12 มี.ค. 2021 เวลา 08:38 • ยานยนต์
การสอบเพื่อให้ได้ใบขับขี่รถยนต์ของประเทศอันศิวิไลนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ขี้หมูขี้หมาเหมือนที่ประเทศไทย แต่ที่ยิ่งไปกว่าเรื่องยากง่ายก็คือ มันแพ๊งงงงงงงงงงง แม้แต่กับคนสวิสเองก็ยังออกปากค่อนขอดว่า ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองไปหมด
3
เอาล่ะค่ะเราลองมาไล่เรียงดูว่ามีอะไรบ้าง

1️⃣ ลงเรียนวิชาปฐมพยาบาลเบื้องต้น 1.5 วัน ราคา 100.- 
2️⃣ ตรวจวัดสายตา -- ราคา 15.-
3️⃣ ลงเรียนทฤษฎีและกฎจราจร ข้อนี้ไม่บังคับ จะลงเรียนหรือซื้อ App เรียนเองก็ได้ -- App ราคา 15.-
4️⃣ ลงทะเบียนสอบข้อเขียน -- ราคา 30.-
7
เมื่อสอบข้อเขียนผ่านแล้วจะได้ใบหัดขับขี่ ซึ่งมีระยะเวลา 2 ปี ภายใน 2 ปีนี้เราสามารถขับรถยนต์โดยติดป้าย L ไว้ท้ายรถและมีผู้ที่มีใบขับขี่มาแล้ว 3 ปีเป็นผู้โดยสารไปด้วย (ห้ามหัดขับคนเดียว) และภายใน 2 ปีนี้ต้องสอบใบขับขี่ให้ได้ หากหมดอายุแล้วยังไม่ได้ไปสอบ หรือสอบไม่ผ่าน ก็ต้องสอบข้อเขียนใหม่อีกครั้ง
5️⃣ ลงเรียนทฤษฎีเกี่ยวกับการปฎิบัติตัวบนท้องถนน การดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้นเป็นเวลา 4 วัน ๆ ละ 2 ชั่วโมง -- ราคา 199.-
6️⃣ ลงเรียนขับรถกับผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อย 10 ชั่วโมง (ไม่นับรวมกับการหัดขับรถเอง) โดยปกติก็ชั่วโมงละ 80-100 ก็คือ -- ราคา 800 เป็นอย่างต่ำ
7️⃣ สอบปฎิบัติ -- ราคา 140.-
8️⃣ ค่าใบขับขี่ -- ราคา 40.-
9️⃣ ค่าอบรมคอร์ส WAB 8 ชั่วโมง (ต้องเข้าอบรมภายในหนึ่งปีหลังจากได้ใบขับขี่) – ราคา 460.-
สรุปแบบคร่าวมาก ๆ ก็ประมาณ 1,800 ฟรัง คิดเป็นเงินไทยอัตรา 35 บาท=1 ฟรัง ก็คือยอด 63,000 บาท
😲แต่ในความจริงมันจะมีค่าใช้จ่ายแฝงเรื่องค่าเดินทางค่านู่นนี่เข้ามาอีก และการเรียนขับรถถ้าเป็นมือใหม่มาก ๆ ก็มักจะเกิน 10 ชั่วโมง เคยได้ยินว่าบางคนต้องเรียนถึง 40-50 ชั่วโมง โอ๊ยยย ตายแล้ว ไม่กล้ากดเครื่องคิดเลขเลยทีเดียว!!
🤔ที่ต้องไปเรียนกับครูสอนขับรถให้มั่นใจ เพราะการสอบภาคปฏิบัติค่อนข้างเข้มงวด มีจนท.ขึ้นนั่งไปข้าง ๆ เราด้วย พร้อมชาร์ทในมือที่คอยจด คอยติ๊กนู่นนี่ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่ามีอะไรบ้าง แต่ครูสอนขับรถรู้ค่ะ!!
ครูจะกำชับเราในทุกเรื่อง สอนละเอียด เข้มงวดกว่าผู้คุมสอบเสียอีก มันมีเรื่องที่เราต้องระมัดระวังมากมายไปหมด และการเรียนกับครูผู้สอนนั้น ก็ถือเป็นการได้เรียนจากข้อสอบเก่าไปในตัว เพราะครูจะสอนทุกอย่างแบบย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ให้เราชินและทำเป็นนิสัย
😲อาทิเช่น การเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนส์ ต้องเช็คจุดไหนก่อน และต้องหันหน้าหันคอเพื่อไปเช็คจุดบอดที่มองทางกระจกไม่เห็นอีกด้วย การสอนจอดรถด้านข้างที่ยังไงก็ออกสอบปฏิบัติ 100% การสอนเบรคฉุกเฉิน การสอนขับรถไปยังจุดหมายตามคำบอก ฯ เทคนิคมากมายที่ครูสอน รับรองว่าการเรียน 10 ชั่วโมง จะทำให้มั่นใจในวันสอบปฏิบัติแน่นอน และยิ่งไปกว่านั้นก็คือจะทำให้เรามีพื้นฐานการขับรถที่ถูกต้องและปลอดภัยกับผู้ร่วมใช้ถนนทุกคน
1
เมื่อเรียนปฎิบัติและซ้อมขับขี่จนมั่นใจแล้ว มดก็พร้อมสอบปฏิบัติ ซึ่งแม้จะกังวลบ้าง เพราะการสอบของที่นี่คือการต้องขับไปบนท้องถนนจริง ๆ กับเจ้าหน้าที่ผู้สอบ โดยเราจะขับไปตามคำสั่งในระยะเวลา 30 นาที
3
ซึ่งทางผู้สอบจะมีลิสต์รายการต่าง ๆ ที่จะคอยตรวจว่าเราสามารถปฎิบัติได้ถูกกฎจราจร และสามารถแก้ไขสถานการณ์จากเหตุการณ์จริงได้หรือไม่ ถ้าภายใน 30 นาทีไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ หลังจากสอบเสร็จ ผู้สอบก็จะเซ็นชื่อลงในใบหัดขับขี่ และเราก็นั่งรอใบขับขี่ตัวจริง ที่จะส่งตรงมาถึงบ้านทางไปรษณีย์
🚨😲 แต่ถ้าผู้เข้าสอบไม่ผ่านการทดสอบ สามารถยื่นขอสอบใหม่ได้ทั้งหมด 4 ครั้ง (แต่ละครั้งต้องยื่นเอกสารพิเศษเพิ่ม) หากไม่ผ่านเป็นครั้งที่ 4 และต้องการสอบใหม่จำเป็นต้องเข้ารับการประเมินจากจิตแพทย์พร้อมใบรับรอง เพื่อทำการทดสอบในสภาพที่เหมาะสมตามคำสั่งแพทย์
1
ตอนที่ใบขับขี่มาอยู่ในมือแล้วนั้น ยังไม่ทันที่ความเครียดความเกร็งตลอดช่วงเวลา 1 เดือนที่ต้องออกไปเรียน ไปซ้อม และสุดท้ายไปสอบนั้นจะจางหาย ครูก็แจ้งว่าได้ใบขับขี่มาแล้วต้องเอารถออกมาขับบ่อย ๆ จะได้เกิดความชำนาญ เพราะภายในหนึ่งปี เราต้องไปลงคอร์ส WAB ซึ่งเป็นคอร์ส
🚨😲“อบรมทบทวนประสิทธิภาพการขับขี่ให้ปลอดภัยและชาญฉลาดยิ่งขึ้น”🚨
1
จากตอนแรกที่กังวลเกี่ยวกับคอร์ส WAB เพราะต้องนำรถส่วนตัวไปเข้าอบรมด้วยนั้น พอถึงเวลาจริงถึงได้รู้ว่ามันน่าสนุกกว่าน่ากังวล เพราะเป็นคอร์สที่เราจะได้เรียนรู้การขับรถในสถานการณ์พิเศษต่าง ๆ ที่จำเป็นในเวลาฉุกเฉิน
1
😲อาทิเช่น การเบรคฉุกเฉินบนถนนต่าง ๆ และในความเร็วต่างกัน ที่สนุกก็คือเบรคฉุกเฉินความเร็ว 50 กม/ชม บนพื้นผิวที่ลื่นจากน้ำ และเบรคบนทางโค้งถนนลื่น ซึ่งสถานการณ์จำลองต่าง ๆ นั้น ในการขับรถประจำวันของมดแทบจะไม่มีโอกาสได้พบ
แต่เมื่อได้มาเรียนก็ทำให้เรามีประสบการณ์เพิ่ม หากในอนาคตพานพบกับเหตุฉุกเฉินแบบนี้ก็จะยังคงสติและแก้ไขปัญหาได้ นอกจากที่ได้เรียนจำลองสถานการณ์
😲ในภาคบ่ายก็ได้ออกไปขับรถกับครูผู้สอนและผู้ร่วมเข้ารับการอบรมท่านอื่น เป็นการผลัดเปลี่ยนกันขับคนละ 30 นาทีแบบเดียวกับการสอบปฏิบัติ โดยให้ผู้โดยสารทุกคนเป็นผู้ให้ feed back เกี่ยวกับการขับขี่ของเรา ซึ่งระหว่างนั้นครูผู้สอนจะให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการขับแบบประหยัดพลังงานด้วย
เมื่อจบการอบรมครูผู้สอนปิดท้ายว่า แม้ตอนนี้ใบขับขี่ของทุกคนจะมีผลสมบูรณ์ทุกประการแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่ใบขับขี่ถาวร เป็นใบขับขี่ช่วงทดลองเท่านั้น (Probationary driving licence)
😲ในระยะเวลา 3 ปีนับตั้งแต่ได้ใบขับขี่มา ยังเป็นช่วงที่ต้องใช้ความระมัดระวัง หากมีการทำผิดกฎจราจรถึงขั้นยึดใบขับขี่ ก็จะถูกยืดระยะเวลา Probation ออกไปอีกหนึ่งปี
😲หลังจากที่มดผ่านกระบวนการเคี่ยวกรำจนได้ใบขับขี่มาครอบครองแล้ว ก็สรุปกับตัวเองได้ว่า คนสวิสไม่ได้มีจิตวิญญาณของการขับรถแบบมีคุณภาพตั้งแต่เกิด ทุกอย่างหล่อหลอมให้ประชากรเค้าขับรถปลอดภัยทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการอบรมคอร์สต่าง ๆ ระยะเวลาทดลองหัดขับขี่ที่ยาวนาน การบังคับเรียนขับรถพื้นฐานกับผู้เชี่ยวชาญ กฎจราจรที่เคร่งครัด ฯ
✅ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นทั้งกรอบและข้อบังคับ ที่ทำให้เกิดการใช้รถใช้ถนนอย่างมีคุณภาพ การอบรมทั้งทฤษฎีและปฎบัติครั้งแล้วครั้งเล่า ก็จะได้รับการปรับ Mind set เรื่องกฎระเบียบ และ มารยาทอยู่เสมอ เมื่อมาอยู่บนท้องถนนร่วมกับผู้ที่ใช้กฎ กติกา มารยาทเดียวกัน
1
จึงทำให้มวลรวมของทุกคนไปในทิศทางเดียวกัน ปัญหาบนท้องถนนจึงเกิดน้อยขึ้นตามลำดับ และรวมไปถึงการบังคับใช้กฎหมายจราจรที่เคร่งครัด ทั้งค่าปรับและบทลงโทษที่สูง ทำให้ไม่มีใครอยากจะแลกและกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้งถ้าถูกยึดใบขับขี
หวังว่าประสบการณ์ในการยื่นขอใบขับขี่ของมดคงเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ
อ้างอิงข้อมูล จากลิงค์ด้านล่างค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ 🙏❤️
พูดคุยทักทายกันได้ที่คอมเม้นด้านล่างค่ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา