Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
คีตาแห่งสยาม
•
ติดตาม
28 ก.พ. 2021 เวลา 04:43 • หนังสือ
✴️ บทที่ 1 ความท้อแท้ของอรชุน
(ตอนที่ 6) ✴️
🌸 “พวกเขาได้ทำอะไรกัน” — สำรวจสนามรบในจิตใจและจิตวิญญาณ 🌸
⚜️ โศลก 1 ⚜️ (ตอนที่ 5)
หน้า 23 – 29
❇️ เปรียบเทียบอินทรีย์ที่ปกครองโดยวิญญาณ กับอินทรีย์ที่ปกครองโดยอหังการ ❇️
🔹ตำหนักทัศนา🔹 : เมื่อ “ราชบุตรสายพระเนตรประเสริฐ” ปกครองตำหนักแห่งการเห็น มนุษย์จะเห็นสิ่งดีในทุกสิ่ง วัตถุดี ธรรมชาติน่าทึ่ง ทัศนียภาพงามเลิศ ใบหน้าน่านับถือ ศิลปะแสดงถึงจิตวิญญาณ รูปภาพให้ความอิ่มใจ ภาพที่เคลื่อนผ่านไปจะปรากฏที่จิตในสมอง (ความคิด เจตจำนง และความรู้สึก) ซึ่งให้การสั่งสอน ให้ความสุข และความสงบ
ส่วนภาพที่เคลื่อนไปภายในอาณาจักรอหังการ ซึ่งสนับสนุนโดย “ราชบุตรสายพระเนตรทราม” จะสร้างความขัดแย้ง เห็นแต่สถานที่ที่น่าเกลียด เห็นแต่สิ่งล่อลวง ใบหน้าที่ปลุกความชั่วช้า ศิลปะที่เร้าผัสสะ เร้าความใคร่ ความคลั่งไคล้วัตถุจะหลั่งไหลเข้าไปในสมอง ลดทอนรสนิยมดี ๆ ที่มีโดยธรรมชาติของเซลล์และความคิดที่มีปัญญาทั้งหลาย
'อหังการ' หลงใหลใบหน้าและสิ่งสวยงาม นำไปสู่การติดยึดวัตถุ และการปล่อยใจตามอินทรีย์ — ส่วน 'วิญญาณ' นั้นเห็นความงามของพระเจ้าในความงามของทุกสิ่ง และประสบการณ์นั้นทำให้เกิดความสุขเกษมและความรักอย่างไพศาล
🔹ตำหนักสวนา🔹: ในช่วงที่ 'วิญญาณ' ปกครองนั้น ตำหนักการได้ยินอยู่ภายใต้การปกครองของ “ราชบุตรสดับเสียงแห่งความจริง” โสตินทรีย์รักที่จะฟังเสียงความจริงที่ก่อประโยชน์ ซึ่งจะนำมนุษย์ไปสู่เป้าหมายแห่งปัญญาญาณ
ภายใต้การปกครองของ 'อหังการ' “ราชบุตรชอบการประจบ” ไม่ฟังเสียงอื่นนอกจากคำพูดหวานขาดความจริงใจ คำพูดไม่จริงที่เป็นอันตรายทำให้เกิดความคิดผิด ๆ มีแต่ความสำคัญตน เห็นตนเป็นใหญ่ เข้าใจผิดว่าต่อให้กระทำสิ่งที่ชั่วช้าก็จะไม่ถูกลงโทษ ลักษณะเช่นนี้เห็นได้ในตัวทรราชน้อยใหญ่ทั้งหลายในโลก❗
คำพูดอ่อนหวาน ยกย่องด้วยความจริงใจเป็นสิ่งพึงประสงค์ ถ้อยคำเหล่านี้กระตุ้นให้ผู้คนกระทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่การประจบประแจงหรือการพูดเท็จ เป็นอันตรายอย่างยิ่ง ส่วนมากการพูดเท็จก็เพื่อปกปิดบาดแผลในจิตใจ แต่นั่นจะยิ่งทำให้แผลกลัดหนอง เป็นโทษแก่นิสัยของคนผู้นั้น การประจบประแจงจึงเหมือนน้ำผึ้งพิษ
ยิ่งกว่านั้น เสียงความคิดของเรา มีแนวโน้มที่จะกีดกันเราจากความจริง มันจะมีข้ออ้างต่าง ๆ นานา ปกปิดเนื้อร้ายภายในตนอย่างเท่าที่จะทำได้ แทนที่จะใช้มีดผ่าตัด วิเคราะห์ความเจ็บป่วย และสร้างวินัยให้ตนเอง เสียงคนประจบประแจง และการคิดหาเหตุผลกระซิบเข้าข้างตนให้เกิดความสบายใจ กลายเป็นเสียงหวานกล่อมโสต
ปัญญาของมนุษย์มักตกเป็นนักโทษของคำเยินยอที่มีพิษ หลายคนเต็มใจที่จะสละเวลา เงินทอง สุขภาพ ชื่อเสียงเกียรติยศ และนิสัยใจคอของตน เพื่อรับคำเยินยอจากเพื่อน “ที่คอยเกาะ” เขากิน จริงๆแล้วผู้คนส่วนใหญ่ชอบคำสรรเสริญเยินยอมากกว่าคำทักท้วงด้วยปัญญา เขาพยายามปฏิเสธความจริงที่เปิดเผยแง่มุมที่เขาไม่ถูกใจ และบ่อยๆที่การไม่พอใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทำให้คนผู้นั้นยิ่งดึงดันไปกับพฤติกรรมที่ผิดๆ คนจำนวนมากดับดิ้นเพราะไม่ฟังคำพูดคำเตือนรุนแรง ทั้ง ๆ ที่คำเตือนนั้นถูกต้อง แต่กลับไปโอบรับปรัชญาเลื่อนลอยของเพื่อนเลว ๆ การต้องตกอยู่ในนรกกับผู้มีปัญญาที่พูดจาเกรี้ยวกร้าวคนเดียว ดีกว่าอยู่บนสวรรค์กับคนพูดเท็จปากหวานถึงสิบคน❗ คนโง่จะทำให้สวรรค์กลายเป็นนรก แต่ผู้มีปัญญาจะเปลี่ยนนรกให้เป็นสวรรค์
ประโยชน์จะเพิ่มพูนแก่ผู้ที่สงบฟังคำวิจารณ์ที่กอปรด้วยเมตตา ผู้ที่สามารถรับฟังคำวิจารณ์แรง ๆ แต่เป็นความจริงด้วยรอยยิ้ม ขอบคุณผู้วิจารณ์ที่ต้องเดือดร้อนมาสอนให้เขาปรับปรุงตน คนเช่นนี้ควรได้รับคำชม น้อยคนนักที่จะสมบูรณ์พร้อม❗ แม้ไม่จำเป็นต้องยอมรับความบกพร่องของเราต่อหน้าคนอื่น แต่เราควรปรับปรุงตนเองเมื่อได้รับคำวิจารณ์ที่เที่ยงธรรม
ข้าพเจ้ารู้จักนักบุญคนหนึ่ง ท่านมีเพื่อนปากร้ายผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ท่าน วันหนึ่งศิษย์ของท่านนักบุญมาที่อาศรมพร้อมกับนำข่าวสำคัญ มาด้วย
“ท่านอาจารย์ครับ” เขาร้องอย่างตื่นเต้น “ศัตรูของท่าน – คนที่ชอบจับผิดท่าน ตายแล้วครับ❗”
“โอ๊ย ฉันหมดหนทางเลย❗” ท่านนักบุญพูด น้ำตาคลอ “ฉันใจสลาย กัลยาณมิตรทางจิตวิญญาณผู้คอยวิจารณ์ตักเตือนที่ดีที่สุดของฉันสิ้นไปเสียแล้ว❗”
ยามค่ำคืน เราจึงควรใคร่ครวญและถามตัวเองบ่อย ๆ “วันนี้ฉันมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำวิจารณ์ทั้งที่เตือนเบา ๆ และที่รุนแรง ฉันปฏิเสธคำพูดของเพื่อนโดยไม่พิจารณาว่าคำเตือนเหล่านั้นมีความจริงอยู่มากน้อยแค่ไหนอย่างนั้นรึเปล่า❓”
