว่าเริ่มรักกันตอนไหน จึงได้อยู่ครองคู่กันมาได้นานเกือบ 70 ปี
คุณยายบอกว่า ถึงเราสองคนจะรักกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องขัดแย้ง ระหอง ระแหง มันก็มีเหมือนครอบครัวอื่น ๆ นั่นแหละ
ยายถือหลักว่า.."ถ้าตาทำอะไรผิดมา ยายจะไม่ต่อว่า ด่าทอ แต่ยายจะนิ่ง ไม่พูด นิ่งจนตาสังเกตุเห็น ตาก็จะมาถามว่า เราทำอะไรผิดหรือเปล่า ถึงนิ่งเงียบไม่พูดด้วย"
1
หลังจากตามาถาม ยายก็จะบอกสิ่งใดที่ตาทำแล้วยายไม่ชอบ เห็นว่าไม่ถูกต้อง ตาก็จะยอมรับและยินดีปรับปรุงตัว
คุณตาบอกว่า เราต้องอย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล หากคุยกันด้วยเหตุผล ทุกอย่างก็แก้ไขได้
และที่สำคัญ เราต้องรู้จักให้เกียรติซึ่งกันและกัน
..
เรื่องราวความรักหลังถูกคลุมถุงชนของคุณตา คุณยายจึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า..
ความรักจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลัง ไม่สำคัญ สำคัญที่ใครคนใด จะประคองรักนั้นได้ยืดยาวมากกว่ากัน ต่างหาก..❤️
...
ภาพประกอบจาก unsplash
ติดตามอ่านบทความได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา