Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
บ่นเป็นเรื่องเป็นราว
•
ติดตาม
4 มี.ค. 2021 เวลา 14:04 • นิยาย เรื่องสั้น
ผมหายไปนานเกือบสัปดาห์ เพราะติดสอบ อีกใจหนึ่งก็ครุ่นคิดว่า ผมจะลงอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเล่าเรื่องสไตล์ มหาภารตะอีกหรือเปล่า แต่มันก็คืดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็วนกลับเข้ามาที่เดิมครับ lol+
ว่าแต่ เคยเล่นการพนันไหมครับ บางคนอาจเคย หรืออาจไม่เคย แต่แน่นอนว่าทุกคนรู้จัก
สิ่งหนึ่งที่เรารู้ๆกันอยู่ คือ การพนันทุกรูปแบบเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
แต่บางประเทศก็มีการเปิดบ่อนถูกกฎหมายอยู่มากมาย
แต่ต่อให้ถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย ผมเองก็ไม่แนะนำให้คุณเล่นอยู่ดีแหละ
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะยกตัวอย่างของผู้ที่เสียพนันจนเละตุ้มเป๊ะมาให้ได้อ่านกัน
ยุธิษฐิระ(สันสกฤต:युधिष्ठिर)เป็นตัวละครเอก จากเรื่อง มหาภารตะ(อีกแล้ว) เฮียเป็นพี่ใหญ่ของพวกปาณฑพ ถ้าไม่นับกรรณะ
ยุธิษฐิระ ประทับบนบัลลังก์เคียงคู่พระนางเทราปตี โดยรอบคือ เหล่าพี่น้องปาณฑพ นั่งซ้ายคือภีมะ นั่งขวาคืออรชุน สองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือ นกุล และสหเทพ
ยุธิษฐิระเป็นบุตรของ ท้าวปาณฑุ(ปาน-ดุ) กับ พระนางกุนตี การกำเนิดของยุธิษฐิระต้องท้าวความไปเล็กน้อย ถึงตอนที่ ท้าวปาณฑุ ราชาแห่งหัสตินาปุระ ตามกวางขณะประพาสป่า ท้าวเธอยิงไปโดน กวางที่กำลังผสมพันธุ์กัน ลูกธนูปักทะลุอกทั้งสอง แต่ปรากฏว่า มันไม่ใช่กวาง แต่เป็นฤๅษีกินทมะ(แหม่ ชื่อนี่คิดเป็นอื่นไม่ได้เลย นอกจากกินทามะ) ซึ่งแปลงกายตนเองกับภรรยาเป็นกวางเพื่อสมสู่ ถ้าใครดูซีรีย์เวอร์ชั่น2013 จะพบว่า ฤๅษีด่าท้าวปาณฑุ ประมาณว่า "ทำไมท่านถึงโง่ เยี่ยงนี้ มีตาหามีแววไม่ ไม่รู้รึว่าข้าเป็นฤๅษี" (ใครมันจะไปรู้วะนั่น ) แล้วฤๅษีก็สาปท้าวปาณฑุ ว่า "เมื่อใดก็ตามที่ท่านมีความรู้สึกอยากมีสัมพันธ์กับผู้หญิง ท่านจะต้องตาย" ปาณฑุช็อคแทบสิ้นสติ เมื่อกลับมาที่เมือง จึงตัดสินใจสละราชบัลลังก์ ให้ "ธฤตราษฎร์" พี่ชายที่ตาบอดขึ้นมาครองราชย์แทน ส่วนตนก็พา พระนางกุนตี กับ พระนางมาทรี มเหสีทั้งสอง ออกบวชเป็นฤๅษี วันหนึ่ง พระนางกุนตี ได้บอกกับท้าวปาณฑุว่า ตนเองเคยได้รับพรจากฤๅษีทุรวาส ให้สามารถอัญเชิญเทพมาประทานบุตรให้ (แต่นางไม่ได้เล่าเรื่องกรรณะให้ฟัง) ปาณฑุดีใจมาก ที่ถึงจะมีเซ็กซ์กับเมียไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็มีลูกได้ พระนางกุนตี จึงอัญเชิญ "พระธรรมเทพ" หรือ "พระยมราช" มาประทานบุตรให้ ด้วยความที่เป็นเทพแห่งความยุติธรรม จึงให้บุตรเป็นผู้ที่มีคุณธรรมมากที่สุดในบรรดาปาณฑพทั้ง5 ยุธิษฐิระ แปลว่า ผู้มีความมั่นคงในการสงคราม หลังจากนั้น พระนางกุนตียังขอบุตรอีกสองคนโดย บุตรคนรอง ชื่อ "ภีมะ" ขอจาก พระพาย(จึงมีศักดิ์เป็นน้องชายต่างมารดาของหนุมาน) บุตรคนที่สาม ชื่อ "อรชุน" ขอจาก พระอินทร์ พระนางกุนตียังได้ขอให้เทพอัศวิน เทพฝาแฝด ประทานบุตรแก่พระนางมาทรี เป็นฝาแฝดชื่อ "นกุล" และ "สหเทพ" เด็กเหล่านี้ถูกเรียกว่า"ปาณฑพ"(ปาน-ดบ) แปลว่าบุตรแห่งปาณฑุ เพราะอินเดียยึดถือเอาผู้ที่เป็นสามีที่ถูกต้องให้เป็นบิดา แต่ต่อมาสักพักใหญ่ๆ ท้าวปาณฑุทนอารมณ์เปลี่ยวไม่ไหว เข้าจู่โจมพระนางมาทรีทันที จึงสิ้นใจจากคำสาป ณ เวลานั้นทันที พระนางมาทรี โทษตัวเองว่าเป็นเหตุให้ ท้าวปาณฑุตาย ก็ตรอมใจตายไปอีกคน พระนางกุนตีจึงกระเตงลูกๆกลับมาหัสตินาปุระ พอกลับมาก็ไปเจอเจ้าถิ่นจำนวน100คน นามว่า "เการพ" ผู้เป็นบุตรของท้าวธฤตราษฎร์และพระนางคานธารี นออกจากนี้ ท้าวธฤตราษฎร์มีบุตรสาวอีก1คนคือ"นางทุหศาลา หรือ ทุชาลา" และบุตรที่เกิดกับนางสนมอีก1คนคือ "ยุยุตสุ" พี่ชายคนโตที่เป็นหัวหน้าของพวกเการพ คือ "ทุรโยธน์" เป็นผู้ที่เกิดวันเดือนปีเดียวกันกับภีมะ รู้สึกไม่ชอบพวกปาณฑพ เพราะว่า ยุธิษฐิระ นั้นอาวุโสกว่า จึงมีโอกาสได้เป็นมกุฏราชกุมารมากกว่า ประกอบกับการถูกเลี้ยงมาแบบท่านชายทำให้มีอีโก้สูง ชีวิตในวังของปาณฑพบอยแบนด์ จึงถูก เการพบราเธอร์ กลั่นแกล้งอยู่เสมอๆ แต่ยุธิษฐิระก็เรียนรู้ที่จะจัดการอารมณ์และวางตัวอย่างสงบเสงี่ยมต่อเหล่าเการพ มีหลายครั้งที่กระทบกระทั่งกันแต่ก็ไม่ค่อยร้ายแรงเท่าไร
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่ง ทั้งสองวงศ์ สำเร็จการศึกษากับโทรณาจารย์ ครูแกจึงเรียกคุรุทักษิณา เป็นการโจมตีเมืองปัญจาละเพื่อแก้แค้น"ท้าวทรุปัท"สหายเก่าที่ไล่ตนเองเหมือนหมูเหมือนหมาจากท้องพระโรง พวกเการพไปทำศึกอยู่นานก็ไม่ชนะสักที แต่ พอปาณฑพไปตี กลับชนะ ยิ่งสร้างความอิจฉาให้ทุรโยธน์เข้าไปใหญ่ จนกระทั่งวันหนึ่ง ฝั่งเการพก็ได้จัดให้มีการสร้างปราสาทที่ทำจากขี้ผึ้งให้พวกปาณฑพกับพระนางกุนตีประทับอยู่ แล้ววันหนึ่ง ก็แอบให้คนไปจุดไฟเผา ครั้งนี้พวกปาณฑพรู้แล้วว่าเการพมันไม่หวังดีแน่ๆ จึงพากันหนีไปอยู่ป่าดังเดิม ถ้าผมจำไม่ผิด ในกองไฟนั่นพวกเการพเจอกระดูกคนอื่น6ศพจึงพากันเข้าใจไปเองว่า ปาณฑพและพระนางกุนตีสิ้นพระชนม์ไปแล้ว จึงกลับไปนอนตีพุงในราชสำนักอย่างสบายใจ หลังจากนั้น ปัญจาละ ได้จัดพิธีสยุมพร(เลือกคู่) ให้กับ"เจ้าหญิงเทราปตี" พระธิดาของท้าวทรุปัท
1
"ฤๅษีวยาส" ผู้เล่าเรื่องมหาภารตะ ได้มาแจ้งข่าว ปาณฑพก็พากันปลอมตัวเป็นพราหมณ์เข้าไป ทุรโยธน์(ที่คาดว่าได้แต่งงานไปแล้ว)ก็พากรรณะไปร่วมพิธี แต่ด้วยชาติกำเนิดของกรรณะ ทำให้หลุดไป อรชุนจึงมีโอกาสในการยกคันธนูที่พระศิวะประทานให้ได้ และยิงตาของปลาปลอมที่ผูกไว้ด้านบนโดยเล็งจากเงาในน้ำได้ทำให้ ได้อภิเษกกับนางเทราปตี เป็นเหตุให้เหล่าเจ้าชายไม่พอใจจนเปิดวอร์กับปาณฑพที่ปลอมตัวมากลางท้องพระโรง ไม่มีใครสู้กับภีมะได้ ทำให้ทุรโยธน์สงสัยว่า ปาณฑพอาจยังไม่ตาย แต่ท้าวทรุปัทเป่านกหวีดห้ามทัน ทั้งสองฝ่ายจึงเลิกรากันไป
พอทีนี้พวกเขากลับบ้านมาก็ตะโกนเข้าไปด้วยความดีใจ"แม่ดูสิลูกได้อะไรมา" พระนางกุนตีที่ยุ่งๆอยู่คิดว่าลูกคงไปได้ผลไม้มาก็บอกปัดความรำคาญไปว่า"ได้อะไรมาก็แบ่งๆกันนะลูกเอ๊ย จะได้ไม่ต้องมาแย่งกันทีหลัง"
พอหันหน้ามาเท่านั้นแหละ
"งามไส้ละกู"
จะแบ่งยังไงล่ะทีนี้ นี่คนนะ
พระนางกุนตีจึงบอกว่า"แม่ขอโทษ แม่ไม่รู้ว่าพวกเจ้าพาลูกสะใภ้มา ที่แม่พูดไปเมื่อครู่นี่ไม่ต้องแล้วนะ"
พี่ยุธิษฐิระจึงแสดงความยุติธรรมขึ้นมาโดยกล่าวว่า วาจาของมารดาถือว่าประกาศิต พูดแล้วลูกต้องทำ ไม่ทำ=อกตัญญู จึงตกลงว่าจะแบ่งให้เทราปตีแต่งงานกับทุกคน (เ_ี้ยไรวะเนี่ย)โดยอยู่ด้วยคนละ1ปี ถ้าหากว่าปีไหน ใครไปยุ่งกับเทราปตีขณะที่ไม่ใช่ปีของตนเองจะต้องถูกเนรเทศ12ปี
WTF!
แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะชาติที่แล้วนางเทราปตี เคยบูชาพระศิวะจนได้ ขอพรจากพระศิวะ นางขอให้ชาติหน้าตนได้สามีเป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงไม่มีใครเทียบได้ แข็งแรงมีพละกำลังมากมาย เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียง หล่อเหลา และมีสติปัญญาล้ำเลิศ ซึ่งพระศิวะท่านตีความเป็นว่าขอ5คุณสมบัติ ก็ให้ไปเลย5คน คนละ1คุณสมบัติ แต่บ้างก็ว่าพระศิวะเห็นว่ามันเพอร์เฟคเกินกว่าจะเป็นไปได้ ไม่มีผู้ชายคนไหนเป็นแบบนี้ได้(แต่คุณสมบัตินี้มีในกรรณะแต่พี่แกดันเป็นวรรณะศูทร) จึงให้มีสามี5คนแทนคนละ1คุณสมบัติ ถ้าจำไม่ผิดก็ยังได้พรไปอีกว่าเมื่อใดทีเสียพรหมจรรย์ไป พรมจรรย์ของนางจะรีเซ็ตกลับเป็นดังเดิมทุกครั้ง
ความทราบถึง"ปู่ภีษมะ"(เจ้าเก่า) แกจึงได้พาปาณฑพกับพระนางกุนตีและพระนางเทราปตี กลับมายังหัสตินาปุระ โดยแบ่งป่าขาณฑวะปรัสถ์ให้สร้างเป็นเมืองอินทรปรัสถ์ เพื่อที่ยุธิษฐิระจะได้แยกปกครองกับพวกเการพที่ดูแลหัสตินาปุระดังเดิม
ตอนแรกกว่าจะสร้างเมืองได้ก็โคตรทุลักทุเล เพราะป่าขาณฑวะปรัสถ์ มี"พญานาคตักษกะ" ราชาเหล่านาคในป่า นอกจากนี้ยังเป็นสหายของพระอินทร์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมี"มายาสูร" ผู้ช่วยพระวิศวกรรม(พระวิษณุกรรม)อยู่ในป่านั้นอีก ตอนนั้นพระอัคนีต้องการเผาป่าเพื่อเอาสมุนไพรมารักษาอาการประชวร แต่ทุกครั้งที่มา พระอินทร์ก็ส่งฝนมาดับไฟทุกครั้ง จึงขอให้อรชุนและพระกฤษณะเผาป่าให้ โดยมอบธนูคานฑีวะ แก่อรชุน และคฑาเกาโมทกี กับสุทรรศนจักร แก่พระกฤษณะ(พระนารายณ์อวตารได้รับอาวุธของตนคืน) ทั้งสองจึงไปรบกับพญานาคตักษกะ มายาสูรและพระอินทร์ ท้ายที่สุด ฝ่ายตักษกะแพ้ แกเลยหนีออกจากป่าไป มายาสูรยอมจำนน และพระอินทร์ก็ยกย่องว่าอรชุนเก่งกาจมาก(ก็แหมลูกตัวเอง) พระวิศวกรรมจึงมาสร้างเมืองให้ปาณฑพเรียกว่า "อินทรปรัสถ์" และมายาสูรก็สร้างปราสาทที่วิจิตรงดงามให้ เรียกว่า "มายาสภา" ซึ่ง บักทุรโยธน์เคยมาลื่นตกน้ำที่นี่แล้วพระนางเทราปตีหัวเราะน้ำตาร่วง ตนจึงแค้นพระนางเทราปตีไม่ต่างจากพวกปาณฑพ(เป็นผมก็โมโหนะ ไม่ช่วยแล้วยังขำอีก ถ้าเล่นๆแล้วตกน้ำจะไม่ว่าเลย แต่นี่มันอุบัติเหตุ)
หลังจากนั้นไม่นาน เทวฤๅษีนารท ที่ชอบพูดว่า"นาร้าย นารายณ์" มาชวนให้ยุธิษฐิระทำพิธีราชสูยะเป็นพิธีที่ประกาศความยิ่งใหญ่ของกรุงอินทรปรัสถ์ โดยส่งสาส์นออกไปให้พระราชาแคว้นต่าง ๆ ยอมรับ หากไม่ยอมรับก็ทำสงครามกันไป
แต่ก็ลงเอยด้วยที่ว่าอรชุนได้ออกตามหาวัวที่ท้าวธฤตราษฎร์มอบให้ แต่ถูกตักษกะมาขโมยไปโดยแผนของ"ลุงศกุนิ"พระเชษฐาของพระนางคานธารีมเหสีของท้าวธฤตราษฎร์ (ซึ่ง ลุงแกร้ายไม่เบา ยิ่งในเรื่องของการพนันที่จะกล่าวต่อไปนี้ยิ่งโคตรๆ ) อรชุนเข้าไปเอาธนูระหว่างที่พี่ยุธิษฐิระกำลังเล่นสกากับพระนางเทราปตี ทำให้ต้องเนรเทศตัวเองไป12ปี (ซวย)
อ่านมาถึงตรงนี้คงจะเริ่มด่ากันในใจแล้วใช่ไหมว่า ไอ้ animal อ่านมาตั้งนานกูเห็นมีคำว่าการพนันคำเดียวเอง เดี๋ยวสิ ใจเย็นๆ ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้
ต่อมาเมื่อพิธีราชสูยะสำเร็จลุล่วงไป เการพก็งัดแผนเด็ดออกมา คือ จะให้ท้าวธฤตราษฎร์ ชวนพี่ยุธิษฐิระมาเล่นพนันสกา(บ้างก็ว่าเป็นเกมเจาศรร)กับทุรโยธน์ แต่จะให้ลุงศกุนิขาเป๋ มาเล่นแทน ใครแพ้ ต้องเสียบ้านเสียเมือง จุดมุ่งหมายคือ จะเล่นสกาพนันเอาบ้านเอาเมืองกัน พี่ยุธิษฐิระเมื่อเห็นว่าท้าวธฤตราษฎร์เป็นผู้กล่าวชักชวน จึงไม่ปฏิเสธ เมื่อมาถึงลุงศกุนิผู้ชำนาญการ(โกง)ในการเล่นสกามาก เป็นผู้เล่นแทนและชนะทุกครั้ง ทั้งนี้เป็นเพราะลูกเต๋าของลุงแกทำจากกระดูกพ่อจึงมีอำนาจในการออกแต้มตามที่ต้องการ โกงเป็นเว็บพนันออนไลน์แบบนี้ เพลเยอร์อย่าง พี่ยุธิษฐิระจะไปสู้อะไรโปรแกรมโกงได้ล่ะ แต่พี่แกก็ไม่ยอมแพ้ ตะบี้ตะบันเล่นจนเสียบ้านเสียเมือง พอทีนี้แกสิ้นเนื้อประดาตัว จึงได้เอาน้องชายมาพนัน ไล่ไปเรื่อยๆ สหเทพ นกุล อรชุน ภีมะ ตามลำดับอาวุโส แล้วก็เอาตัวเองเป็นพนัน(ดีนะที่ยังไม่ถึงขั้นเอาหัวเป็นประกันแบบที่ผมชอบพูด) และแน่นอน แพ้ แต่ก็ยังดิ้นรนเล่นต่อไป
ทีนี้ถึงขั้นใช้พระนางเทราปตีพนัน แล้วสุดท้ายก็แพ้ย่อยยับ ทุรโยธน์สั่งให้"ทุหศาสัน"น้องคนรองของพวกเการพนำตัวพระนางเทราปตีมายังสภาและย่ำยีเกียรติของนางโดยบอกให้นางมานั่งตัก ภีมะที่รักพระนางเทราปตีสุดหัวใจรู้สึกโกรธแค้นมากจึงลั่นคำสาบานออกมาว่าจะใช้คทาของทุบหน้าขาของทุรโยธน์ให้แหลก จากนั้นทุหศาสันดึงผ้าส่าหรีของพระนางเทราปตีออกมา ตอนนั้นเอง "วิกรรณะ"(ไม่ใช่กรรณะ)หนึ่งในพี่น้องเการพสุดที่จะทน เขาลุกขึ้นห้ามปรามทุกคน แต่พวกพี่ๆก็ไม่ฟังซ้ำยังบอกอีกว่า วิกรรณะ ไม่เคารพรุ่นพี่ เขาจึงไม่กล้าขัดอีกต่อไปทุหศาสันจึงกระทำการหยาบช้าเปลื้องผ้าส่าหรีของพระนางเทราปตีออก แต่พระนางได้ขอให้พระกฤษณะช่วยไว้ พระกฤษณะจึงประทานผ้าส่าหรีให้นางไม่มีวันหมดสิ้นเพราะครั้งหนึ่งพระนางเคยช่วยพันแผลที่มือของพระกฤษณะให้ จนในที่สุดทุหศาสันก็ดึงผ้าจนหมดแรง ภีมะลั่นคำสาบานออกมาอีกว่า จะฉีกอกทุหศาสันเพื่อดื่มเลือดให้หายแค้น นอกจากนี้ภีมะยังบอกอีกว่า ตนจะเป็นคนฆ่าทุรโยธน์และพี่น้องเการพทุกคน
ฉาก เล่นพนันสกา ในท้องพระโรงกรุงหัสตินาปุระ จากเรื่อง Mahabharat ค่าย Starplus ปี2013
สุดท้ายท้าวธฤตราษฎร์ที่นั่งฟังก็ได้ห้ามปรามและก็ขอให้พระนางเทราปตีให้อภัยและแลกกับให้นางขออะไรก็ได้ นางจึงขอให้คืนทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม ท้าวธฤตราษฎร์จึงตกลง
แต่ต่อมาก็ดันมีรอบสอง ทุรโยธน์ยังให้ท้าวธฤตราษฎร์ชักชวนให้พวกปาณฑพมาเล่นสกาอีกครั้งหนึ่ง โดยผู้แพ้ต้องออกป่าเป็นเวลา 13 ปี และในปีที่ 13 ห้ามให้ใครจำได้หาเจอ ถ้าใครไปเจอต้องเดินป่าอีก 13 ปี ยุธิษฐิระทราบชะตากรรมดี แต่ก็ยอมเล่นสกา ผลคือ ไอ้ลูกเต๋าโปรแกรมโกงของลุงศกุนิ มันก็ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
พี่น้องปาณฑพจึงต้องออกเดินป่าเป็นเวลา13ปี
ครั้งหนึ่งระหว่างเดินดง ภีมะได้เข้าไปหาอาหารในเขตของ"ท้าวนหุษะ"งูยักษ์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นพระราชาแห่งหัสตินาปุระ และมีโอกาสขึ้นไปรักษาการณ์เทวราชแทนพระอินทร์ด้วย แต่ดันไปล่วงเกินเหล่าเทวดา จึงถูก"ฤๅษีอคัตสยะ"สาปให้ตกสวรรค์และกลายเป็นงู รอวันที่จะได้สนทนาธรรมกับยุธิษฐิระบุตรพระยมราช เชื้อสายของตนเองจึงจะพ้นคำสาป
ภีมะไม่ทันระวังถูกนหุษะทำร้านจนน็อคไป
พี่ยุธิษฐิระตามมาช่วยน้องก็ได้เจอกับนหุษะ งูสอบถามกับพี่แกจนได้ความว่าเป็นลูกหลานของตน จึงได้สนทนาธรรมกัน โดยยื่นข้อเสนอว่า หากยุธิษฐิระตอบคำถามถูกหมดจะปล่อยภีมะไป ระหว่างการถามตอบ ยุธิษฐิระตอบด้วยความนอบน้อมถ่อมตน ไม่อวดรู้ในสิ่งที่ตนมี ทำให้นหุษะพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง จึงปล่อยภีมะไปและตนก็ได้หวนคืนสู่สวรรค์
ยุธิษฐิระ พบ นหุษะ
ในปีที่ 13 ซึ่งเป็นปีสุดท้าย ภีมะ อรชุน นกุล สหเทพไปดื่มน้ำในลำธารที่มีพิษจึงตาย ยักษ์ผู้เฝ้าธารน้ำนั้น ถามว่ายุธิษฐิระจะเลือกใครให้ฟื้นขึ้นมา พี่แกเลือกนกุล เพราะตนเป็นบุตรพระมารดากุนตีคนเดียวที่ยังรอด ส่วนบุตรของพระนางมาทรีได้ตายไปหมดแล้ว จึงเลือกนกุลให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง อย่างน้อยจะได้เหลือบุตรของพระมารดาทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน ยักษ์ตนนั้นพึงพอใจมากจึงคืนชีวิตให้กับทุกคนและปรากฏร่างเป็นพระธรรมเทพดังเดิม ท่านมาเพื่อทดสอบคุณธรรมในตัวพี่ยุธิษฐิระ พี่ยุธิษฐิระจึงได้ขอพรจากพระธรรมเทพผู้เป็นบิดาว่าในปีที่ 13 นี้ขอให้ไม่มีใครจำได้
พระยมราชทดสอบคุณธรรมของโอรสตน
ต่อมาปาณฑพทั้งห้าและนางเทราปตีก็ปลอมตัวไปรับใช้ราชสำนักของท้าววิราฏ แคว้นมัตสยะโดยยุธิษฐิระได้ใช้ชื่อปลอมว่า กังกะ มาเป็นมหามนตรีและสอนสกา(ไม่เลิก)ให้แก่ท้าววิราฏ ภีมะใช้ชื่อปลอมว่าวัลลภ เป็นพ่อครัวหลวง อรชุน ใช้ชื่อปลอมว่าพฤหันนลา เข้ามาทำงานสอนนาฏศิลป์แก่เจ้าหญิงอุตตรา พระธิดาของท้าววิราฏ เนื่องจากขณะนั้นอรชุนถูกสาปให้เป็นกะเทย นกุล ใช้ชื่อปลอมว่า ครันถิกะ ดูแลม้า สหเทพ ใช้ชื่อปลอมว่า ตันติบาล ดูแลเกี่ยวกับปศุสัตว์ ส่วนพระนางเทราปตีใช้ชื่อปลอมว่า ไศรันทรี ทำเกี่ยวกับการดูแลความงามให้กับพระนางสุเทศนา พระมเหสีของท้าววิราฎ
ยุธิษฐิระ จาก ภาพยนตร์แอนิเมชั่น เรื่อง Arjun:the warrior prince 2012 โดยเรื่องนี้ UTV Motion Pictures ร่วมกับ Walt Disney Pictures India. ในการสร้างขึ้นมา
ไม่นานนัก พวกเการพก็ตระหนักได้ว่า ใกล้ครบ13ปีแล้ว ต้องรีบตามหาพวกปาณฑพให้เจอ จะได้ถือโอกาสเนรเทศปาณฑพต่อไปตามสัญญา
ต่อมาก็ได้ทราบว่า พวกปาณฑพอาศัยอยู่กับท้าววิราฏ จึงยกทัพมาตีแคว้นมัตสยะ แต่ "เจ้าชายอุตตระ" และอรชุนที่ปลอมตัวเป็นเจ๊ สามารถเอาชนะกองทัพหัสตินาปุระได้
ฝ่ายเการพก็ตู่ว่าพวกตนเองได้หาปาณฑพพบแล้ว ต้องถูกเนรเทศต่อไปอีก การกระทำของพวกเการพที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเผาปราสาทขี้ผึ้ง เล่นสกาเอาบ้านเอาเมือง ย่ำยีเกียรติของพระนางเทราปตี ฯลฯ ทำให้พี่ยุธิษฐิระไม่ยอมที่จะถูกไล่บี้อีกต่อ จึงประกาศสงครามกับฝ่ายเการพในที่สุด โดยเตรียมไพร่พลอยู่ที่แคว้นมัตสยะ
และแล้วสงครามทุ่งกุรุเกษตร ก็อุบัติขึ้น
ฝ่ายเการพมีภีษมะเป็นประธานเสนาบดี(แม่ทัพใหญ่)
ฝ่ายปาณฑพมี ธฤษฏัทยุมัน(ทิด-สะ-ตัด-ทะ-ยุ-มัน)พี่ชายของนางเทราปตีเป็นประธานเสนาบดี
การสงครามครั้งนี้มีกฎว่า รบเฉพาะเวลากลางวัน กลางคืนให้หยุดรบและสามารถไปมาหาสู่กันได้ ห้ามทำร้ายผู้ยอมแพ้ ห้ามทำร้ายพลนำสาร ทหารดุริยางค์ ช้างต้องรบกับช้าง ม้าต้องรบกับม้า รถศึกต้องรบกับรถศึก ทหารราบต้องรบกับทหารราบ ห้ามทำร้ายสตรี ห้ามทำร้ายสารถี ห้ามทำร้ายสัตว์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ห้ามทำร้ายผู้ที่หมดสติฯลฯ
ช่วงแรกๆนั้นก็เป็นไปตามกฎสงคราม ฝ่ายเการพได้เปรียบตรงที่มีปู่ภีษมะ แต่พอแกถูกอรชุนยิงในวันที่10 เการพก็ต้องเปลี่ยนแม่ทัพ ความเที่ยงธรรมในการสงครามก็เริ่มดรอปลงๆ จนวันที่13โทรณาจารย์ ได้จัดทัพเป็นค่ายกลจักรพยุหะ พี่ยุธิษฐิระได้ขอร้องให้"อภิมันยุ" บุตรของอรชุน หลายชายของตน ที่ความรู้ในการทะลวงค่ายกล แต่น้องไม่รู้วิธีออก เป็นผู้โจมตี และตนเองจะตามเข้าไปช่วย แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ "ชัยทรัถ" อดีตศัตรูคู่แค้นของพวกปาณฑพที่เคยมีปัญหากระทบกระทั่งกันระหว่างที่ปาณฑพอยู่ป่า ได้เข้ามาขัดขวางกองทัพปาณฑพ เพราะว่าได้รับพรจากพระศิวะให้ชนะปาณฑพได้1วัน หากไม่มีพระกฤษณะและอรชุนในกองทัพ และมันจังหวะซิทคอมมาก ที่อรชุนและพระกฤษณะ ไปติดศึกอยู่อีกฝั่ง หวยจึงมาออกที่อภิมันยุ สุดท้าย เด็กหนุ่มวัย16ปีก็ถูกพวกผู้ใหญ่ที่เป็นทั้ง อาจารย์ เสนาบดี ฯลฯ รุมสังหารอย่างโหดเหี้ยม ตั้งแต่ฆ่าสารถี ลามไปจนถึงตอนที่อภิมันยุ ไม่เหลืออาวุธอะไรแล้ว จนต้องเอาล้อรถศึกมาเป็นอาวุธ ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็หมดแรงจะต้าน ถูกพวกเการพสังหารในที่สุด
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ปาณฑพโกรธแค้นมาก อรชุนถึงกับลั่นวาจาว่าถ้าวันที่14ฆ่าชัยทรัถไม่ได้ก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน จะยอมเข้ากองไฟ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วชัยทรัถก็ถูกเขาฆ่าได้สำเร็จ
ยุธิษฐิระ จาก เรื่อง Mahabharat ค่าย Starplus รับบทโดย คุณ โรหิต ภรัทวาช
วันที่15 : โทรณาจารย์ได้สังหารท้าวทรุปัทและท้าววิราฎ อีกทั้งยังทำลายกองทัพแคว้นปัญจาละ แคว้นมัตสยะไปมากมาย พระกฤษณะจึงได้วางแผนที่จะสังหารโทรณาจารย์ โดยให้ภีมะไปสังหารช้างศึกนามว่า "อัศวัตถามา" ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับลูกชายเขา แล้วประกาศว่า อัศวัตถามาตายแล้ว โทรณาจารย์ได้ยินก็ยังไม่เชื่อ จึงไปถามยุธิษฐิระ เพราะยุธิษฐิระมีความเที่ยงธรรมมากที่สุดถึงยังไงไอ้ลูกศิษย์คนนี้ก็ต้องไม่พูดโกหกแน่นอน ยุธิษฐิระได้ตอบว่า อัศวัตถามาตายแล้ว แต่แอบพูดต่อเบาๆว่า แต่เป็นช้าง ทำให้โทรณาจารย์เข้าใจว่าอัศวัตถามาตายแล้ว จริงๆ ครูแกเสียใจมาก จึงตัดสินใจวางอาวุธ และนั่งสมาธิเพื่อละสังขาร ขณะนั้นธฤษฏัทยุมัน ก็เข้ามาตัดหัวของโทรณาจารย์ขาดกระเด็นไปเพื่อล้างแค้นให้บิดา อัศวัตถามาโกรธมากจึงงัด นารายณ์อัสตระ หรือศรนารายณาสตร์ อาวุธพระนารายณ์ออกมาใช้ ศรนั้นกลายเป็นจักรกรดขนาดใหญ่ แต่พระกฤษณะ=พระนารายณ์ เขาย่อมรู้จักอาวุธของตนดี พระกฤษณะจึงให้กองทัพปาณฑพ ลงจากรถศึกและก้มกราบนมัสการต่ออาวุธพระนารายณ์ ซึ่งนารายณ์อัสตระ ไม่ทำอันตรายต่อผู้ที่ยอมศิโรราบ จึงหายไปในบัดดล
เวลาล่วงเลยผ่านมาจน ฝ่ายปาณฑพชนะสงคราม ยุธิษฐิระ ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งกรุงหัสตินาปุระ แต่ก็ปกครองอย่างไม่มีความสุขเพราะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆมามากมาย จนวันหนึ่งพี่แกก็ตัดสินใจสละราชสมบัติให้"ปรีกษิต" บุตรของอภิมันยุและพาปาณฑพที่เหลือกับพระนางเทราปตี ออกบวช
พวกเขาออกแสวงบุญไปเรื่อยๆจนกระทั่ง พวกเขาได้เดินทางขึ้นภูเขาหิมาลัย โดยมีสุนัขตัวหนึ่งได้ติดตามไปด้วยตั้งแต่ขึ้นเขา ระหว่างนี้ทั้ง6คนก็พากันล้มตายไปทีละคนๆ จนเหลือเพียงยุธิษฐิระกับสุนัข
1
ยุธิษฐิระและสุนัข ขึ้นมาถึงยอดเขาหิมาลัย และพบกับเทวราชอินทราเทพ
พี่แกเดินๆๆจนไปถึงยอดเขาโดยไม่ต้องใช้ถังออกซิเจน แล้วก็พบกับพระอินทร์กล่าวเชื้อเชิญให้ขึ้นสวรรค์ แต่ต้องทิ้งสุนัขเอาไว้ พี่แกทำไม่ได้เพราะนอกจากปาณฑพคนอื่นกับภรรยาแล้ว ก็มีสุนัขตัวนี้ที่คอยติดตามมาตลอด เปรียบเสมือนเพื่อน จึงปล่อยไว้ลำพังไม่ได้ แล้วสุนัขที่ติดตามมาด้วยก็กลับกลายเป็นพระธรรมเทพ ที่แปลงร่างมาทดสอบยุธิษฐิระ และพายุธิษฐิระขึ้นไปบนสวรรค์ แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าทุรโยธน์นั่งครองบัลลังก์อยู่ แต่ปาณฑพที่เหลือและนางเทราปตีต้องตกนรกเพราะฆ่าญาติพี่น้องของตน ยุธิษฐิระจึงตัดสินใจที่จะยอมตกนรกด้วย จากนั้นพระธรรมเทพจึงเฉลยว่าทั้งหมด มันก็เป็นแค่เพียง ภาพลวง หลอกตา ที่จริงแล้วเการพต่างหากที่ต้องตกนรก แต่ปาณฑพอยู่บนสวรรค์ บางตำราก็ว่าเการพอยู่สวรรค์ก่อนแล้วถึงสลับไปลงนรกแทนปาณฑพแล้วปาณฑพก็ค่อยขึ้นสวรรค์ แล้วทั้งหมดก็ได้อยู่ด้วยกันบนสวรรค์อย่างมีความสุข
กล่าวกันว่ายุธิษฐิระเป็นคนคนเดียวในโลกที่สามารถขึ้นสวรรค์ได้ทั้งเป็น
สรุป : ยุธิษฐิระ เป็นผู้ที่มีคุณธรรมสูงยึดถือกฎระเบียบ และความถูกต้องเป็นหลัก โดยจะเห็นว่าเขาตัดสินแทบจะทุกอย่างแบบเท่าเทียมกันหมด แม้แต่การโกหกเล็กน้อยเขาก็ไม่ทำ ทุกคนต่างก็ไว้ใจในการให้เขาได้เป็นผู้นำ เพราะคุณธรรมสูงส่งกว่าใคร
ยุธิษฐิระในพิธีราชาภิเษก
แต่
มันติดตรงที่นิสัยติดพนันของเขาครับ หรือมันอาจจะเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกก็ได้นะครับ ที่ผู้ใหญ่ชวนไปเล่นสกาก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วยขัตติยะมานะ แต่จากที่เห็นก็คือเขาเล่นจนหมดตัว
เล่นจนเสียเมืองเสียเมีย มันก็ดูไม่ต่างจากผู้คนในยุคนี้เท่าไรนัก ผมไม่ได้จะกล่าวโทษใครนะ แต่ทุกอย่างก็ชี้ชัด ว่าการพนันไม่เคยทำให้ใครรวย ขนาดเล่นกันต่อหน้ายังโกงได้ แล้วยิ่งเล่นกันแบบไม่เห็นหน้า จะรู้ได้ไงว่าเขาไม่โกง ขณะที่ยุธิษฐิระ เล่นจนไม่เหลืออะไรแล้ว ก็ยังเอาน้อง เอาตัวเองและเมียมาพนัน คือผมไม่แน่ใจว่า เขาสามารถหยุดระหว่างเล่นได้หรือไม่ ถ้าพวกเการพไม่ยอมให้หยุด ก็พอเข้าใจ แต่ถ้าเขาไม่ยอมหยุดเอง ก็เป็นเพราะผีนันเข้าสิงนี่ละ ลุงศกุนิผู้ชำนาญการ(โกง)และลูกเต๋าของลุงแกที่ทำจากกระดูกพ่อก็เปรียบเหมือนโปรแกรมโกง ยุธิษฐิระก็เปรียบเหมือนเพลเยอร์ทั่วๆไป จะไปสู้อะไรโปรแกรมโกงได้ ก็โดนกวาดเรียบตามระเบียบ คือที่ผมจะสื่อคือ ผมไม่สามารถห้ามใคร ไม่ให้เล่นได้ แต่ผมกำลังแสดงให้เห็นถึงโทษของการพนัน และการตะบี้ตะบันเล่นจนมากเกินไปผลเสียจึงมากกว่าผลดี
การพนันนั้นเป็นอบายมุข ที่มีคำเปรียบเทียบว่าโจรขึ้นบ้านสิบครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว ไฟไหม้สิบครั้งก็ไม่เท่ากับเล่นพนันครั้งเดียว จึงได้ยกเรื่องของพี่ยุธิษฐิระมาพูดในวันนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ โอกาสนี้ครับ
ตอนนี้ก็คงมีใครบางคนพร้อมที่จะด่าผม เพราะเขาไม่เชื่อว่าการพนันเป็นเรื่องไม่ดี เพราะเขาอาจเล่นแล้วได้ ขอโทษนะ นั่นมันเป็นเรื่องของคุณ กี่คนกันร่ำรวยจากการพนัน แล้วกี่คนกันล่ะ ชีวิตพังเพราะการพนัน ฝากไว้ให้คิด
อย่างไรก็ดี บทความนี้ผมเองเคยเขียนมันลงเฟซบุ๊กส่วนตัว คนอ่านไม่เยอะหรอก ผมไม่ดัง แต่มีอยู่จุดนึงที่ผมเห็นแล้ว มันบัวใต้ตม ฉุดไม่ขึ้นแล้วจริงๆ
ผมเคยคุยกับผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ก็สยยเลยแหละ พยายามตามจีบอยู่สักพัก แต่มันแปลกตรงที่ว่า ผมทักเธอไป เธอจะตอบมาตลอดว่ากำลังเล่นไพ่อยู่และไม่ตอบอะไรมาก หลังจากนั้น2-3ชม.ถึงค่อยตอบ และคุยต่ออีกยาว
ตอนแรกๆมันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่พออีทีนี้ หลังผมโพสต์บทความนี้ไปแล้ว เธอก็มากดไลค์ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเธออ่านจบหรือเปล่า แต่ที่ทำให้ผมคิดว่าเธอน่าจะอ่านจบ เพราะว่า 2วันต่อมาเธอก็ลบเฟซผม ผมไม่รู้ว่าเธอกลับไปคืนดีกับแฟน หรือ โมโหที่ผมเขียนด่าการพนัน ซึ่งมันเป็นเหมือนงานอดิเรกของเธอ
โอเคถือว่าคัดคนได้พอสมควรเลยล่ะ ผมเองก็ไม่ได้อยู่สูงกว่าเขา แต่ไลฟ์สไตล์ที่มันสวนทางกันยังไงมันก็ไปกันไม่รอดจริงไหมครับ
ลองคิดดูสิ
สุดท้ายนี้ผมก็ขอยืนยันคำเดิมว่า โจรขึ้นบ้าน10ครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้ครั้งเดียว ไฟไหม้บ้าน10ครั้ง ไม่เท่าการเล่นพนันครั้งเดียว
อ้างอิง
th.wikipedia.org
ยุธิษฐิระ
5 บันทึก
3
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เล่าเรื่อง ปกรณัมอินเดีย ในสไตล์ของผม
5
3
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย