21 ก.พ. 2021 เวลา 05:04 • หนังสือ
✴️ บทที่ 1 ความท้อแท้ของอรชุน
(ตอนที่ 5) ✴️
หน้า 17 – 22
🌸 “พวกเขาได้ทำอะไรกัน” — สำรวจสนามรบในจิตใจและจิตวิญญาณ 🌸
⚜️ โศลก 1 ⚜️ (ตอนที่ 4)
❇️ อาณาจักรกายภายใต้การปกครองของวิญญาณราชา ❇️
เพื่อให้เห็นภาพบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย และเพื่อความเข้าใจบุคลิกภาพและชื่อกิจกรรมที่เกิดขึ้นในอาณาจักรกาย ตลอดจนผลที่เกิดจาก “ผู้ปกครอง” และ “ผู้อยู่อาศัย” จึงขอแสดงด้วยภาพ  ภาพที่ 1 หน้า 17 เสนออาณาจักรกายภายใต้การปกครองของวิญญาณราชา
ภาพที่ 1 หน้า 17
จากพระราชวังหลวง — 'ศูนย์ของจิตเหนือสำนึก' 'จิตแห่งพระคริสต์' และ 'จิตจักรวาลในสมองใหญ่และท้ายสมอง' – วิญญาณราชาประทานความเกษมสุข พุทธิปัญญา และความมีชีวิตชีวาไปทั่วอาณาจักร
ราชาได้รับการช่วยเหลือโดยข้าราชบริพารผู้จงรักภักดี — ขุนนาง ผู้มีวิจารณญาณ – ส่วนในรัฐสภานั้น “สภาขุนนาง” หรือจิตระดับสูงใน 'ศูนย์ที่ท้ายสมอง' 'ศูนย์ที่คอ' และ 'ศูนย์ที่ลำตัว' ทั้งหมดนี้อยู่ใต้อำนาจของ 'เสนาบดี' ที่ประกอบด้วยวิจารณญาณ — พุทธิ  หรือปัญญาที่เปิดเผยความจริงและมุ่งสู่บรมวิญญาณ
ส่วนในรัฐสภานั้น “สภาผู้แทนราษฎร” หรือสภาล่าง หรือจิตระดับต่ำ 'ที่ศูนย์สันหลังส่วนบั้นเอว' 'ศูนย์กระเบนเหน็บ' และ 'ศูนย์ก้นกบ' – อำนาจฝ่ายผัสสอินทรีย์แห่งมนัส (มนินทรีย์) จะเชื่อฟังอำนาจอันชาญฉลาดของเสนาบดีผู้มีวิจารณญาณ และขุนนางผู้มีวิจารณญาณ
#ส่วนใหญ่แล้วปุถุชนจะอยู่ใต้อำนาจของจิตฝ่ายมนัส #ซึ่งหนีจากบรมวิญญาณ #ปิดบังความจริงและนำจิตไปสัมพันธ์กับฝ่ายวัตถุ มนินทรีย์ทำงานโดยผ่านศูนย์ตรงส่วนล่างของไขสันหลังสามศูนย์ แต่เมื่อชีวิตมนุษย์มาอยู่ใต้การนำของฝ่ายวิญญาณ อินทรีย์ที่ทำงานผ่านทั้งสามศูนย์นี้จะเชื่อฟังวิจารณญาณที่ศูนย์จิตส่วนบนของสมองร่วมไขสันหลัง
จึงอาจพูดได้ว่า ปุถุชนมีชีวิตอยู่ที่ศูนย์จิตส่วนล่างคือ 'ที่ศูนย์บั้นเอว' 'ศูนย์กระเบนเหน็บ' และ 'ศูนย์ก้นกบ' โดยมีมนินทรีย์เป็นใหญ่ — ส่วนมนุษย์ฝ่ายจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ในศูนย์จิตส่วนบนคือ 'ที่ศูนย์ลำตัว' 'ศูนย์คอ' และ 'ศูนย์ท้ายสมอง' โดยมีจิตฝ่ายวิจารณญาณ (พุทธิ หรือ จิตที่เปิดเผยความจริง) เป็นใหญ่
▪️สุขภาพ ความงาม และสันติสุขในอาณาจักรกาย▪️
ภายใต้การปกครองของวิญญาณราชา ช่องทางในกายของอาณาจักรกายจะสั่นสะเทือนอยู่ตลอดเวลา ช่องทางเหล่านี้รวมถึงศูนย์ที่ก้นกบและบริเวณที่เป็นเนื้อทั้งหมด : กระดูก ไขกระดูก อวัยวะทั้งหลาย เส้นประสาท เลือด เส้นเลือดฝอย เส้นเลือดใหญ่ ต่อมต่าง ๆ กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ที่สำคัญที่สุดคือจักระก้นกบ
พลังจิตที่ละเอียดทั้งหลายและพลังปราณซึ่งทำงานอยู่ที่จักระส่วนบน จะสำแดงกายผ่านช่องจักระที่ก้นกบ : สสารจะปรากฏในห้าลักษณะ (1️⃣ของแข็ง 2️⃣ของเหลว 3️⃣แก๊ส 4️⃣ไฟ 5️⃣อากาศ — โดยการกระทำของพลังสั่นสะเทือนของ 1️⃣ดิน 2️⃣น้ำ 3️⃣ไฟ 4️⃣ลม และ 5️⃣อากาศ ในจักระทั้งที่ก้นกบ1️⃣ ที่กระเบนเหน็บ2️⃣ ที่บั้นเอว3️⃣ ที่ลำตัว4️⃣ และที่คอ5️⃣) เมื่อพลังชีวิตไหลจากก้นกบออกสู่ภายนอก จะสร้างเนื้อหนัง กระดูก เลือด เป็นต้น
ภายใต้การปกครองของวิญญาณราชา “ธรรมชาติมาตา” (พระแม่ธรรมชาติ) ในกันกบมีความสงบ ควบคุมตนเองได้ ก่อให้เกิดสุขภาวะ ความงาม และสันติสุขในอาณาจักรกาย และเมื่อโยคีที่ปฏิบัติสมาธิอย่างลึกซึ้งสั่งการ พลังสร้างสรรค์นี้จะไหลกลับเข้าภายใน ย้อนขึ้นไปที่แหล่งเกิดของมันคือดอกบัวพันกลีบ เปิดเผยโลกภายในอันเรืองรองของพลังทิพย์ จิตวิญญาณ และบรมวิญญาณ โยคะที่เกิดจากพลังที่ก้นกบไหลสู่บรมวิญญาณนี้คือ “กุณฑาลินี” ที่มีความตื่นตัวอยู่เสมอ
ช่องทางเดินทางกายภาพของอาณาจักรกายอยู่ภายใต้อำนาจของอินทรีย์ราชบุตรทั้งสิบ ซึ่งประทับอยู่ในตำหนัก หรืออวัยวะรับผัสสะ ที่แตกต่างกันไป ซึ่งรวมถึงญาเณนทรีย์ทั้ง 5 (1️⃣รูป 2️⃣เสียง 3️⃣กลิ่น 4️⃣รส และ 5️⃣สัมผัส) กับกรรเมนทรีย์ทั้ง 5 (1️⃣อำนาจของถ้อยคำ 2️⃣อำนาจของเท้าที่เคลื่อนไหว 3️⃣อำนาจของมือที่เชี่ยวชาญ 4️⃣อำนาจการขจัดที่ทวารหนักกับกล้ามเนื้อขับถ่าย และ 5️⃣อำนาจการสืบพันธุ์ในอวัยวะสืบพันธุ์)
อินทรีย์ราชบุตรเหล่านี้มีความประเสริฐสูงส่ง ไปด้วยกันได้กับ 'พลังแยกแยะดีชั่ว' และ 'พลังความกลมกลืนในวิญญาณ' อินทรีย์จึงรับใช้เป้าหมายที่จะหาหนทางให้วิญญาณที่มาจุติในจิตบริสุทธิ์ของมนุษย์สามารถมีประสบการณ์และแสดงตนในโลกแห่งวัตถุได้ดีพอ ๆ กับในอาณาแห่งบรมวิญญาณ
พลเมืองของอาณาจักรกาย คือผู้อยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารและการแนะนำอย่างฉลาดของวิญญาณราชา รวมทั้งสภาที่ปรึกษาซึ่งมีจิตโน้มไปในทางรู้ดีชั่ว เสนาบดีที่แยกแยะดีชั่วได้ และบรรดาราชบุตรผู้มีอินทรีย์บริสุทธิ์ พลเมืองของความคิด เจตจำนงและความรู้สึก ล้วนมีปัญญา มีความสร้างสรรค์ รักสงบและมีความสุข และประชากรส่วนใหญ่มีจิตสำนึก ผู้ใช้แรงงานมีปัญญา เซลล์ โมเลกุล อะตอม อิเล็กตรอน และประกายชีวิตสร้างสรรค์ (lifetrons/ปราณ) ล้วนตื่นตัวมีชีวิตชีวา มีความกลมกลืน และมีประสิทธิภาพ
ในช่วงเวลาที่วิญญาณราชาปกครองอยู่นั้น กฎหมายทั้งหลายมุ่งไปที่สุขภาพ ที่ประสิทธิภาพของจิตใจ และให้การศึกษาด้านจิตวิญญาณแก่ความคิด เจตจำนง ความรู้สึก และประชากรในอาณาจักรกายนี้จะถูกชักนำด้วยปัญญา ผลก็คือ ความสุข ความมีอนามัย ความมั่งคั่ง สันติสุข การรู้จักแยกแยะดีชั่ว ความมีประสิทธิภาพ และการแนะนำด้วยญาณปัญญาก็จะครอบคลุมอาณาจักรกาย — อาณาจักรแห่งแสงและความเกษมสุข❗
❇️ อาณาจักรกายภายใต้การปกครองของอหังการราชา ❇️
ภาพที่ 2 ที่แสดงในหน้า 20 แสดงธรรมชาติของมนุษย์เมื่อถูกปกครองโดยอหังการราชา ซึ่งเป็นเครื่องมือของพลังลวงแห่งจักรวาล ที่ชักนำมนุษย์ให้เชื่อว่า เขาอยู่แยกไปจากพระเจ้า
ภาพที่ 2 หน้า 20
ภาพที่ 2 จึงเป็นตัวแทนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากภาพที่ 1 — ภาพที่ 2 แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในอาณาจักรกายเมื่อถูกอหังการราชาและฝ่ายกบฏเข้ายึดครอง เราเรียกอหังการว่าวิญญาณจอมปลอม เพราะมันพยายามทำตัวเหมือนวิญญาณ ราชา และพยายามที่จะครอบงำอาณาจักรกายทั้งหมด แต่ฝ่ายยึดอำนาจไม่สามารถเข้าไปถึงพระราชวังชั้นในแห่งอภิจิต จิตแห่งพระคริสต์ และจิตจักรวาล
อหังการปกครองได้ก็แต่ภาวะจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของมนุษย์เท่านั้น จิตที่หันสู่ภายในไปที่จักระท้ายสมองคืออภิจิตแห่งวิญญาณ เมื่อไหลออกภายนอกสู่จิตสำนึกและจิตใต้สำนึกในสมองและที่ไขสันหลัง มันจะกลายเป็นพวกเดียวกับกายแทนที่จะเป็นพวกเดียวกับบรมวิญญาณ เมื่อเป็นเช่นนี้จิตสำนึกในฐานะอหังการราชาก็เริ่มที่จะปกครองอย่างผิดทำนองคลองธรรม
สภาล่างแห่งจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของสมองภายใต้การปกครองของอหังการราชาจะไม่ปกครองด้วยวิญญาณแห่งความสงบ ความรอบรู้ และพลังอำนาจ แต่จะกลายเป็นบ้านที่ไร้ความสงบ มีแต่ความหยิ่งยโส ความโง่เขลา ความอ่อนแอที่เห็นแต่เฉพาะกายตน — นี่คืออหังการฝ่ายกบฏ ผู้ทรงอำนาจในอาณาจักรนี้คือนายกรัฐมนตรีที่โง่เขลา ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่รู้จักแยกแยะดีชั่ว
อหังการราชาคือทรราช มันต้องการที่ปรึกษาที่แค่ตอบรับ และทำตามคำสั่ง เพื่อให้อาณาจักรกายอยู่ห่างจากวิญญาณราชา รัฐมนตรีอหังการคือ ความใคร่ในวัตถุ อารมณ์ ความเคยชิน และผัสสะที่มีแนวโน้มไร้วินัย ภายใต้การปกครองของนายกรัฐมนตรีโง่เขลา ผู้ยึดอำนาจเหล่านี้ปิดประตู “สภาขุนนาง” ในรัฐสภา แล้วผลักดันขุนนางที่ไร้พลังในการแยกแยะดีชั่วขึ้นสู่ “สภาสูง” ที่ศูนย์ท้ายสมอง ศูนย์คอ และศูนย์ลำตัว
อำนาจของอินทรีย์ใน “สภาผู้แทนราษฎร” หรือ “สภาล่าง” ของศูนย์ที่บั้นเอว ศูนย์ที่กระเบนเหน็บ และศูนย์ที่ก้นกบ ซึ่งเคยภักดีต่อวิญญาณราชาและนายกรัฐมนตรีแยกแยะดีชั่ว กลับตกอยู่ใต้อิทธิพลของนายกรัฐมนตรีโง่เขลา เพื่อสนับสนุนอินทรีย์จริตเลวของอหังการราชา ดังนั้นเมื่อ 'พุทธิปัญญา' เปิดเผยความจริงที่จะนำไปสู่บรมวิญญาณ ก็จะถูกอหังการและพวกพ้องของมัน คือ 'มายา' และ 'อวิชชา' ข่มไว้ เมื่อนั้นแล้วจิตฝ่ายผัสสะ (มนัส) ก็จะมีอำนาจครอบงำ — 'มนัส' คืออำนาจที่ถอยหนีจากบรมวิญญาณ มันจึงปิดบังความจริง และนำจิตไปเชื่อมกับกามคุณ
ช่องทางในกายของอาณาจักรกายภายใต้การปกครองของอหังการราชา มักจะเหี่ยวเฉา ไร้อนามัย เพราะโรคระบาด และแก่ก่อนวัย ซึ่งเป็นสภาพที่จะเป็นไปทั่วอาณาจักร ในช่องทางหลักที่ศูนย์ก้นกบ — “พระแม่ธรรมชาติ” ผู้ทรงความ สร้างสรรค์ จะหงุดหงิดแปรปรวน พลังสร้างสรรค์ชีวิตถูกเหยียบย่ำทำลายตามคำสั่งของอินทรีย์ที่ไร้การควบคุม
อินทรีย์ราชบุตรทั้งสิบ ล้วนแสวงหาความสุขสำราญทางกาย ปล่อยตนตามใจ และถือตนเป็นใหญ่ เมื่อถูกครอบงำด้วยอำนาจของความโง่หลง พวกเขาก็จะเข้าสู่วิถีชั่วช้า และติดนิสัยทำลายตน
พลเมืองแห่งการคิด เจตจำนง ความรู้สึก กลายไปอยู่ฝ่ายด้านลบ ชอบบังคับ มึนตึง ไร้ความสุข คนงานที่ฉลาดของเซลล์ และหน่วยต่าง ๆ ของอณูปรมาณูแห่งชีวิตอยู่ในสภาพไร้ระเบียบ ไร้ประสิทธิภาพ เหนื่อยหน่ายภายใต้การปกครองของอหังการ และนายกรัฐมนตรีโง่เขลา กฎหมายทั้งหลายที่นำไปสู่ความอยู่ดีมีสุขของราษฎรในอาณาจักรจะถูกทำลาย นี่คืออาณาจักรแห่งความมืดมน เต็มไปด้วยความกลัว ความไม่แน่นอน และทุกขณะแห่งความสำราญช่วงสั้น ๆ ก็จะถูกคุกคามด้วยความทุกข์นานา
(มีต่อ)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา