22 ก.พ. 2021 เวลา 10:49 • ประวัติศาสตร์
พ.ศ. 2328
ภายหลังการจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเป็นปกติสุขจากการเสียราชธานีกรุงศรีอยุธยา ศึกสงครามกับพม่าเเละการเมืองภายในช่วงเปลี่ยนผ่านเเผ่นดินธนบุรี ก็ถึงเวลาเเห่งการเฉลิมฉลองสมโภชพระนครเเห่งใหม่ ที่ชนชาวสยามทุกคนร่วมเเรงร่วมใจกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจเเห่งใหม่ของราชธานีสยาม
โดยมีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เเละสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงเป็นหลักชัยนำเเผ่นดินเพื่อสืบสานความเจริญรุ่งเรืองเเห่งชนชาวสยาม
"ตั้งใจจะอุปถัมภก
ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา
รักษาประชาชนเเลมนตรี"
1
ทรงมีพระราชปณิธานเเน่วเเน่ที่จะปกป้องบ้านเมือง ศาสนา เเละผู้คนชาวสยามให้ปลอดภัยอยู่เย็นเป็นสุข เป็นสัญญาที่ทรงให้ไว้เเก่ปวงชนชาวเราในห้วงเวลานั้นเเห่งการสถาปนากรุงใหม่
ทรงโปรดให้รื้ออิฐกำเเพงจากกรุงเก่าที่ยังมีสภาพพอใช้การได้อย่างมากมายให้มาสร้างกรุงราชธานีเเห่งใหม่ เพื่อเป็นการสืบต่อลมหายใจของราชธานีกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดให้ตั้งชื่อ ถนนหนทาง คลอง ต่างๆ ให้เหมือนดังเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีที่มีความวิจิตรรุ่งเรือง
เเละเพื่อเป็นการเรียกขวัญกำลังใจผู้คนให้มีความหวังเเละความภาคภูมิใจในเผ่าพงศ์ของตนเองที่สามารถกู้ศักดิ์ศรีเเห่งชนชาวเรากลับมาได้อีกครั้งภายหลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาเเก่พม่า
เเละได้ทรงจัดรูปเเบบการปกครองบ้านเมือง สร้างปราสาทราชวัง ตรากฏหมายสามดวงเพื่อบังคับใช้กฏหมายในราชอาณาจักร ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา จัดสรรที่ดินทำมาหากินเเละอยู่อาศัยให้เเก่ราษฎร
ทรงพระราชทานนามพระนครเเห่งใหม่นี้ว่า
"กรุงเทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ ราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์ มหาสถาน อมรพิมาน อวตารสถิต สักกะทัตติยะ วิษณุกรรมประสิทธิ์"
ช่วงเวลาเเห่งการเฉลิมฉลองพระนครเเห่งใหม่เต็มไปด้วยความรื่นเริงมีความสุขสนุกสนานร่วมกันทั้งฝ่ายเจ้านายเเละราษฎร มีการละเล่นมากมายทั้งวันทั้งคืนอย่างสนุกสนาน ทุกคนบนเเผ่นดินใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุขอย่างไม่เคยเกิดขึ้นเเบบนี้มานานมากเเล้ว
ชาวสยามเราภาคภูมิใจที่สามารถกลับมายืนในจุดเดิมอย่างสง่างาม ประกาศความเป็นไท ว่าเราไม่เคยก้มหัวให้เเก่อริราชศัตรู พวกเราคนไทยในสมัยนั้นร่วมเเรงร่วมใจกัน เพื่อให้มีเเผ่นดินเเละศักดิ์ศรีไทย เสียเลือดเนื้อชีวิตกันไปมากมายเราไม่ว่า ขอเพียงเเผ่นดินนี้ยังเป็นของพวกเรา บ้านเมืองที่ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่นี้จะเป็นที่อยู่อาศัยไปชั่วลูกสืบหลานตลอดกาลนาน
"เเต่วันคืนเเห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ"
เมื่อกองลาดตระเวนข่าวบริเวณชายเเดนจากด่านพระเจดีย์สามองค์ เร่งฝีเท้าม้ามาทั้งวันทั้งคืน เร่งนำข่าวการศึกถวายเเก่องค์อุปราชวังหน้า ณ พระราชวังบวรสถานมงคล
"พระเจ้าปะดุงเเห่งพม่า ณ เวลานี้ได้ทรงปราบปรามบ้านเมืองพม่าทั้งหมดอย่างราบคาบเเล้ว ทรงเตรียมการยกกองทัพขนาดใหญ่เข้าตีกรุงเทพมหานคร หวังบดขยี้พระนครเเห่งใหม่ของชาวสยามไม่ให้คืนคงเป็นราชธานี ทัพที่ยกมาในคราวนี้มีจำนวน 9 ทัพ มีจำนวนไพร่พลข้าศึกทั้งสิ้น 144,000 คน"
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท เมื่อได้ทรงอ่านใบรายงานข่าวการศึกเเล้ว ทรงกำพระหัตถ์เเน่นเเละทรงออกพระโอษฐ์ว่า
"อ้ายชาติทมิฬมันเที่ยวล้างขอบขัณฑ์เค้าไปทั่วพารา"
ภาพเพลิงนรกเผาผลาญกรุงศรีอยุธยา ราษฎรที่ไม่มีทางสู้ถูกฆ่าตายอย่างไร้ความปรานี ผู้หญิงถูกข่มขืนเเละฆ่าทิ้ง ปราสาทราชวังที่สวยงามวิจิตรตระการตาที่เป็นดังสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรเเละบ้านเรือนราษฎรถูกข้าศึกเผาทำลายสิ้นซาก
1
เจ้านายหลายพระองค์เเละราษฎรถูกใส่โซ่ลากตรวนจับไปกรุงอังวะ ญาติพ่อเเม่พี่น้องพลัดพรากจากกันด้วยภัยสงคราม บ้านเมืองปกคลุมไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเเละน้ำตาท่วมนองเเผ่นดิน เเสงสีเเดงเพลิงในค่ำคืนเเดงฉานสว่างเช่นกลางวัน
ภาพจำเหล่านั้นยังประทับจิตฝังเเน่นไม่เคยเลือนหายจากใจของพระองค์ท่านเเม้เวลาจะผ่านมานานถึง 18 ปีเเล้วก็ตาม ท่านผู้เป็นประจักษ์พยานเพียงไม่กี่คนในค่ำคืนเเห่งการเสียกรุงศรีอยุธยาเเละสามารถหนีรอดออกมาได้ในคราวนั้น
ทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์ในชุดจอมทัพเเละทรงม้าเร็วออกจากพระราชวังบวรสถานมงคลเร่งเข้าพบปรึกษาข้อราชการงานศึกกับสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าผู้เชษฐาที่พระราชวังหลวงเป็นการด่วน
ในศึกครั้งสำคัญที่จะตัดสินอนาคตว่าราชธานีเเห่งใหม่ที่ชนชาวสยามอุตสาหะร่วมกันสร้างเเละกอบกู้ขึ้นมาใหม่ในคราวนี้นั้นจะอยู่รอดหรือดับสูญไปตลอดกาล...............

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา