TIMEOUT
Moneyball (2011) / Trouble with the Curve (2012) - เกมวัดใจ
โดย ธ.เจริญมิตร
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์
เบสบอลเป็นกีฬาประเภททีม สองฝ่ายผลัดกันเป็นทีมรุก ผลัดกันเป็นทีมรับ 1 รอบนับเป็น 1 อินนิ่ง ทีมรุกจัดวางลำดับลีลาและความสามารถคนตีให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตรงหน้า เพื่อทำคะแนนต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด ส่วนทีมรับนอกจากจะต้องจัดคนขว้างมือฉมังมาแล้ว ยังต้องกระจายกำลังทั่วสนาม ไม่ให้ลูกบอลเล็ดรอดออกไปได้ คอยอ่านแผนและประสานงานป้องกันคะแนนของตน แม้ว่าในภาพรวมจะเป็นกีฬาประเภททีม แต่อีกมุมหนึ่งกีฬาเบสบอลก็แฝงการเล่นเดี่ยวเอาไว้ด้วย ซึ่งศักยภาพส่วนบุคคลย่อมส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ
ในแต่ละเพลย์จะเริ่มต้นจากการแข่งขันแบบตัวต่อตัว ระหว่างคนตีกับคนขว้าง คนตีทายใจว่าคนขว้างจะขว้างอย่างไร ใช้ลูกตรง ลูกเร็ว ลูกโค้ง ลูกหักเห สายตามองท่าทางการขว้าง จดจ้องทิศทางของลูกบอล ผนวกรวมกันแล้วหวดไม้ตีลูกบอลออกไปให้ไกลที่สุด ส่วนคนขว้างต้องรู้ว่าคนตีมีจุดอ่อนที่ใด ดูสัญญาณลับเรียกแผนแล้ว ต้องขว้างควบคุมลูกให้ทิศทางเข้าตรงตำแหน่งนั้น หรือลวงด้วยมือ ด้วยท่าทาง เพื่อให้คนตีหวดพลาด ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที หลังจากนั้นจึงค่อยใช้ข้อมูลสถิติมาวางแผนเล่นแบบทีมในเพลย์ต่อๆ ไปจนครบอินนิ่ง
ผู้เล่นค่าตัวแพงของกีฬาเบสบอลจึงหนีไม่พ้นคนขว้างเก่งๆ ที่พลังแขนล้นเหลือ ยืนระยะได้ยาวนาน กับคนตีที่อ่านเกมถูกต้อง ตีได้รุนแรงแม่นยำ จิตใจเยือกเย็น ทั้งสองตำแหน่งนี้เป็นที่ต้องการของทุกทีม แน่นอนว่านักกีฬาชั้นเลิศย่อมมีน้อยกว่านักกีฬาทั่วไป ราคาค่าเหนื่อยจึงสูงลิบลิ่ว ก่อนจะเซ็นสัญญาจำต้องพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบ หากผิดพลาดถ้วยแชมป์ก็หลุดลอยไป แถมผลประกอบการอาจตกฮวบลงได้ง่ายๆ
แต่ละทีมจึงมีแผนกแมวมองเป็นของตัวเอง ใช้ผู้คร่ำหวอดในวงการที่ตระเวนดูเกมเบสบอลมายาวนาน ครอบคลุมทั้งรุ่นประถม รุ่นมัธยม รุ่นมหาวิทยาลัย และลีกอาชีพ จดบันทึกในสมุดปูมสถิติส่วนตัว นำมาวิเคราะห์ผู้เล่นตำแหน่งต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อขาย แลกเปลี่ยนตัวของผู้จัดการทีม โดยโฟกัสเป็นพิเศษที่สองตำแหน่งข้างต้น และเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มลีกอาชีพ
หนังเรื่อง Moneyball อ้างอิงจากเหตุการณ์จริงว่า หลังถูกฝ่ายบริหารหั่นงบออกไปเหลือน้อยกว่าครึ่งของปีที่ผ่านมา บิลลี บีน (แบรด พิตต์) ผู้จัดการทีมโอ๊คแลนด์ “A’s” แอธเลติกส์ว่าจ้าง ปีเตอร์ แบรนด์ (โจนาห์ ฮิลล์) นักวิเคราะห์สถิติจากทีมคลีฟแลนด์ อินเดียนส์มาเป็นผู้ช่วยของเขา สองตัวละครนี้เป็นผู้เปิดมิติใหม่ของวงการเบสบอล ด้วยการนำข้อมูล-สถิติ OBP: On-Base Percentage มาประมวลผลผ่านอัลกอริธึมที่เขียนไว้ในคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์คัดเลือกผู้เล่นล้วนๆ โดยไม่พึ่งพาระบบแมวมองดั้งเดิมเลย ในช่วงต้นบีนต้องอธิบายและคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าภายในทีมมากมาย เพราะไม่มีใครเข้าใจแนวทางใหม่เอี่ยมนี้สักคน
จนกระทั่งเมื่อปี 2002 คู่หูทั้งสองพาทีม A’s ทำสถิติชนะรวดสูงสุด 20 นัด ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยในรอบ 100 ปี ผู้บริหารทีมบอสตัน เรดซ็อกซ์ ถึงกับเสนอค่าจ้าง 12.5 ล้านเหรียญต่อปีให้บีนมาทำทีม แต่เขากลับปฏิเสธข้อเสนอนี้ไป จากนั้นโอ๊คแลนด์ค่อยๆ ขยับตัวไปถึงรอบเพลย์ออฟได้ด้วยงบประมาณอันจำกัด เปลี่ยนผ่านจากทีมที่ใช้เงินสูงสุดในลีก มาเป็นทีมใช้งบน้อยเกือบที่สุด อยู่อันดับที่ 24 จาก 30 ทีม ทว่ามูลค่าสโมสรกลับทะยานติดท็อป 5 ของตารางเมื่อปี 2006 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง วงการเบสบอลเริ่มให้คุณค่ากับทฤษฎี Moneyball ของบีนกันยกใหญ่
การให้คอมพิวเตอร์เป็นผู้ประมวลผลนอกจากจะเที่ยงตรงแม่นยำแล้ว ยังช่วยตัดปัญหาเรื่องความผิดพลาดทางตรงทางอ้อมออกไปได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเรื่องอคติส่วนบุคคล เช่น บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ ตลอดจนเรื่องใต้โต๊ะอันวุ่นวาย ไม่ต้องมาคอยกังวลอีกเลย ทว่าเอาเข้าจริงตัวอัลกอริธึมที่ผู้วิเคราะห์เข้ารหัสไว้ต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญในการประมวลผล มิใช่เพียงชุดข้อมูลดิบเพียงอย่างเดียว หากใช้สมการอัลกอริธึมที่คลาดเคลื่อนไปก็อาจพังครืนได้เช่นกัน ทั้งนี้พวกเขาต้องเห็นความสวยงามของเบสบอลผ่านเส้นกราฟ ผ่านตัวเลขยิบย่อยเหล่านี้ด้วยตลอดเวลา
ปีถัดมาหนังเรื่อง Trouble with The Curve ออกฉาย ซึ่งเหมือนเป็นคู่ปรับของเรื่อง Moneyball หนังชี้ให้เห็นวิถีดั้งเดิมของการวิเคราะห์ผู้เล่นอย่างละเอียดลออ บรรดาแมวมองที่ลาดตระเวนไปดูเกมจริงทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ทั่วประเทศนั้นรักและคลั่งไคล้กีฬาเบสบอลขนาดหนัก พวกเขาหลงเสน่ห์เกมการแข่งขัน มีสถิติส่วนตัวอัดแน่นอยู่ในหัว สองตาจับจ้องสรีระ ท่าทาง และการเคลื่อนไหว สองหูฟังเสียงหวด เสียงลูกกระทบไม้ เสียงสบถ เสียงดีใจที่คำรามออกมา ตลอดจนได้พูดคุยกันเพื่อสืบค้นทัศนคติส่วนตัว นำทั้งหมดมาประกอบร่าง ค่อยประมวลผล แล้วประเมินคุณค่าสุดท้ายอีกที
ตัวหนังว่าด้วยความสัมพันธ์ห่างเหินระหว่างพ่อกับลูกสาวที่เชื่อมกันไว้ด้วยกีฬาเบสบอลระดับอาชีพ หลังจากที่แม่เสียชีวิตกะทันหันตอนลูกสาวยังเล็ก ด้วยกลัวว่าตนจะเลี้ยงดูเธอได้ไม่ดีพอ มิกกี้ (เอมี อดัมส์) จึงถูกผลักไสให้ไกลจาก กัส โลเบิล (คลินต์ อีสต์วูด) พ่อผู้เป็นแมวมองเบสบอลของทีมแอตแลนตา เบรฟส์ ชีวิตครอบครัวจึงแตกแยกตั้งแต่นั้นมา ตัวมิกกี้เองก็ไม่ย่อท้อตั้งใจจะเป็นทนายชื่อดังเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พ่อประจักษ์ ทว่าเธอกลับกลายเป็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น ทั้งรักและหลงใหลเกมเบสบอลไม่น้อยหน้าพ่อเลย แถมพกมาด้วยหน่วยความจำและการวิเคราะห์ระดับนักกฎหมายอีกด้วย
หลังได้ใกล้ชิดและเรียนรู้จักพ่อผ่านรายละเอียดของเบสบอลอีกรอบ มิกกี้ได้มายืนอยู่ที่จุดเปลี่ยนผ่าน รู้ชัดแล้วว่าชีวิตนั้นมีปัจจัยพลิกผันมากกว่าที่บันทึกไว้ มันไม่ใช่แค่อ่านจากหนังสือ ดูตัวเลขสถิติที่วิ่งวนไปมาหน้าจอก็จะบรรลุธรรมได้ จำต้องใช้ตาดู หูฟัง เข้าใจเกม สมองคิดติดตามรายละเอียดเพื่อวิเคราะห์ภาพรวมได้ถูกต้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นในหน้าที่การงาน ความสัมพันธ์ชีวิตคู่ หรือแม้แต่งานอดิเรกก็ล้วนนำไปประยุกต์ใช้ได้เหมือนกัน มิกกี้ลองทุกอย่างด้วยตัวเองแล้ว
แฟนเบสบอลตัวยงอีกไม่น้อยที่สะสมข้อมูลและสถิติยุ่บยั่บไม่แพ้แมวมอง ต่างกันเฉพาะความเป็นมืออาชีพ ที่ต้องซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา รักษาความลับบริษัท เห็นผลประโยชน์ของผู้ว่าจ้างสำคัญที่สุด และแนวทางการประมวลผลต้องน่าเชื่อถือ นำไปอ้างอิงการตัดสินใจมูลค่าหลักล้านได้ และเมื่อคำถามสำคัญผุดขึ้นมาในหัวใจ มิกกี้ได้คำตอบชัดเจนแล้วว่าเธอรักกีฬาเบสบอลเหนืออื่นใด ทั้งศักยภาพของเธอก็สูงเกินแฟนกีฬาธรรมดาไปอีกหลายชั้น
ในหนังเล่าเสริมไว้ด้วยว่า เมื่อนักกีฬาคนหนึ่งฟอร์มตกเพราะห่างไกลจากแม่มาพักใหญ่ กัสแนะนำให้ผู้จัดการทีมพาแม่มาพบเจอลูกชายเสียหน่อย หลังได้พูดคุยกัน ฟอร์มของเขาก็กระเตื้องขึ้นทันใด นักกีฬาอาชีพก็ยังคงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง อาจมีเวลาที่หม่นหมองรันทด พลังใจท้อถอยไปบ้าง ลำพังข้อมูลจากคอมพิวเตอร์คงไม่ช่วยแก้ไขอะไรนัก ยังคงต้องใช้มนุษย์อีกคนช่วยประคับประคองไว้
ระหว่างการเดินทางครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาอาจได้พบเพชรเม็ดงามซ่อนอยู่ข้างถนน คาลอส ซานเชซ เด็กพรสวรรค์ที่มุ่งฝึกฝนพัฒนาตนเอง พร้อมกับทัศนคติอันดี แต่ไม่เคยมีรายชื่อในฐานข้อมูลของลีกนั้น ช่างแตกต่างกับ โบ เจนทรี ว่าที่นักเบสบอล MLB ที่คิดแต่จะกอบโกยในโลกกีฬาอาชีพ
หนังทั้งสองเรื่องเจตนาเชิดชูตัวบุคคลอัจฉริยะที่ต่างก็มี “อัลกอริธึม” ชุดพิเศษเฉพาะตัว และเชื่อมั่นในแนวทางของตน มิได้จะยืนหยัดว่าระบบของตนนั้นสูงส่งไร้ที่ติ บริบทของยุคปัจจุบันเปลี่ยนไปมากแล้ว ตัวข้อมูลยิบย่อยก็เพิ่มขึ้นมหาศาล เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท ช่วยจำ ช่วยวิเคราะห์ ช่วยประมวลผลจากข้อมูลหลากหลายหมวดได้อย่างรวดเร็ว การเดินทางก็สะดวกคล่องตัว การสื่อสารโต้ตอบกันได้ทันใจ ครั้นจะดึงดันให้ใช้งานแนวทางใดเพียงอย่างเดียว ก็คงไม่ได้ดีไปกว่าอีกแนวทางหนึ่งอย่างชัดเจน
ผู้บริหารที่มองการณ์ไกล เขาคงหาทางประสานคนจากทั้งสองแนวทางให้ทำงานร่วมกันได้ นำข้อดีของทั้งสองฝ่ายมาเกื้อกูล สนับสนุนกัน อย่างหนึ่งเป็นหลักและอีกอย่างหนึ่งเป็นรอง สามารถตรวจสอบข้ามกันไปมาเพื่อผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำได้ เชื่อว่าอย่างน้อยที่สุดคนที่รักและมองกีฬาว่าสวยงามสองคนได้มาทำงานร่วมกัน น่าจะช่วยผลักดันวงการเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงกว่าตัวคนเดียว
#TIMEOUT #Moneyball #TroublewiththeCurve #เล่นเป็นเรื่อง #PlayNowThailand
- 7
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
