7 มี.ค. 2021 เวลา 17:21 • สิ่งแวดล้อม
“นกฮูก นักล่าไร้เสียง"
ภาพโดย Capri23auto จาก Pixabay
นกฮูก หรือ นกเค้าแมว นกตัวโปรดของใครหลาย ๆ คน มีทั้งตัวเล็กน่ารักจนไปถึงตัวใหญ่ที่ดูสง่างามน่าเกรงขาม และยังเป็นนักล่าอันแสนน่ากลัว นกฮูกอยู่คู่กับคนเรามานานแสนนาน แต่ เอ.... เคยสงสัยกันมั้ยว่า ทำไมเราไม่ค่อยได้เจอนกฮูกตัวเป็น ๆ กันเลย ทั้ง ๆ ที่นกฮูกเป็นนกที่สามารถพบได้ทั่วไปและบางชนิดอาศัยอยู่ในเมืองกับเราด้วย มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย
นกฮูกเป็นนกนักล่าที่สามารถพบได้ทั่วไป ทั้งในประเทศไทย และกระจายอยู่ทั่วทั้งโลก (ยกเว้นในทวีปแอนตาร์กติกา) มีหลากหลายสายพันธุ์ ยกตัวอย่างนกฮูกที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปในประเทศไทยคือ นกแสก นกเค้าจุด นกเค้าโมง เป็นต้น พวกมันล่าเหยื่อที่ตัวเล็กกว่ามันเป็นอาหาร เช่น หนู แมลง สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก เป็นต้น นกฮูกส่วนใหญ่หากินในเวลากลางคืน แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ออกมาล่าในเวลากลางวันได้ด้วยเช่นกัน
นกฮูกขึ้นชื่อว่าเป็นนกที่บินได้เงียบที่สุดชนิดหนึ่ง เงียบจนหูของคนเราแทบจะไม่ได้ยินเสียงเวลามันกระพือปีกบินเลยด้วยซ้ำ มีนักวิทยาศาสตร์ในสารคดีช่อง BBC Earth ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับเสียงบินของนกฮูก โดยใช้ นกพิราบ เหยี่ยว และนกแสก เป็นตัวทดลอง โดยให้บินผ่านไมโครโฟนในระยะใกล้ ๆ ผลสรุปออกมาปรากฎว่าเป็นนกแสกมีเสียงบินที่เบาที่สุด จนไมโครโฟนแทบจับค่าความถี่เสียงบินไม่ได้เลย หรือแทบจะเรียกได้ว่าไร้เสียงบินเลยก็ว่าได้
ภาพโดย danny moore จาก Pixabay
รับชมคลิบวิดีโอ ของ BBC Earth
สาเหตุที่นกฮูกสามารถบินแบบนุ่มนวนและไร้เสียงได้นั้น เกิดจากโครงสร้างร่างกายที่มีตัวที่เล็กและส่วนปีกที่ค่อนข้างกว้าง จึงทำให้นกฮูกไม่จำเป็นต้องขยับปีกในขณะที่บินอยู่มากนัก และที่สำคัญกว่านั้นคือเกิดมาจากลักษณะพิเศษของขนมัน ขนตรงส่วนปลายปีกของมันในแต่ละเส้นเมื่อขยายภาพดูแล้ว มีลักษณะคล้ายกับซี่ของหวีเล็ก ๆ เรียงต่อกันตลอดแนว โดยขนแต่ละเส้นมีการเว้นระยะห่างให้เกิดช่องอากาศเล็กน้อย ปล่อยให้อากาศผ่านไปบางส่วนเพื่อลดการแปรปรวนของอากาศที่เป็นสาเหตุของเสียงที่ดังขั้นด้วย
**การมีช่องว่างระหว่างขนยิ่งกว้างเท่าไหร่จะยิ่งบินเสียงเบาลงเท่านั้น**
ภาพขยายขนปลายปีกของนกฮูก ที่มา: www.audubon.org
แตกต่างจากนกอื่น ๆ ที่ขนของมันแต่ละเส้นเรียงติดกันจนแทบไม่เกิดช่องว่างระหว่างขนเลย การบินของนกอื่น ๆ จึงทำให้เกิดการแปรปรวนของอากาศที่รุนแรงกว่าจึงมีเสียงที่ดังกว่า แต่ข้อดีของมันคือช่วยทำให้นกใช้แรงในการบินน้อยลง
ขนนกชนิดอื่น ภาพโดย PublicDomainPictures จาก Pixabay
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ เราลองใช้มือของเราพัดไปที่บริเวณข้าง ๆ หูของเราให้เกิดลมดูสิ โดยรอบแรกทำนิ้วมือให้ชิดติดกันทั้งหมดทุกนิ้วไม่ให้มีช่องว่างระหว่างนิ้ว และรอบสองกางนิ้วออกทุกนิ้วให้มีช่องว่างระหว่างนิ้ว จะเห็นได้ว่ามือที่กางนิ้วออกจะมีเสียงที่เบากว่า
อย่างไรก็ตามการที่นกฮูกมีขนประเภทนี้อาจทำให้ต้องใช้แรงในการบินมากกว่านกนักล่าชนิดอื่น ๆ เล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากมาย เพราะนกฮูกมีพฤติกรรมหาเหยื่อโดยบินไล่ต้อนเหยื่อในระยะทางสั้น ๆ เพียงไม่กี่เมตร อาณาเขตการล่าไม่ได้กว้างเท่ากับนกนักล่าชนิดอื่น ๆ
การที่นกฮูกวิวัฒนาการให้มีเสียงบินที่เบาย่อมมีเหตุผลแน่นอน โดยมีข้อสมมติฐานอยู่ด้วยกัน 2 ข้อ
1. วิวัฒนาการมาเพื่อล่าเหยื่อที่มีการรับรู้ทางด้านเสียงทีดี หรือไวต่อเสียงต่าง ๆ เช่น หนู เป็นต้น การที่นกฮูกบินล่าเหยื่อแบบไร้เสียงทำให้เหยื่อของมันไม่ทันระวังตัว และเพิ่มโอกาสในการล่าได้สำเร็จมากยิ่งขึ้น โดยการศึกษาและสำรวจพบว่านกฮูกที่ล่าหนูเป็นอาหารมีช่องว่างระหว่างขนมากกว่า และบินได้เบากว่านกฮูกที่ล่าแมลงและปลาเป็นอาหาร
2. วิวัฒนาการมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับเสียงขณะล่าเหยื่อในเวลากลางคืน เมื่อนกฮูกล่าเหยื่อในเวลากลางคืน นอกจากสายตาที่ดีแล้ว การได้ยินเสียงของเหยื่อก็มีความสำคัญเช่นกัน อีกทั้งในขณะที่บินล่าเหยื่ออยู่ อาจมีโอกาสที่เหยื่อจะคลาดสายตาไป ดังนั้นเมื่อเสียงบินที่เบาลงจึงทำให้นกฮูกได้ยินเสียงของเหยื่อได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และไล่ตามเหยื่อได้ทันเวลา จากการศึกษายังพบว่านกฮูกที่ออกล่าในเวลากลางคืนสามารถบินได้เบากว่านกฮูกที่ล่าในเวลากลางวัน
อย่างไรก็ตามการวิวัฒนาการร่างการของนกฮูกทั้งสองสมมติฐานนี้มีความสอดคล้องกัน และการวิวัฒนาการการบินแบบไร้เสียงนี้ยังเป็นหนึ่งในความสำเร็จในด้านการล่าของนกฮูก หรือ นกเค้าแมวอีกด้วย สำหรับหนูผู้โชคร้ายที่ออกมาหาอาหารในเวลากลางคืนหากต้องเจอกับนกฮูกต้องบอกเลยว่าโอกาสรอดจากกรงเล็บอันแสนทรงพลังนั้นน้อยมาก และกว่าจะรู้ตัวว่าผู้ล่ามาถึงตัวก็หมดลมหายใจไปสะแล้ว นกฮูกจึงถูกขนาดนามว่า “นักล่าไร้เสียง” (Silent Hunter)
หลังจากอ่านบทความแล้วคงจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมว่าหนึ่งในสาเหตุที่เราไม่ค่อยได้พบนกฮูก หรือนกเค้าแมวตัวเป็น ๆ นั้น คือการบินอันไร้เสียงของมันนั้นเอง ไม่แน่ว่าในขณะที่คุณกำลังอ่านบทความนี้อยู่ มันอาจจะบินผ่านหน้าต่างของบ้านคุณไปแล้วก็ได้
.
.
.
หากชื่นชอบบทความแบบนี้อีกอย่าลืมกดติดตาม กดไลก์ หรือเข้ามาพูดคุยในคอมเมนต์ของเราได้นะครับ
อ้างอิง
Written by Tan A-ROUND

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา