11 มี.ค. 2021 เวลา 10:03 • ประวัติศาสตร์
17 กุมภาพันธ์ 2328
"พวกเจ้าเป็นไพร่ ข้าเป็นพระราชวงศ์ แต่เจ้ากับข้าเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือเราเป็นคนไทย เป็นเจ้าของแผ่นดินนี้เหมือนกัน"
"รบวันนี้เราจะแสดงให้ผู้รุกรานเห็นว่าเราหวงแหนแผ่นดินไทย"
"รบวันนี้เราจะไม่กลับมาค่ายนี้อีกจนกว่าจะขับไล่ศัตรูไปพ้นชายแดน"
4
"ข้าจะไม่ขอให้พวกเจ้ารบเพื่อใครนอกจากรบเพื่อแผ่นดินของเจ้าเอง แผ่นดินที่เจ้าจะมอบให้ลูกหลานของเจ้าได้อยู่อาศัยอย่างเป็นสุขสืบต่อไป"
เหล่าทหารกล้าโห่ร้องฮึกเหิมห้าวหาญ พร้อมสู้ตายออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเพื่อปกป้องผืนเเผ่นดินให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอันเป็นที่รักทั้งครอบครัวเเละลูกหลานของตน ในการเผด็จศึกศัตรูให้พ้นออกไปจากเเผ่นดินไทย ณ สมรภูมิทุ่งลาดหญ้าในครานั้น
เหล่าเเม่ทัพนายกองไทยทุกค่ายจัดทัพระดมกำลังพลโจมตีค่ายพม่าพร้อมกันทุกค่าย โดยนำปืนใหญ่ออกมายิงถล่มค่ายคูประตูหอรบของข้าศึกได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วง เมื่อค่ายพม่าทุกค่ายถูกปืนใหญ่ฝั่งไทยยิงกระหน่ำจนเสียหายย่อยยับเเล้ว
สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงอาชาสีขาวงามสง่าอยู่หน้าเเถวสุดกองทัพของเหล่าทหารไทยผู้กล้า ทรงชักดาบออกจากฝักชูขึ้นเหนือศรีษะ พร้อมประกาศเสียงกัมปนาทกึกก้องต่อเหล่าทหารกล้าทั้งหลาย
1
"มาเถิดเหล่าพี่น้องข้าทั้งหลาย ตามข้ามาขับไล่อ้ายพวกศัตรูให้พ้นจากบ้านเรา"
ทรงควบอาชาอย่างห้าวหาญไม่เกรงกลัวต่อพญามัจจุราชนำหน้าเหล่าทหารเเม่ทัพนายกอง โดยมีเสียงโห่ร้องตะโกนอย่างกึกก้องตามหลังพระองค์ท่านมา คือเสียงเหล่าทหารผู้กล้าที่พร้อมยอมพลีชีพเพื่อการศึกในครั้งนี้
"ทัพไทยเเละทัพพม่าปะทะกันอย่างดุเดือดในสมรภูมิตัดสินศึกทุ่งลาดหญ้า"
ดาบประดาบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในการปะทะของทหารทั้งสองฝั่ง เลือดไหลลงชะโลมผืนเเผ่นดินเพื่อรักษาเเผ่นดินนี้ไว้เเก่ลูกหลานไทยในวันข้างหน้าให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงควบอาชาด้วยความคล่องเเคล่วว่องไว เข้าสังหารตัดหัวนายทัพข้าศึกอย่างรวดเร็วหลายคนอย่างนับไม่ถ้วนในสมรภูมิครานั้น ด้วยฝีมือเพลงดาบเเละการบังคับอาชาอย่างหาผู้ใดเสมอเหมือนในเเผ่นดินไม่ได้
เหล่าข้าศึกศัตรูเสียขวัญชีวิตของพวกมันร่วงหล่นดังใบไม้ร่วงเหล่าทหารไทยที่ตามพระองค์มาเข้าสังหารข้าศึกผู้รุกรานอย่างองอาจ กล้าหาญเเละดุดัน
ในขณะเมื่อทัพพม่าถอยหนีอย่างหวาดกลัว
"เจ้าขุนเณร" ได้รวบรวมไพร่พลทหารกองโจรอีกกว่า 1500 คน ดักรอทัพพม่าที่จะถอยหนีออกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์ ยกเข้ากระหนาบตีทัพพม่าข้าศึกด้วยความห้าวหาญ ดุเดือด พม่าล้มตายที่ชายเเดนไทยเป็นอันมาก
ส่วนที่หนีรอดกลับไปได้ ก็ไปอดตายหลังพ้นชายเเดนไทย 5-6 พันคน ด้วยอดยากหมดกำลังเรี่ยวเเรง ทนพิษบาดเเผลไม่ไหวบ้าง พระองค์เจ้าขุนเณรทรงจับเชลยศึกเเละศาสตราวุธจำนวนมากส่งกลับมาให้ทัพหลวงได้ในครั้งนั้น
เมื่อทัพข้าศึก ณ สมรภูมิทุ่งลาดหญ้าถูกทัพไทยตีเเตกพ่ายจนพ้นเขตเเดนเเล้ว
เสียงทหารไทยโห่ร้องสุดขีดด้วยความดีใจที่ตนเองเป็นหนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์สำคัญด้วยความภาคภูมิใจที่รักษาเเผ่นดินตรงนี้เอาไว้ให้ลูกหลาน เเม้ต้องเเลกมาด้วยเลือดเนื้อของพวกเค้าเหล่านั้นก็ตาม
2
สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงชูพระเเสงดาบประกาศชัยในสมรภูมิศึกทุ่งลาดหญ้า
"เหล่าทหารกล้าของข้าทั้งหลายบัดนี้ ทัพของเรามีชัยเหนือข้าศึก ณ สมรภูมิเเห่งนี้เเล้ว เเต่การศึกในครานี้ของเรายังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากทัพพม่าจัดกองทัพยกเข้ารุกรานพี่น้องเราเป็นหลายกองทัพทั้งทางทิศเหนือเเละใต้"
"หน้าที่ของพวกเรายังไม่จบสิ้นเราจะลงปักษ์ใต้ไปช่วยเหลือพี่น้องเราที่ถูกไอ้หัวโพกผ้ามันรุกราน พวกเราทุกคนจะลงไปกวาดล้างมันให้หมดสิ้นขับไล่ให้ออกจากผืนเเผ่นดินของเรา"
1
ทหารกล้าทุกคนโห่ร้องในชัยชนะ ขวัญกำลังใจดีเยี่ยม เหล่าบรรดาเเม่ทัพนายกองจัดกองทัพเตรียมยกลงทิศใต้ขับไล่ข้าศึกศัตรูที่ยังเหลืออยู่ตามพระราชบัญชาเเห่ง
องค์จอมทัพวังหน้ากรุงรัตนโกสินทร์.....................

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา