25 ก.พ. 2021 เวลา 05:19 • นิยาย เรื่องสั้น
ผมเองได้ประสบพบเจอกับความซวยมาตั้งแต่ต้นปี2020 ปีแห่งความฉิบหาย เหมือนกับคนอื่นๆ
ตั้งแต่
เจอโควิด ไม่ได้กลับบ้าน7เดือนกว่า
มีปัญหากับที่ทำงาน
ผู้หญิงที่คุยด้วยเททิ้ง
ซ้อมโขนมาดีๆต้องหยุดกระทันหัน
ย้ายมากัมพูชา 3เดือนแรกปรับตัวไม่ได้เลย
แต่หลังๆมานี่ก็เริ่มดีขึ้น ไม่รู้ว่า เพราะดวงมันดีขึ้น หรือเราปรับตัวได้จนชินไปแล้ว
แต่บางคนนี่เลวร้ายกว่าผมนัก
ตั้งแต่
ตกงาน
ติดโรค
รายได้หดหาย
บางคนถึงกับต้องฆ่าตัวตาย
แต่ยังไงก็ตามเรายังคงมีกันและครับ เราจะจับมือฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน
ความซวยเหล่านี้มันทำให้ผมนึกถึงใครคนหนึ่ง
ผมอยากให้นิยามเขาว่า เป็น"บุรุษผู้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความซวย"จริงๆเลย แต่ใครคนนั้นโชคร้ายกว่าผมมาก เขาไม่ใช่ ไบรอันเดอะซวย ที่เป็นมีมในเฟซบุ๊ก ในยุคหนึ่งหรอกนะ อันนั้นเขาคงทำเล่นๆ
แต่อันนี้ซวยจริง และซวยฉิบหายด้วย
เขาชื่อ"กรรณะ"
กรรณะ (Karna /कर्ण) หรือ ราธียะ(राधेय) เป็นตัวละครเอกที่มีบทบาทมากที่สุดในมหาภารตะอีกคนหนึ่ง การจะกล่าวถึงกรรณะต้องท้าวความไปที่รุ่นแม่ก่อน
กรรณะมีบิดาคือ พระอาทิตย์ มารดาคือพระนางกุนตี เดี๋ยวจะบ่นให้ฟัง
ครั้งหนึ่ง ท้าวศูรเสน ชาวยาทพ(ต้นตระกูลของพระกฤษณะ) มีพระธิดานามว่า ปฤถา ต่อมา ท้าวกุนติโภช แห่งแคว้นกุนตี ได้มาขอนางไปเป็นบุตรบุญธรรมและเปลี่ยนชื่อจากปฤถาเป็นกุนตี
วันหนึ่ง ฤๅษีทุรวาส (นักสาปอันดับ1) ได้มาที่แคว้นกุนตี ซึ่งเรารู้กิตติศัพท์ท่านดีว่า ไม่พอใจอะไรก็
"ฉันจะสาป ให้เธอเสียใจไม่ต่างจากฉัน"
เพราะแกเกิดมาจากโทสะของพระศิวะด้วยแหละ กุนตีอาสาปรนนิบัติดูแล ฤๅษีทุรวาส โดยปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนแกพอใจ และให้พรว่า สามารถอัญเชิญเทพมาประทานบุตรได้ แล้วฤๅษีทุรวาสก็ออกเดินทางต่อไป
กุนตีในวัย16ปี ยังไม่เคยผ่านมือชายใดๆมาก่อนเลย ดันเกิดนึกสนุก เจ๊แกตัดสินใจท่องมนต์อัญเชิญเทพมาประทานบุตร โดยขอพรจาก สูรยะเทพ(สุริยะเทพ/พระอาทิตย์) แล้วท่านก็ดันมาจริงๆ แล้วก็ประทานพลังบางส่วนให้เกิดเป็นทารก ทารกผู้นี้วิเศษยิ่งนัก น้องเกิดมาพร้อม เกราะและต่างหูสีทอง ซึ่งมันไม่ใช่เครื่องประดับ แต่มันเป็นอวัยวะที่33-34ของน้องเลยก็ว่าได้
1
งามไส้ละ กุนตีถึงกับหน้าเสีย ผัวก็ยังไม่มีนี่กูมีลูกแล้วเหรอวะ เอาไงดีๆๆๆๆ ยังดีที่พระอาทิตย์ก็ประทานพรให้การขอบุตรจากเทพจะยังทำให้กุนตียังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่
แต่เด็กมันเกิดมาแล้วอ่ะ ทำไงได้ ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนเจ๊แกไปขอความช่วยเหลือจากฤๅษีทุรวาส
แต่แกตอบกลับมาว่า
"พรเหล่านี้ไม่ใช่ของเล่น ใช่ว่าจะท่องเล่นๆได้ เพราะเป็นการอัญเชิญเทพ เจ้าต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง"
กุนตีไม่รู้จะทำยังไง เลยตัดสินใจ เอาบุตรใส่ในตะกร้าหวายและรองด้วยผ้าไหมอย่างดี พร้อมอธิษฐานให้ทารกน้อยปลอดภัย แล้วก็ลอยน้ำไป เด็กทารกคนนี้แหละครับคือกรรณะ เห็นไหมว่าเกิดมาเขาก็ซวยตั้งแต่เกิดเลย นึกว่าโมเสส เกิดมาแม่ก็เอาใส่ตะกร้าลอยน้ำ ยังดีที่พระอาทิตย์ให้พรว่า กรรณะจะเติบโตขึ้นเป็นนักรบผู้มีฝีมือเก่งกล้าและจะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมมากที่สุดคนหนึ่ง
กุนตีได้แต่ร้องไห้ให้เสียใจในความผิดพลาดของตัวเอง ถ้าวันนั้นไม่นึกสนุกวันนี้คงไม่ต้องเอาลูกมาลอยน้ำ เด็กน้อยลอยไปจนถึงกรุง"หัสตินาปุระ" คุ้นๆไหมครับ เพลานั้น ท้าวปาณฑุ หลานลุงของปู่ภีษมะ(จ้าวเก่า)เป็นกษัตริย์ปกครอฝเมืองนี้
 
แต่เดี๋ยวก่อน!!
ไม่ใช่พี่ปาณฑุหรอกครับที่เก็บได้ เด็กน้อยคนนี้ไม่ได้โชคดีอย่างโมเสส
1
เพราะคนที่เก็บได้คือ นางราธา ภรรยาของ อธิรถสารถี ผู้ขับรถม้าของท้าวปาณฑุ ซึ่งทั้งคู่อยู่ในวรรณะ ศูทร วรรณะข้ารับใช้ในศาสนาพราหมณ์ ซวยที่สองเลย กรรณะเกิดในวรรณะกษัตริย์แต่ต้องมาเป็นคนวรรณะศูทร คงจะเป็นเพราะกรรม หรือสวรรค์แกล้งแต่ทั้งคู่ก็ตั้งใจเลี้ยงดูกรรณะเป็นอย่างดี (จึงเป็นที่มาของชื่อ ราธียะ แปลว่า บุตรของนางราธา)
1
พักเรื่องกรรณะแป๊บนึงนะ
ส่วนพระนางกุนตี แม่แท้ๆเวลาต่อมาก็มาอภิเษกสมรสกับท้าวปาณฑุ วันหนึ่งท้าวปาณฑุเสด็จออกประพาสป่าล่าสัตว์ แล้วไปยิงฤๅษีกินทมะ(นึกว่ากินทามะ) ที่แปลงร่างเป็นกวางและสมสู่กับภรรยาที่เป็นกวางเช่นกัน (ใครจะไปรู้วะ ว่าเป็นฤๅษีปลอมตัวมา) ฤๅษีสาปไว้ว่า "ยามใดที่ท่านมีสัมพันธ์ทางกาย(Sex)กับผู้หญิง ท่านจะต้องตาย"
พี่ปาณฑุอ้อนวอนอย่างไรแกก็ไม่ยอม
จนฤๅษีแกขาดใจตายพร้อมภรรยา ท้าวปาณฑุจึงตัดสินใจสละราชบัลลังก์ให้ ธฤตราษฎร์ พี่ชายผู้ตาบอดขึ้นเป็นกษัตริย์แทน ท้าวปาณฑุกับพระนางกุนตีและพระนางมาทรีมเหสีรองก็ออกบวชไปใช้ชีวิตในป่า ระหว่างนั้นกุนตีได้ใช้พรนี้ให้กำเนิดทารกอีก3คนแก่ท้าวปาณฑุคือ ยุธิษฐิระ(บุตรพระยมราช) ภีมะ(บุตรพระพาย) และ อรชุน(บุตรพระอินทร์) แถมยังให้เทพอัศวินเทพฝาแฝดสองพระองค์ประทานบุตรแก่พระนางมาทรีด้วย คือ นกุล และ สหเทพ
เจ้าชายทั้งห้าเรียกว่า ปาณฑพ แปลว่า บุตรแห่งปาณฑุ ต่อมา ท้าวปาณฑุทนไม่ไหวได้มีสัมพันธ์กับพระนางมาทรี ทำให้ตายคู่เสียดื้อๆ พระนางกุนตีจึงพาทั้งห้ากลับนครหัสตินาปุระ
3
เหตุการณ์นี้ทับซ้อนกับช่วงที่กรรณะกำลังเติบโต
จนวันหนึ่งกรรณะที่เติบโตเป็นหนุ่มก็ปรารถนาจะเรียนวิชาธนูจากยอดฝีมือ ซึ่ง หนึ่งในยุคนั้นก็คือ
1
"โทรณาจารย์"ราชครูผู้ยิ่งใหญ่แห่งหัสตินาปุระ
และ
"กฤปาจารย์"(พี่เขยของโทรณะ)
แต่อ.โทรณะ ปฏิเสธเพราะแกสอนแต่วรรณะกษัตริย์เท่านั้น กรรณะจึงจำใจไปหาเอาข้างหน้า ซวยที่สาม มาถึงที่ครูไม่สอนเฉย
แต่กรรณะไม่ลดละความพยายาม เขาตามหาอาจารย์ผู้ที่จะยอมสอนเขาได้
กรรณะออกร่อนเร่พเนจรไป เหมือนนกไพร ไร้พงพนา ไม่ได้จับไถเลยไปจับปลา ไม่ได้ทำนาเลยมาทำเรือตังเก
จนกระทั่งมาเจอ
"ภควาจารย์ปรศุราม"
บุรุษผู้นี้ ถ้าหากใครศึกษาปกรณัมในเรื่องของพระนารายณ์อวตารของอินเดีย เขาคือคนที่ฆ่าล้างวรรณะกษัตริย์ในแดนภารตะ และเขาเกลียดวรรณะกษัตริย์มาก (แต่แปลกแฮะ สอนปู่ภีฯทั้งที่เป็นวรรณะกษัตริย์ได้ แต่อาจตีความได้ว่าปู่ภีฯไปหาเขาในฐานะบุตรพระแม่คงคามากกว่า)
กรรณะจึงโกหกว่าตนเป็นพราหมณ์ ปรศุรามจึงดูแลอบรมสั่งสอนกรรณะเป็นอย่างดีราวกับเป็นลูกตัวเอง กรรณะเฝ้าเรียนวิชาอยู่หลายปี และดูแลปรนนิบัติอาจารย์มิได้ขาด
แต่ความลับมันไม่มีในโลกครับ
วันหนึ่ง ปรศุรามบ่นว่าเมื่อยเหลือเกิน กรรณะจึงให้เขานอนหนุนตัก สักพักแกก็หลับไป จังหวะนั้นเอง มีแมลงตัวหนึ่งบินมากัดหน้าขาของกรรณะเข้าอย่างแรงและขยันย้ำกัดอยู่แบบนั้นจนเลือดออก(แมลงรึหมาวะ?) แต่กรรณะสู้อดทนต่อความเจ็บปวดเพราะไม่อยากรบกวนปรศุราม จนเลือดมันกระเด็นโดนหน้าแก แกเลยตื่นขึ้น และรู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เมื่อเห็นเหตุการณ์ แกจึงคิดได้ว่าการอดทนต่อความเจ็บปวดได้นานขนาดนี้ไม่ใช่ลักษณะของคนวรรณะพราหมณ์ แต่เป็นวรรณะกษัตริย์ จึงพยายามเปิดปากกกรรณะ เขาจึงยอมรับสารภาพว่าตนเป็นวรรณะศูทร ปรศุรามก็เกิดอาการนกหวีดขึ้นหัว อยู่กันมาได้ตั้งนานหลอกกันนี่หว่า แกเลยสาปให้
กรรณะให้อาจารย์นอนหนุนตักพักผ่อน
"ในยามที่ชีวิตมึงอยู่ในจุดที่คับขันที่สุด จะตายแหล่มิตายแหล่ มึงจะต้องลืมวิชาทั้งหมดที่เคยเรียนมา ในยามที่มึงต้องการจะใช้มันจริงๆ มึงจะนึกไม่ออกและใช้ไม่ได้"
บางสำนวนว่า ปรศุรามไม่ได้โมโหเกลียดที่กรรณะเป็นวรรณะอื่น แต่แค่รับไม่ได้ที่กรรณะปลอมตัวมาหลอก แทนที่จะบอกกันตั้งกะแรก แกจะได้หาอาจารย์ที่เหมาะสมให้
กรรณะก็น้ำตาแตก ต้องเดินคอตกกลับบ้านไป
ซวยที่สี่ เจ็บตัวไม่พอ ยังโดนสาปอีก โถ่ ชีวิตบัดซบ
เวลาต่อมาขณะกำลังกลับบ้าน กรรณะได้เผอิญได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ด้วยสัญชาตญาณเขาเข้าใจว่ามันอาจเป็นสัตว์ร้ายจึงคว้าธนูยิงทันที
แต่ขอโทษ ซวยอีกแล้ว ที่ยิงไปโดนไม่ใช่สัตว์ร้าย มันเป็นวัวของพราหมณ์คนหนึ่ง เจ้าของวัวมาเจอก็ด่าชุดใหญ่ ซ้ำยังสาปทับไปอีกว่า
"ยามเมื่อมึงสู้กับศัตรู รถศึกของมึงจะต้องติดหล่มทำให้รบต่อไม่ได้และมึงจะถูกศัตรูของมึงฆ่าในเวลาที่มึงไม่ทันตั้งตัวเหมือนกับที่ทำกับวัวกู"
ซวยที่ห้า โดนคนกำลังโมโหสาปทับอีก
หลังจากเจ้าชายปาณฑพและเจ้าชายเการพเติบโตและได้มีงานแสดงการฝีมือการต่อสู้ต่อสาธารณชนประกาศความยิ่งใหญ่ของเจ้าชาย
ในเรื่องการยิงธนูไม่มีใครเกินเจ้าชายอรชุน แต่ตอนนั้น กรรณะ ที่เวลานั้นเป็นใครก็ไม่รู้เข้ามาท้าอรชุนแข่งธนูแถมยังยิงได้ดีทัดเทียมกัน ทีนี้ทุกๆคนต่างก็สงสัยว่า ไอ้หมอนี่มายังไง จึงมีคนขอให้แนะนำตัว กรรณะรู้สึกอายที่ตนเองเป็นศูทร แต่ก็จำใจบอกความจริง เท่านั้นละ เสียงโห่ไล่มาเต็ม บางคนก็หัวเราะ เพราะพิธีต้องเป็นวรรณะกษัตริย์เท่านั้นถึงจะเข้าร่วมได้
ซวยที่หกโดนดูหมิ่นเหยียดหยามไล่ตะเพิดต่อหน้าคนเป็นพันๆหมื่นๆ(ซึ่งผมเองก็เคยโดน บอกตรงๆโคตรแย่อ่ะตอนนั้น)
แต่ท่ามกลางการดูหมิ่นเหยียดหยามนั้น ใครคนหนึ่ง ได้ออกมาร้องห้ามว่า "การดูหมิ่นเหยียดหยามนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เขามีความสามารถจะเป็นวรรณะใดก็ไม่สำคัญ จงหยุดการเหยียดหยามมนุษย์เราก็เหมือนสายน้ำ เราเลือกต้นกำเนิดมิได้ดอก"
มันเกือบจะดีละถ้าผู้นั้นไม่ใช่ "ทุรโยธน์" ตัวโกงของเรื่อง ทุรโยธน์กล่าวปลอบใจกรรณะพร้อมกับให้กรรณะเป็นราชาแห่งแคว้นอังคะที่อยู่ภายใต้การปกครองของหัสตินาปุระอีกด้วย นี่คงจะเป็นโชคดีเพียงไม่กี่ครั้งของกรรณะ
บางคนกล่าวว่าการที่ทุรโยธน์ดึงตัวกรรณะมา เป็นพวก อาจไม่ใช่เป็นเพราะน้ำใจงาม แต่เป็นเพราะทุรโยธน์รู้แล้วว่ากรรณะก็เกลียดชังพวกปาณฑพไม่ได้ต่างจากตนจึงเอามาเป็นพวกดีกว่า และทุรโยธน์ก็คอยช่วยเหลือกรรณะในยามลำบากต่างๆ จนกรรณะมีชีวิตที่ดีขึ้นจนทั้งสองได้เป็นเพื่อนรักกัน โดยระหว่างที่ทุรโยธน์ขยายอาณาจักร กรรณะก็ออกรบเคียงข้างด้วยเสมอ จะเห็นได้ว่ามิตรภาพของทั้งสองคนนั้นแน่นแฟ้นมาก
(ขวา) ทุรโยธน์ (ซ้าย)กรรณะ
ในวันที่กรรณะได้เป็นราชาแห่งแคว้นอังคะ กรรณะปฏิญาณตนว่า ทุกเที่ยงวันตอนบูชาสุริยะเทพ เขาจะบริจาคทานเสมอๆ ผู้ที่มารับทาน ไม่มีใครกลับบ้านมือเปล่าเลย และด้วยความใจบุญนี้ทำให้ประชาชนต่างก็เคารพรักกรรณะมาก
เวลาต่อมา แคว้นปัญจาละ ได้มีพิธีสยุมพรเจ้าหญิงเทราปตี(อ่านว่า ทะ-เรา-ปะ-ตี) เจ้าชายเมืองต่างๆ ก็มากันให้ควั่ก โดยอรชุนเองก็คือผู้ที่ผ่านการทดสอบโดยการยกธนูคานฑีวะยิงธนูใส่ตาหุ่นปลาบนฟ้าโดยเล็งจากเงาในน้ำ(ยากขนาดนี้ใครจะทำได้วะ บางคนแค่ยกธนูยังไม่ขึ้นเลย) แต่กรรณะเองก็คิดว่าตนนั้นทำได้ จึงป่าวประกาศออกไปและเดินไปกลางลานพร้อมยิงธนูได้แบบเดียวกับอรชุน พระนางเทราปตีก็เหยียดหยามว่ากรรณะเป็นแค่วรรณะศูทร ไม่คู่ควรกับตนแน่นอน ทั้งๆที่กรรณะตอนนั้นก็เป็นกษัตริย์แล้ว เหตุการณ์นี้ทำให้กรรณะผูกใจเจ็บพระนางเทราปตีตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาทั้งสองไม่ถูกชะตากันเลย(ทั้งๆที่จริงแล้วเทราปตีก็แอบมีใจให้กรรณะแต่พอรู้วรรณะปั๊บก็ขอบาย)
2
หลายๆครั้งที่ทุรโยธน์พยายามจะทำชั่วกับปาณฑพแต่ก็ถูกห้ามโดยกรรณะ เพราะเขาต้องการให้การแก้แค้นเป็นธรรมมากที่สุด
"ข้าปรารถนาจะชนะศัตรู ด้วยความเสมอภาค และปัญหา หาด้วยเล่ห์กลเพทุบายใดๆ" นั่นคือความตั้งใจของเขา
แต่มันมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ไม่ห้าม
นั่นคือตอนที่ทุรโยธน์ท้ายุธิษฐิระมาเล่นสกา(เจาศร)กับลุงศกุนิ ซึ่งพี่ยุธิษฐิระ แพ้ราบคาบราวกับเล่นพนันออนไลน์จนเสียทุกอย่างแม้แต่เทราปตี แม้แต่ตอน"ทุหศาสัน" พยายามเปลื้องผ้าส่าหรีของนาง กรรณะก็ไม่ห้าม (โชคดีที่ตาสันแกดึงจนเป็นลมผ้าก็ออกไม่หมดเพราะพระกฤษณะแอบช่วยไว้)
จะเห็นได้ว่ากรรณะเองแม้จะเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งกว่าใครในหมู่เการพ แต่ก็ยังมีความชั่วอยู่ในใจ
ระหว่างที่เหล่าปาณฑพ โดนเนรเทศ กรรณะก็ช่วยทุรโยธน์ขยายดินแดน จนชื่อเสียงเกรียงไกร
จนวันหนึ่งก่อนสงครามกุรุเกษตรจะอุบัติขึ้นถ้าผมจำไม่ผิด สุริยะเทพได้แปลงร่างลงมาเตือนกรรณะว่า หากมีคนมาขอบริจาคเกราะและต่างหู จงอย่ายกให้ เพราะนั่นคือพระอินทร์ บิดาของอรชุนจะมาตัดกำลัง เพราะหากกรรณะมีบัฟนี้อยู่ อรชุนไม่น่าจะชนะกรรณะได้แน่ๆ แต่กรรณะตอบกลับไปว่า ได้ปฏิญาณตนไว้แล้วว่าจะไม่ปฏิเสธการบริจาคทาน สุริยะเทพยอมใจในความใจบุญของลูกชาย จึงบอกกรรณะว่าถ้าพระอินทร์มาจริงๆให้ขอของสิ่งอื่นเป็นข้อแลกเปลี่ยน
ต่อมา ขณะที่กรรณะกำลังจะไปอาบน้ำ ก็มีพราหมณ์มาขอบริจาคเกราะและต่างหูจริงๆ กรรณะก็กระชากเอาเกราะและต่างหูออกมาด้วยความเจ็บปวด ด้วยความที่เกราะและต่างหูเป็นเสมือนหนึ่งอวัยวะของเขา ส่งผลให้เกิดแผลขนาดใหญ่จนเลือดอาบตัว พระอินทร์ก็ใจไม่ดี ไม่คิดว่ากรรณะจะบ้าจี้ขนาดนี้จึงคืนร่างและยินดีจะมอบอาวุธให้กรรณะ
โดยเขาขอหอกวาศวีศักติที่มีฤทธานุภาพแทงใครก็ตายทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข แต่หอกนี้ใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น และกรรณะมั่นใจว่าจะใช้กับอรชุนศัตรูคู่อาฆาตให้จงได้
ซวยที่เจ็ดต้องถอดเกราะที่เปรียบเสมือนอวัยวะออกเป็นทานเจ็บน่าดูชม
เมื่อเรื่องมันบานปลายเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ พระนางกุนตีที่ทราบว่ากรรณะคือลูกคนแรกของตนที่เอาใส่ตะกร้าลอยน้ำไปมาสักพักใหญ่ๆแล้ว จึงไปพบกรรณะที่ค่ายฝ่ายเการพ แล้วเปิดเผยว่า แท้จริงแล้วกรรณะเป็นลูกของนาง กรรณะถือเป็นพี่ชายคนโตของเหล่าปาณฑพ ย้ายฝั่งเถอะ แม่ไม่อยากเห็นพี่น้องฆ่ากัน แต่กรรณะอยากจะตอบแทนทุรโยธน์ไม่อยากเนรคุณจึงยืนยันว่าจะไม่ย้ายข้างแน่นอน แต่ก็ขอให้คำสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายแก่พี่น้องปาณฑพเลย ยกเว้นอรชุน ก่อนจากกัน กรรณะขอกอดแม่หนุนตักแม่ที่แท้จริงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะแยกจากกันด้วยความเศร้าโศกเอ่อล้นหัวใจ
และแล้วมหาสงครามทุ่งกุรุเกษตรก็มาถึง ในช่วงแรกภีษมะไม่อนุญาตให้กรรณะเข้าร่วมรบ กรรณะก็บอกว่า"ไม่เป็นไร ตราบใดที่ในกองทัพเการพ มีไอ้เฒ่านี่อยู่ข้าก็จะไม่ร่วมรบเด็ดขาด"
จนกระทั่งวันที่ปู่ภีษมะถูกยิงตกรถศึก กรรณะจึงได้มาเข้าร่วมรบ
กรรณะเข้าร่วมสงครามทุ่งกุรุเกษตร
โดยระหว่างนี้ โทรณาจารย์ก็เป็นประธานเสนาบดี(แม่ทัพใหญ่)ฝ่ายเการพแทนปู่ภีฯ เรียกได้ว่าแม้จะเสียเกราะและต่างหูแต่กรรณะก็ยังรบได้อย่างกล้าหาญและเก่งกาจเกือบเทียบได้กับปู่ภีฯ ระหว่างนั้นกรรณะก็มีโอกาสได้ปะทะกับพี่น้องปาณฑพแต่เขาก็ไว้ชีวิตทุกคน ยกเว้นอรชุนจนกระทั่งวันที่14 พระกฤษณะออกอุบายให้ "ฆโตฏ์กัจ" บุตรของภีมะ กับ รากษสีหิฎิมพี ไปรบขัดตาทัพกับกรรณะเพื่อหลอกล่อให้กรรณะเอาหอกศักติมาใช้ ฆโตฏกัจนั้นมีฤทธิ์ร้ายกาจมากเพราะสามารถสังหาร "อรัมภูษะ"ยักษ์ฝ่ายเการพได้ การรบมันล่วงเลยมาถึงตอนกลางคืนซึ่งผิดกฎสงคราม แต่มันละทิ้งไม่ได้จริงๆ ในตอนกลางคืนพลังของฆโตฏ์กัจจะเพิ่มมากขึ้น เขาขยายร่างใหญ่โตวิ่งเข้ากระทืบกรรณะ กรรณะก็ต่อสู้กับฆโตฏ์กัจอย่างดุเดือด แต่ฆโตฏ์กัจนั้นเก่งมากจนกรรณะก็เอาไม่ลง จึงจำเป็นต้องงัดไม้ตายคือหอกศักติมาใช้ เขาเอาหอกพุ่งใส่รากษสร่างใหญ่โตเท่าภูเขาทันที ฉับพลัน ฆโตฏ์กัจก็เสียชีวิต แต่การตายของพี่เบิ้ม ก็ยังคงทำประโยชน์ให้ฝ่ายปาณฑพเพราะพี่แกล้มไปทับฝ่ายเการพล้มตายตามไปมากมาย
ซวยที่แปด อาวุธที่จะใข้ฆ่าศัตรูคู่อาฆาตดันต้องเอามาฆ่าหลานของมันแทน
เพลานี้กรรณะจึงหมดอาวุธที่จะใช้ต่อกรกับอรชุน ศัตรูคู่อาฆาตตลอดกาลแล้ว
1
ฆโตฏ์กัจ รบ กรรณะ
วันที่16กรรณะมีโอกาสขึ้นเป็นประธานเสนาบดีต่อจากโทรณาจารย์เพราะเพิ่งถูกสังหารไป
แต่แล้ววันที่17
ดาวประจำตัวกรรณะก็ถึงคราวอับแสงและร่วงหล่นลง กรรณะได้ปะทะกับอรชุนอย่างดุเดือด ทั้งสองต่อสู้กันยาวนานมากและต่างฝ่ายต่างก็ประเคนลูกศรใส่กันอย่างไม่ลดละ
แต่แล้วคำสาปของเจ้าของวัวก็ทำงาน รถศึกของกรรณะเกิดตกหล่มพอดี
เขาจึงลงมายกล้อรถขึ้น ซึ่งกฎแห่งสงครามนี้จะต้องไม่ทำร้ายผู้วางอาวุธ แต่จังหวะนั้น พระกฤษณะนึกได้ว่า ในวันที่13กรรณะมีส่วนร่วมในการรุมสังหาร"อภิมันยุ"บุตรชายของอรชุน เด็กอายุ16ที่กล้าพอที่จะฝ่าดงข้าศึกเพื่อทำลายจักระพยุหะ(มันน่าแปลกใจตรงที่ว่าการฝ่าฝืนกฎสงครามครั้งแรกดันไปตรงกับวันที่ 13พอดี ซึ่งความเชื่อทางฝ่ายตะวันตกก็เชื่อว่าเป็นเลขแห่งความโชคร้าย)
ซึ่งการรุมสังหารอภิมันยุถือเป็นการผิดกฎสงครามอย่างยิ่ง ในเมื่อเขาเล่นนอกเกมดังนั้นอย่าหวังเลยว่าจะอรชุนจะต้องเล่นตามเกม
"ตอนนี้แหละอรชุนจัดการเลย!!!!!"พระกฤษณะตะโกน
อรชุนแผลงศรอัญชลิกะ สังหารกรรณะ
ตอนนั้นกรรณะก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะคำสาปของภควาจารย์ปรศุรามทำงาน กรรณะลืมวิชาที่จะสามารถป้องกันตัวได้ไปหมดเลย
อรชุนแผลงศรอัญชลิกะ สังหารกรรณะ
อรชุนแผลงศรอัญชลิกะรูปพระจันทร์เสี้ยว ตัดคอกรรณะเสียชีวิตคาที่
ซวยที่เก้าคำสาปทำงานจนถึงแก่ชีวิต
บางสำนวนกล่าวว่ากรรณะก็ไม่ได้ถูกตัดคอตายทันที เขายังคงนอนรอความตายอย่างสิ้นหวัง (เหมือนเวอร์ชั่นปี2013)
โอ้ว่าอนิจจาฟ้าดิน ฟ้าส่งข้ามาเกิด ไฉนจึงส่ง อรชุนมาเกิดด้วยเล่า(เดี๋ยว ไม่ใช่สามก๊ก)
ทำไมกันนะ ทำไม บุรุษผู้ใจบุญกลับต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสงสารมันเป็นเพราะอะไร
ทันใดนั้นมีขอทานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา เพื่อขอรับบริจาคทาน
"เราหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว เรามิสิ่งใดจะให้เจ้าแล้ว"
"แล้วฟันทองในปากท่านเล่า ข้าขอมันได้ไหม"
เมื่อกรรณะรู้ว่าตนยังพอบริจาคให้คนอื่นได้ก็เอาหินทุบเอาฟันทองในปากมอบแก่ขอทาน ขอทานผู้นั้นซึ้งในน้ำใจกรรณะเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงคืนร่างเป็นสุริยะเทพและรับเอาวิญญาณกรรณะกลับขึ้นสวรรค์ไปด้วยกัน
นอกจากเรื่องราวตามมหากาพย์แล้ว กรรณะ อรชุน และตัวละครในมหาภารตะอีกหลายคนก็ยังมีบทบาทใน เกม fate:grand order ที่อิงมาจากปกรณัมอินเดียอีกด้วย
กรรณะ จาก Fate : Grand order
สรุป:ตลอดชีวิตของกรรณะ ได้เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อคนอื่นเป็นอย่างยิ่ง ไม่ต่างจากภีษมะ กรรณะเองก็ถือว่ามีคุณธรรมเหนือกว่าทุกๆคนในฝ่ายเการพ เขาบริจาคทานแก่ผู้ยากไร้ ใครมาหาเขามาขอบริจาค แน่นนอนไม่มีวันกลับไปมือเปล่า เขาเองก็ห้ามทุรโยธน์หลายครั้งในการใช้แผนสกปรกกับปาณฑพ บางทีกรรณะอาจจะเลือกข้างผิดก็ได้นะ แต่ถ้าหากพวกเก่งๆพวกดีๆพากันไปอยู่ฝ่ายปาณฑพหมดแล้ว เการพมันก็คงไม่มีอะไรจะสู้แน่นอน นี่จึงเหมือนกับเป็นการถ่วงสมดุลในการศึก บางสำนวนกล่าวว่ากรรณะเป็นอวตารของพระเสาร์ เทพแห่งบาปเคราะห์จึงมีผลพวงทำให้ชีวิตเขาต้องเป็นแบบนี้
ทุรโยธน์ และ กรรณะ
เราได้อะไรจากเรื่องนี้
จะยังไงก็ช่างกรรณะจะทำอะไรไว้ เขาซวยแค่ไหนเราคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อย่างหนึ่งที่เราเรียนรู้ได้จากเรื่องนี้คือ กรรณะแม้จะซวยสักเพียงใดโดนสาปขนาดไหนเขาก็ยังคง เดินหน้าต่อไป โดยไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา นอกจากนี้ผมขอย้อนกลับไปตรงที่พระนางกุนตีขอพรจากสุริยะเทพหน่อยละกัน ถ้าหากวันนั้นพระนางไม่นึกสนุกไม่อยากรู้อยากลอง ขอพรเล่นๆ กรรณะก็คงไม่เกิดมาเป็นภาระ แต่ก็นะ วัยรุ่น เป็นวัยอยากรู้อยากเห็น การสอนวัยรุ่นจึงจำเป็นที่จะต้องสอนให้เห็นถึงโทษและประโยชน์ของสิ่งๆนั้นให้ชัดเจนที่สุด ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับสมัยนี้ง่ายๆเลยนะ
ก็คงจะคล้ายๆกับวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลอง เป็นแฟนกันแล้วมีอะไรกันนั่นแหละ อย่ารีบเลยครับ ถ้าแต่งงานกันแล้ว จะมีสักครั้งก็ได้ แต่จริงๆการมีเซ็กซ์กันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแค่ใส่ถุงยางเด็กมันก็ไม่เกิดมาแล้วครับ จริงๆ แม้มันจะคนละกรณีกันแต่ผมว่ามันเอาเรื่องนี้มาเป็นตัวอย่างได้ในระดับนึง แสดงให้เห็นถึงความอยากรู้อยากลองของพระนางกุนตีในวัย16
แล้วพอเด็กเกิดมาก็เกิดมาด้วยความไม่พร้อมของพ่อแม่ ก็อาจเป็นแบบกรรณะ โชคดีหน่อยตรงที่กรรณะโตมาไม่เป็นภาระสังคม แถมยังคงเก่งกล้าสามารถและมีคุณธรรมผ่านการอบรมสั่งสอนที่ดีของ อธิรถ และ ราธา ได้รับการศึกษาจากครูที่ดี อย่างปรศุราม จริงๆแกตั้งใจถ่ายทอดวิชาจนแทบหมดไส้หมดพุงเลยนะ แต่ดันรับไม่ได้ที่กรระณะปลอมเป็นพราหมณ์จึงสาปเสีย มีหลายคนที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อม แต่ก็สามารถประสบความสำเร็จ ฝ่าฟันอุปสรรคจนมีชีวิตที่ดีได้ แบบกรรณะแต่หลายคนไม่โชคดีแบบเขา
เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อม บางทีก็ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างถูกต้อง จนกลายเป็นปัญหาสังคม
ถึงอย่างไรกรรณะก็เสียชีวิตไปได้หลายหมื่นปีแล้ว เราคงไปปลุกเขามาถามโน่นนี่นั่นไม่ได้แล้วล่ะ ความดีที่เขาทำ ยังคงปรากฎอยู่ใน มหากาพย์มหาภารตะ รอให้อนุชนรุ่นหลังๆมาเปิดอ่านอยู่ตลอดเวลา
วันไหนที่คุณตกท่อ โดนเหยียบเท้า หรือนกขี้ใส่หัว ถ้ามันไม่เลวร้ายจริงๆ ปัญหานั้นสามารถแก้ได้จริงๆ ก็ลองแก้มันดูก่อนครับ เหมือนกับที่กรรณะโดนสาปไปมากมายแต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะเดินหน้าต่อ
กรรณะ จาก มหาภารตะ ปี 2013 (Mahabharat) รับบทโดย คุณ อฮัม ชาร์มา(Aham sharma)
สุดท้ายนี้ หากคุณรู้สึกว่าตัวเองซวยมาก ให้นึกถึงกรรณะ บุรุษผู้มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความซวย แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ยังเป็น บุรุษผู้ไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต ถึงความซวยจะดาหน้าเข้ามาเพียงใด แต่ สุริยบุตร ผู้นี้ก็ยังคงยืนหยัดพร้อมที่จะต่อสู้กับมันต่อไป
ขอเป็นกำลังใจให้ กรรณะ ทุกๆคนครับ
สวัสดี
อ้างอิง
โฆษณา