'อหังการ' ไม่แค่ชอบฟังคำชมและคำหวานเท่านั้น แต่ยังชอบฟังคำสรรเสริญ และคำมั่นสัญญาว่าจะรักภักดีจากคนที่เขารัก แต่มายาซึ่งในที่นี้คือ คำสรรเสริญ ชื่อเสียงและเกียรติยศในโลกนี้ล้วนไม่มีความยั่งยืน และคำมั่นสัญญาว่าจะรักนิรันดร์นั้น ก็ออกจากปากของคนที่ “ต้องตาย” แม้เสียงอันอ่อนหวานของแม่ สุดท้ายก็จะกลายเป็นความเงียบ ทุกสิ่งเหล่านี้จะถูกกลบอยู่ในหลุมศพแห่งความลับเลือน เว้นเสียแต่ว่า 'วิญญาณ' ของเราจะได้ยินเสียงก้องกังวานความรักแห่งสวรรค์ และรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ตรงนี้ ตระหนักรู้ถึงความรักของพระองค์ รู้ถึงการยอมรับของพระองค์
🔹ตำหนักฆายนา🔹: ภายใต้การนำของ 'วิญญาณ' “ราชบุตรกลิ่นหอมบริสุทธิ์” มีความสุขกับกลิ่นหอมของดอกไม้และอากาศบริสุทธิ์ตามธรรมชาติ กลิ่นเครื่องหอมที่จุดถวายพระเจ้าในโบสถ์ กลิ่นหอมที่ดีต่อสุขภาพ กลิ่นอาหารที่บริสุทธิ์สะอาด แต่ถ้าทำตามคำแนะนำของ “ราชบุตรกลิ่นเลว” ความคิดและเซลล์ทั้งหลายก็อยากจะเกลือกกลั้วอยู่กับกลิ่นจัด ๆ เร้าอารมณ์ อยากกินอาหารที่มีกลิ่นแรง รสจัด ขาดโภชนาการ และไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่ออินทรีย์รับกลิ่นกลายเป็นทาสไปเสียแล้ว มันจะไม่สนใจอาหารธรรมดา ๆ ที่มีคุณค่าต่อร่างกาย จะหันไปติดกลิ่นเนื้อสัตว์ ขนมหวานมัน และอาหารที่จัดทำอย่างผิดธรรมชาติ ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย
กลิ่นเลวยังอาจชอบกลิ่นพิษของสิ่งเลวร้าย เช่น แอลกอฮอล์และควันบุหรี่ เมื่อความคิดและเซลล์รับกลิ่นถูกราชบุตรกลิ่นเลวทำให้หยาบกร้านด้านชา ประสาทรับกลิ่นบนโหนกที่กลางใบหน้าของมนุษย์จะทำให้ร่างกายตะกละตะกรามจนเสียสุขภาพ และจิตใจไม่สงบ ดังนั้น เราจึงควรต้องใช้ปัญญาเลือกที่จะพึ่งอินทรีย์กลิ่นหอมบริสุทธิ์ หรือเลือกทำตามคำแนะนำเลว ๆ ดังคำพูดที่ว่ากันว่าให้ “ทำตามจมูก” คือ ถ้าความรู้สึกบอกว่าถูก ก็ให้ทำไปตามนั้น
🔹ตำหนักสายนา🔹: ภายใต้การปกครองของ 'วิญญาณ' “ราชบุตรผู้เสวยอย่างถูกต้อง” จะบริหารจัดการตำหนักการรู้รส เมื่อมีธรรมชาติเป็นสิ่งชักนำ ท่านจะให้จัดทำอาหารอย่างถูกต้อง มีสารอาหารที่จำเป็น โดยเฉพาะผลไม้และผักสด ซึ่งมีรสธรรมชาติ และวิตามินไม่ถูกทำลาย อาหารธรรมชาติเหล่านี้หล่อเลี้ยงเซลล์ร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค ช่วยรักษาความเป็นหนุ่มสาวและความมีชีวิตชีวา
ภายใต้การปกครองของ 'อหังการ' “ราชบุตรตะกละ” จะสร้างความอยากอย่างผิดธรรมชาติ อยากกินอาหารที่ปรุงแต่งมากเกินไป อาหารที่เป็นอันตรายและทำลายความมีชีวิตชีวา ความคิดเกี่ยวกับรสชาติและเซลล์กายเกิดความเสียหาย อาหารไม่ย่อย และเกิดความเจ็บป่วย
ราชบุตรตะกละจะยั่วยวนมนุษย์ให้กินอาหารอย่างเกินความจำเป็น มนุษย์ส่วนใหญ่ แม้แต่เด็ก ๆ ก็ถูกรสชาติอาหารยั่วให้ละไปจากนิสัยการกินอาหารอย่างถูกต้องเพื่อปกป้องร่างกาย จึงต้องเจ็บป่วยด้วยลูกกระสุนของการไม่ย่อย เมื่อ “รอยแผล”เหล่านี้ถูกทำให้เกิดซ้ำ ๆ ก็จะกลายเป็นโรคร้ายในเวลาต่อมา เนื้อมนุษย์แต่ละปอนด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่จำเป็นจะเพิ่มภาระให้แก่หัวใจ ซึ่งต้องสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายส่วนที่ไม่จำเป็น ข้อมูลที่ได้จากบริษัทประกันชีวิต ยืนยันว่าชายหญิงที่อ้วนพุงพลุ้ยอายุไม่ยืน
ในแต่ละชั่วอายุคน ผู้คนนับล้าน ๆ พ่ายแพ้ในสงครามกับความตะกละ พวกเขามีชีวิตไม่ต่างจากนักโทษของโรคภัยไข้เจ็บ และตายก่อนวัยอันควร คนทั่วๆไปจะถูกกลืนกินโดยรสผัสสะกับความทรงจำอย่างมหาศาลที่เกี่ยวกับการกินอย่างไร้การควบคุม เมื่อนั้นแล้วนิสัยเลวอื่น ๆ ก็จะมีชัยชนะเหนือทหารดี คือเลิกใส่ใจต่อคำแนะนำที่ให้รู้จักประมาณในการกิน รู้จักเลือกอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างสมดุล และเคี้ยวอาหารอย่างถูกต้อง เป็นต้น
คนที่ปล่อยให้กองทัพความตะกละค่อย ๆ รุกรานเข้ามาในอาณาจักรการบริโภคที่ถูกต้อง จะพบว่าเขาถูกล้อมโดยกองทัพของโรคภัย เช้า เที่ยง ค่ำ เมื่ออาหารอร่อยวางอยู่ตรงหน้ามนุษย์ ราชบุตรตะกละจะยั่วให้เขาวุ่นวายใจ โดยการส่งนักสืบไปบิดเบือนอำนาจการควบคุมตัวของเขาด้วยการกระซิบว่า “วันนี้ กินอีกนิดเถอะน่า อย่าสนใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้าเลย” “ช่างมันเถอะที่ท้อง อืดเตือนเราเมื่อวาน คิดดูสิ คืนนี้อาหารอร่อยเหลือเกิน❗” “วันนี้กินก่อน พรุ่งนี้จะอย่างไรก็ช่าง ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น กังวลไปทำไมกัน”
ทุกครั้งที่ราชบุตรตะกละชนะมนุษย์ มันจะทิ้งรอยแผลจางๆไว้ที่อาณาจักรกาย รอยแผลที่รักษาไม่หาย และสุดท้ายก็ถึงความตาย
ทุกวัน ก่อนรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ผู้แสวงหาการประจักษ์แจ้งในพระเจ้าจะพูดกับตัวเองว่า “ราชบุตรตะกละกับสายลับรสชาติของมัน ต่อสู้อย่างยืดเยื้อกับราชบุตรเสวยถูกต้อง ฝ่ายไหนล่ะจะเป็นฝ่ายชนะ” ถ้ามนุษย์พบว่าฝ่ายตะกละเป็นฝ่ายชนะ เขาควรประชุมพลการควบคุมตน ฝึกจิตวิญญาณให้มีภูมิต้านทาน และบัญชากำลังพลเหล่านี้ให้แสดงตนสมเป็นชายชาติทหารต่อหน้าศัตรูตะกละ ที่รุกเข้ามาอย่างฮึกเหิมหวังจะเห็นหายนะของมนุษย์ ผู้เริ่มเข้าสู่วิถีจิตวิญญาณที่มีความจริงใจ จะไม่กินโดยไม่ทบทวนเสียก่อนว่า การกระทำของตนจะเสริมกำลังให้แก่กองทัพภายในฝ่ายใดหรือไม่ ฝ่ายหนึ่งต้องร้องไห้ ส่วนอีกฝ่ายยินดี❗ ฝ่ายหนึ่งคือมิตรของมนุษย์ ส่วนอีกฝ่ายคือศัตรู
🔹ตำหนักผุสสนา🔹: ภายใต้การปกครองของ 'วิญญาณ' กายสัมผัสหรือ “ราชบุตรผู้มีสัมผัสสงบงาม” ชอบอากาศ อาหาร และสิ่งจำเป็นแท้จริงของชีวิตที่เป็นกลาง ๆ ท่านรักแดดอุ่นและสายลมเย็น รักนิสัยที่มีความบริสุทธิ์บริบูรณ์ — กระฉับกระเฉง สะอาด ตื่นตัว และ ขยันทำการงาน — ซึ่งส่งผลให้เกิดสันติสุข ด้วยจิตที่หนักแน่นราชบุตรสัมผัสสงบงามจึงไม่หวั่นไหวไปกับความร้อนเกินไปหรือหนาวเกินไป ไม่หวั่นไหวไปกับความแข็งความอ่อน สิ่งที่ทำให้รำคาญหรือสิ่งที่ทำให้สบายใจ สิ่งที่ให้ความสบายและสิ่งที่ทำให้อึดอัด ท่านถนอมสันติสุขภายในไว้ตลอดเวลา – สันติสุขซึ่งเป็นเครื่องป้องกันความขัดแย้งและความหยาบกร้านของโลก
แต่ภายใต้การปกครองของ 'อหังการ' “ราชบุตรผู้มักมากในกาม” จะติดยึดอยู่กับความสบาย ความฟุ่มเฟือย และกามราคะ สิ่งใดที่ไม่ให้ความสบายใจจะสร้างความหงุดหงิดอย่างยิ่งให้แก่ความคิดและเซลล์ทั้งหลาย กลัวจะเจ็บปวดและกลัวการออกแรง กายหาความเพลิดเพลินจากความเกียจคร้าน ความหนืดเนือย ความมึนซึมเพราะนอนมากเกินไป ราชบุตรมักมากในกามทำให้ความคิดสับสน กระวนกระวาย และทำให้เซลล์กายไม่เป็นปกติสุข เกียจคร้าน เจ็บป่วย และ เฉื่อยชา
🔹ตำหนักวาจา🔹: ภายใต้การปกครองของ 'วิญญาณ' “ราชบุตรวาจาสัจ” กอปรด้วยเมตตา ให้ความสุขแก่เซลล์และความคิดด้วยมนต์วิเศษของถ้อยคำที่กลมกลืนและรื่นหู บทเพลงที่ปลุกปลอบวิญญาณ ถ้อยคำที่กินใจก่อให้เกิดสันติภาพ คำพูดที่เป็นความจริง ให้การศึกษาและให้แรงบันดาลใจแก่ความคิดและเซลล์ในร่างกาย เพื่อมุ่งไปสู่กิจกรรมทิพย์ที่จะยกตัวเองและผู้อื่นให้สูงขึ้น
ภายใต้การปกครองของ 'อหังการ' “ราชบุตรวาจาอสัจและโหดร้าย” จะสร้างพลังสั่นสะเทือนที่น่าเกลียดโดยพ่นไฟแห่งความไม่กลมกลืน ยิงปืนใหญ่แห่งความโหดร้าย ความโกรธหรือถ้อยคำอาฆาตแค้นใส่ปราสาทแห่งความสงบสุข มิตรภาพและ ความรัก ซึ่งเป็นโครงสร้างที่จะปกป้องความสุขกายสบายใจให้แก่ผู้อาศัยอยู่ในอาณาจักรกายนั้น
#มีพลังสร้างสรรค์อย่างมหาศาลอยู่เบื้องหลังคำพูดของผู้ที่พูดความจริงอยู่เสมอ แต่เขาต้องปรับเข้ากับจิตบริสุทธิ์ของความรู้สึก และวิญญาณแห่ง ปัญญาญาณ เพื่อจะได้รู้ตลอดเวลาว่า “อะไรคือความจริง” — คำถามที่แม้แต่พระเยซูก็ปฏิเสธที่จะตอบ เพราะทรงรู้ว่าคนที่ถามพระองค์จะไม่มีวันเข้าใจข้อเท็จจริงที่อาจทำให้เจ็บปวด อาจไม่ใช่สัจจะความจริงที่นำสิ่งดี ๆ มาให้เสมอไป ตัวอย่างเช่น ควรหลีกเลี่ยงเสียงความจริงที่ให้ผลในทางลบ คนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นจะไม่เอ่ยถึงความเจ็บป่วยของคนพิการโดยไม่จำเป็น หรือไม่พูดถึงชื่อเสียงที่น่ารังเกียจของคนพูดปด จริงอยู่มีความจริงอยู่ในถ้อยคำเหล่านั้น ที่ในสถานการณ์ธรรมดาเราอาจเอ่ยออกมาได้ แต่คนที่ชอบการทารุณและอยู่ใต้อำนาจของราชบุตรวาจาอสัจที่โหดร้าย ชอบที่จะยิงธนูใส่ส้นเท้าของอคีลิส หรือจุดอ่อนของมนุษย์ทุกคนไม่โดยวิธีใดก็วิธีหนึ่ง
ไม่ใช่เรื่องถูกต้องที่จะพูดถึงความบกพร่องของผู้อื่น ถ้าเขาไม่ได้แสวงหาคำวิจารณ์นั้น การนินทาและการปล่อยข่าวลือด้วยเจตนาร้ายก็เป็นสิ่งน่ารังเกียจเช่นกัน
เสียงเป็นพลังล้ำค่าที่พระเจ้าประทานให้มาเพื่อใช้ในการปลอบโยน ให้ความสบายใจ ให้การสั่งสอน ให้ญาณปัญญาและความรัก — น้ำทิพย์มหัศจรรย์ของเสียงสามารถลบล้างรอยมลทินทั้งปวงได้ดุจดั่งการใช้มนตร์
🔹ตำหนักหัตถา🔹: ภายใต้การปกครองของ 'วิญญาณ' อวัยวะที่ใช้ในการกระทำหรือมือ ที่นำโดย “ราชบุตรผู้จับทำแต่สิ่งสร้างสรรค์” จะยื่นออกไปเพื่อทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ ทำงานและบริการอย่างสร้างสรรค์ ทำสิ่งดีๆให้แก่ผู้อื่น เพื่อการปลอบประโลมใจและเพื่อการบำบัดรักษา ภายใต้การปกครองของ 'อหังการ' มือจะวุ่นวาย ทำสิ่งผิดๆไปอย่างอัตโนมัติ ไขว่คว้าทรัพย์สินมากขึ้นเรื่อย ๆ รับมากกว่าให้ ชอบขโมย คร่าชีวิต ใช้กำลังด้วยความโกรธหรืออาฆาตแค้น – กระทำการทุกอย่างที่ขาดความกลมกลืนและทำลายประชากรในอาณาจักรกาย “ราชบุตรมือทำลาย” อยากจะมีมือสักร้อยมือเพื่อใช้สนองความอยากได้ใคร่มีของตน ในขณะที่ราชบุตรผู้จับทำแต่สิ่งสร้างสรรค์จะสร้างโลกและสร้างอาณาจักรกายให้เป็นที่อยู่ที่ดีขึ้นได้โดยใช้เพียงแค่สองมือ
🔹ตำหนักจรา🔹: ภายใต้การปกครองของ 'วิญญาณ' อวัยวะที่ใช้ในการเคลื่อนที่หรือเท้าของมนุษย์จะแสวงหาแหล่งแห่งแรงบันดาลใจ เช่น วัด โบสถ์ พิธีกรรมทางจิตวิญญาณ สิ่งบันเทิงที่ดี ๆ สถานที่ในธรรมชาติ มวลมิตรที่ดี และคนที่น่านับถือ “ราชบุตรธรรมบาท” รักการบริหารกายองค์รวม เพื่อเสริมพลังให้แก่ประชากรเซลล์ในร่างกาย และไม่เคยหนีหน้าที่ที่จะกระตุ้นให้ “ราชบุตรผู้ทรงธรรม” ท่านอื่นๆได้เคลื่อนไหวเท่าที่จำเป็น
ภายใต้การปกครองของ 'อหังการราชา' ก้าวย่างของกายจะเร่งไปสู่สถานที่สนุกสุดอันตราย เช่น บ่อนการพนัน บาร์ ร้านเหล้า ภาพยนตร์ที่ปลุกเร้าอารมณ์ และสู่เพื่อนเลว ๆ อันธพาล คนที่มีแต่ความวอกแวก “ราชบุตรอธรรมบาท” มักจะขี้เกียจ เชื่องซึม เมื่อพลังการขับเคลื่อนไม่ขยับ ประชากรกาย และราชบุตรองค์อื่น ๆ ก็พลอยปฏิเสธการเคลื่อนไหวไปด้วย
🔹ตำหนักวายุคูถา🔹: ภายใต้การปกครองของ 'วิญญาณ' “ราชบุตรอนามัยบริสุทธิ์” จะดูแลให้กล้ามเนื้อขับถ่ายทั้งหลายทำหน้าที่อย่างเหมาะสม เพื่อขจัดพิษออกจากระบบ ภายใต้การปกครองของ 'อหังการ' “ราชบุตรเก็บพิษ” จะเงื่องหงอย กล้ามเนื้อและอวัยวะที่เคยทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งจะอ่อนแอ เกิดโรค เก็บพิษไว้ให้ติดเชื้อแก่อาณาจักรกาย
🔹ตำหนักคุยหา🔹: ภายใต้การปกครองของ 'วิญญาณ' “ราชบุตรแรงกระตุ้นสร้างสรรค์” จะนำความโน้มเอียงทางเพศไปในวิถีที่ถูกต้อง และกฎแห่งการดึงดูดจะส่งเสริมพ่อแม่ให้นำมนุษย์ผู้มีวิญญาณประเสริฐเหมือนตนมาสู่โลก วิญญาณซึ่ง ข้องอยู่กับวัตถุจะได้แรงดลใจให้ก้าวไปตามรอยเท้าบิดามารดาสู่ความเป็นทิพย์ทางจิตวิญญาณ
ภายใต้การนำของ 'วิญญาณ' แรงกระตุ้นทางเพศในมนุษย์อาจเปลี่ยนเป็นการสร้างสรรค์ (ในระนาบแห่งจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์) ความคิดที่ประเสริฐ งานศิลปะชิ้นเอก หนังสือที่ปฏิวัติวิญญาณมนุษย์
ภายใต้การปกครองของ 'อหังการ' “ราชบุตรมักมากในกาม” ใช้ชีวิตอย่างไม่ควบคุมความใคร่ อาณาจักรกายจะตื่นเต้น กระวนกระวายเพราะเนื้อร้ายของความใคร่ทางเพศ ตัณหาไม่รู้อิ่มจะถูกถ่ายทอดไปสู่ประชากรการคิด ทำให้พวกมันเป็นทาสของกิเลสกาม เป็นข้าของความเจ้าอารมณ์ ความซึมเศร้า ความหงุดหงิด ประชากรเซลล์จะทุกข์ทรมานด้วยอาการอ่อนเพลีย สุขภาพเสื่อมโทรม แก่และตายก่อนวัยอันควร
(มีต่อ)
บันทึก
2
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ภควัทคีตา เล่ม 1 บทที่ 1
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย