14 มี.ค. 2021 เวลา 15:28 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
American Beauty (1999)
"American Beauty (1999)"
**คำเตือนข้อความด้านล่างมีการ Spoil ภาพยนตร์**
01. Alan Ball เป็นนักเขียนบทภาพยนตร์ เขานั่งอยู่ที่ World Trade Center Plaza แล้วได้เห็นถุงปลิวไหวไปกับสายลมนานหลายนาทีจึงได้แรงบรรดาลใจในการเขียนบทภาพยนตร์ขึ้นมา ซึ่งเดิมทีเขาตั้งใจว่าจะทำเป็นละครเวที
02. Alan Ball ได้ถ่ายทอดเรื่องราวโดยใช้ชีวิตของตัวเองในวัย 30 กว่าเป็นการแสดงออกในแง่มุมต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น การเริ่มเบื่องานที่ตัวเองทำ การไม่อยากเคารพคนที่ไม่ชอบ หรือแม้แต่การนำเอาความสงสัยในวัยเยาว์ของตัวเองว่าพ่อเป็นรักร่วมเพศ
03. Alan Ball ได้นำบทภาพยนตร์สามเรื่องไปเสนอให้กับ Andrew Cannava โดยนอกจาก American Beauty ยังมีอีกสองเรื่องที่เป็นแนวโรแมนติกคอมมาดี้ แต่ทาง Andrew Cannava เลือกเพียงเรื่อง American Beauty เท่านั้นเพราะเขารู้สึกว่า Alan Ball มีความลุ่มหลงในเรื่องนี้มากที่สุด
04. Andrew Cannava ส่งบทภาพยนตร์ดังกล่าวไปให้กับผู้คนมากมายรวมถึง Dan Jinks และ Bruce Cohen ด้วย แต่สุดท้ายมันก็ไปอยู่ในค่าย DreamWorks
05. เมื่อผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์อย่าง Steven Spielberg ได้อ่านบทภาพยนตร์ในคืนวันเสาร์ เมื่อเขาเดินทางมาถึงที่สำนักงาน DreamWorks ในตอนเช้าวันจันทร์ เขาได้บอกว่า “มาทำภาพยนตร์เรื่องนี้กันเถอะ แล้วห้ามเปลี่ยนบทแม้แต่คำเดียว”
06. ทางค่าย DreamWorks ตัดสินใจซื้อบทภาพยนตร์ดังกล่าวในราคา 250,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าค่าย Fox Searchlight Pictures, October Films, Metro-Goldwyn-Mayerและ Lakeshore Entertainment
07. ทางค่าย DreamWorks ให้งบการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ 6 – 8 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
08. งบประมาณของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกใช้ไป 15 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่ได้กำไรทั้งสิ้น 356.3 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
09. Steven Spielberg เป็นผู้เจาะจงให้ Sam Mendes มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากเขาต้องการใช้ผู้กำกับหน้าใหม่เพื่อประหยัดงบประมาณในการสร้างภาพยนตร์
"Sam Mendes ในกองถ่ายภาพยนตร์"
10. Terry Gilliam และ David Lynch ปฏิเสธโอกาสที่จะมากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้
11. เป็นการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของ Sam Mendes และส่งผลให้เขาได้รับรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก Academy Award
12. Sam Mendes ได้ทำ Storyboard อย่างละเอียดโดยมีการใช้สไตล์ภาพถึงสามแบบ กล่าวคือ แบบที่หนึ่งจะเป็นภาพทางการเพื่อใช้สำหรับเล่าเนื้อเรื่อง แบบที่สองจะเป็นภาพสวยงามเกินจริงสำหรับฉากความฝัน และแบบสุดท้ายจะเป็นภาพจากกล้องวีดีโอคุณภาพธรรมดา
"Storyboard ของ Sam Mendes"
13. นักแสดง Chevy Chase, Kevin Costner, Jeff Daniels, Woody Harrelson, John Travolta, Tom Hanks และ Bruce Willis ต่างปฏิเสธบทบาท Lester Burnham
14. Holly Hunter และ Helen Hunt ต่างถูกทาบทามให้มารับบทบาทเป็น Carolyn Burnham
15. Jessica Biel ได้รับเลือกให้มาแสดงเป็น Jane Burnham แต่สุดท้ายต้องปฏิเสธไปเนื่องจากติดสัญญาในการแสดงภาพยนตร์เรื่อง 7th Heaven (1996) ส่วนนักแสดง Leelee Sobieski ได้เข้ามาคัดตัวสำหรับแสดงบทบาท Jane Burnham แต่กลับไม่ได้แสดง
16. Jake Gyllenhaal และ Seth Green ต่างเข้ามาคัดตัวเพื่อต้องการแสดงเป็น Ricky Fitts
17. Wes Bentley ได้รับเลือกให้แสดงในบทของ Ricky Fitts เนื่องจากตอนคัดตัวนักแสดง ทุกคนต้องแสดงฉากที่ตัวละครดังกล่าวอธิบายถึงความสวยงามของถุงที่ปลิวไหวไปกับสายลม ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่สามารถอ่านบทออกมาแล้วทำให้รู้สึกได้ว่าเขาเข้าใจถึงความสวยงามนั้นจริง ๆ
18. นักแสดงที่โด่งดังในยุคนั้นอย่าง Kirsten Dunst, Sarah Michelle Gellar, Brittany Murphy, Katie Holmes Majandra Delfino และ Kate Hudson ต่างถูกเสนอให้มารับบทบาทเป็น Angela Hayes แต่ทุกคนต่างปฏิเสธ นอกจากนั้นนักแสดงอย่าง Tiffani Thiessen ได้เข้ามาคัดเลือกบทบาทดังกล่าวแต่ไม่ผ่านเข้ารอบ
19. นักแสดง Kirsten Dunst ให้สัมภาษณ์โดยอธิบายถึงการปฏิเสธบทบาท Angela Hayes สั้น ๆ ว่า “ฉันไม่อยากจูบกับ Kevin Spacey โดยที่นอนเปลือยกายอยู่ในอ่างที่มีกลีบกุหลาบ!”
20. Sarah Michelle Gellar ปฏิเสธบทบาท Angela Hayes เนื่องจากติดสัญญาแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง Buffy the Vampire Slayer (1997)
1
21. Kevin Spacey และ Annette Bening เป็นนักแสดงตัวเลือกแรกของ Sam Mendes ที่จะมาสวมบทบาทเป็น Lester Burnham และ Carolyn Burnham
"Kevin Spacey และ Annette Bening"
22. Kevin Spacey, Annette Bening และ Conrad L. Hall ต่างยอมลดค่าตัวการแสดงลงมาเพื่อแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้
23. เพื่อเตรียมตัวให้ Wes Bentley แสดงในบทบาทของ Ricky Fitts ผู้กำกับอย่าง Sam Mendes ได้จัดหากล้องวีดีโอให้กับเขา โดยบอกให้เขาถ่ายในสิ่งที่ตัวละคร Ricky Fitts อยากถ่ายในภาพยนตร์
1
24. Sam Mendes ได้มอบเพลง Don't Rain on My Parade ให้กับนักแสดง Annette Bening เพื่อให้เข้าถึงตัวละครของ Carolyn Burnham โดยตัวนักแสดงชื่นชอบมากจึงได้ร้องขอให้เขาใส่ฉากที่ตัวละครร้องเพลงดังกล่าวลงในภาพยนตร์ด้วย
25. Sam Mendes มอบหนังสือภาพวาดของ Edvard Munch ให้กับนักแสดง Allison Janney ที่มาสวมบทบาทเป็น Barbara Fitts โดยบอกว่า “คาแรคเตอร์ของตัวละครที่เธอแสดงอยู่ภายในหนังสือเล่มนี้”
26. ในขณะการถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ Kevin Spacey ต้องทำการปรับเปลี่ยนรูปร่างจากหย่อนยานเป็นกระชับขึ้น
27. ชื่อของภาพยนตร์ได้กล่าวถึงกุหลาบสายพันธุ์หนึ่งที่แม้จะมีรูปลักษณ์สวยงามและน่าดึงดูด แต่ภายใต้รากและกิ่งก้านของพวกมันมักจะเน่า ดังนั้นสโลแกนของภาพยนตร์ที่ว่า "เข้ามาใกล้ ๆ แล้วมองให้ดี" จึงเป็นการบอกกับผู้ชมว่าเมื่อพวกเขามองเห็นชีวิตชานเมืองที่สมบูรณ์แบบ พวกเขาจะพบว่ามีบางสิ่งที่เน่าเหม็นอยู่ที่รากเหง้าเสมอ
28. หลังจากถ่ายทำภาพยนตร์ไปได้สามวัน ผู้กำกับอย่าง Sam Mendes รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากจนถึงขั้นไปขอร้องทางค่าย DreamWorks ให้ถ่ายทำบางฉากใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเขาเลือกการถ่ายทำไม่ดี ฉากไม่ดี เสื้อผ้าไม่ดี การให้นักแสดงเล่นใหญ่เกินไป จนทุกอย่างดูตลกไปหมด ซึ่งทั้งหมดมาจากการกำกับของเขาเองทั้งนั้น และน่าเศร้าที่ทุกคนต่างยอมทำตามในสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่มีการขัดแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
29. โดยวันแรกของการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นฉากการเปิดขายบ้านของ Carolyn Burnham แต่ปรากฏว่าภาพทั้งหมดมืดเกินไปจนแทบมองไม่เห็นนักแสดง Annette Bening เลย ซึ่งเป็นความผิดพลาดในการสื่อสารกันระหว่างผู้กำกับอย่าง Sam Mendes และผู้กำกับภาพอย่าง Conrad L. Hall จึงทำให้ทั้งสองตกลงกันว่าต้องสื่อสารกันให้มากขึ้น
30. ฉากที่ Annette Bening กรีดร้องหลังจากขายบ้านไม่ได้ ถูกถ่ายทำเพียงแค่รอบเดียวผ่าน
"ฉากกรีดร้องหลังจากขายบ้านไม่ได้"
31. เทปเสียงที่ Carolyn Burnham ฟังเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ถูกจัดทำโดย Dr. Alan Ball ซึ่ง Alan Ball คือชื่อของผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้
32. การเปิดเรื่องที่เป็นถ่ายทำจากเฮลิคอปเตอร์ถ่ายมุมด้านบนอากาศ เดิมทีเป็นการถ่ายเพื่อใช้ในฉากที่ Lester Burnham ลอยอยู่บนท้องฟ้าแล้วดิ่งลงบนเตียงในตอนเช้า
33. ทางทีมงานต้องเปลี่ยนไปถ่ายภาพทางอากาศที่ Sacramento, California แทน จากที่ดั้งเดิมพวกเขาตั้งใจถ่ายทำที่น่านฟ้าของ San Jose, California แต่กรมตำรวจไม่ยินยอมให้มีการขับเฮลิคอปเตอร์ต่ำกว่า 300 ฟุต ซึ่งทีมงานต้องการที่ 100 ฟุต แต่ถึงกระนั้นเมื่อเปลี่ยนไปถ่ายที่ Sacramento, California ก็ไม่สามารถขับเฮลิคอปเตอร์ต่ำกว่า 300 ฟุตเช่นกัน
34. มีการใช้คอนทราสต์ของสีแดงบนพื้นหลังสีขาวตลอดทั้งเรื่อง ตัวอย่างเช่น กลีบกุหลาบสีแดงในอ่างสีขาว, กุหลาบสีแดงร่วงจากเพดานสีขาว, เลือดบนเสื้อเชิ้ตสีขาว, รถสีแดงหน้าประตูโรงรถสีขาว และประตูหน้าสีแดงล้อมรอบด้วยกรอบพร้อมผนังสีขาว
35. ฉากที่ Lester Burnham ช่วยตัวเองขณะนอนบนเตียงข้างกายกับ Carolyn Burnham นั้น ผู้กำกับอย่าง Sam Mendes ได้ขอให้ Kevin Spacey ด้นสดบทสนทนาออกมาด้วยเหตุผลที่ว่าเขาต้องการให้คำพูดเหล่านั้นเหมือนไม่ได้มาจากการซักซ้อมกันก่อนและที่สำคัญผู้ชมจะได้รู้สึกเหมือนเป็นการหลุดปากออกมาโดยที่ไม่ได้คิดมาก่อน ดังนั้นฉากดังกล่าวจึงถูกถ่ายทำถึงสิบรอบ เนื่องจาก Annette Bening ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้
36. ฉากที่ Lester Burnham ขว้างจานหน่อไม้ฝรั่งนั้น ความจริงตอนซักซ้อมกันเขาต้องขว้างมันลงบนพื้นต่างหาก ทำให้ปฏิกิริยาของ Annette Bening และ Thora Birch มาจากความตกใจที่เป็นของจริงล้วน ๆ
"ฉากขว้างจานหน่อไม้ฝรั่ง"
37. ฉากที่ Lester Burnham ใช้รถยนต์บังคับเข้าก่อกวน Carolyn Burnham ไม่ได้ถูกเขียนเอาไว้ในบทภาพยนตร์ ดังนั้นท่าทางของนักแสดง Annette Bening ที่ตกใจและเกิดความรำคาญเป็นของจริงทั้งหมด
38. Kevin Spacey ได้ด้นสดการกระทำทุกอย่างในรถยนต์ขณะที่เขาร้องเพลง “American Woman”
39. ฉากที่ Carolyn Burnham พูดว่าเธอพร้อมจะกลับแล้วขณะที่ Lester Burnham สูบยาเส้นกับ Ricky Fitts อยู่นั้น นักแสดง Kevin Spacey ไม่สามารถกลั้นขำได้จึงหัวเราะออกมา ทำให้ Wes Bentley หัวเราะตาม การกระทำดังกล่าวอยู่นอกเหนือจากบทภาพยนตร์
1
"ฉากสูบยาเส้น"
40. ฉากสูบยาเส้นของทั้งสองตัวละคร ในกองถ่ายทำสิ่งที่นำมาทำเป็นยาเส้นคือ Honey Tobacco (ยาเส้นน้ำผึ้ง)
41. ฉากที่ Lester Burnham ยื่นใบสมัครเป็นพนักงานร้าน Smiley Burger เป็นการถ่ายทำในตอนกลางคืน แต่ถูกนำมาปรับแสงเป็นกลางวัน สังเกตได้จากใบหน้าของทั้งสองคนไม่มีเงาตกสะท้อนของดวงอาทิตย์เลย
42. ร้าน The Smiley Burger ในภาพยนตร์ ความจริงแล้วถ่ายทำที่ร้าน Carl's Jr.
43. บทภาพยนตร์ดั้งเดิม ตัวละคร Lester Burnham จะชื่นชอบเพลงคันทรีมากจนสร้างความรำคาญให้กับ Carolyn Burnham และ Jane Burnham เป็นอย่างมาก
44. บทภาพยนตร์ดั้งเดิม Lester Burnham ได้ดำเนินหน้ามีเพศสัมพันธ์กับ Angela Hayes ต่อไป แต่ผู้กำกับรู้สึกว่ามันจะกระทบกับความไม่สบายใจของตัวละครหลักไปไกลเกินกว่าจะดึงกลับ จึงเปลี่ยนแปลงบทให้ไปตามที่ได้รับชม
45. ผู้กำกับอย่าง Sam Mendes ได้บอกว่าแม้ว่าฉากร่วมรักกันระหว่าง Annette Bening และ Peter Gallagher จะไม่มีการเห็นหน้าตา แต่นักแสดงทั้งสองไม่ได้ใช้ตัวแสดงแทน ซึ่งทั้งสองคนเข้าฉากดังกล่าวด้วยตัวเองจริง ๆ โดยการเล่นโยคะของ Annette Bening มีประโยชน์กับฉากดังกล่าว
46. ฉากงานเลี้ยงที่ Carolyn Burnham ไปนั้น ทางทีมงานได้จงใจออกแบบทรงผมให้ Annette Bening แบบพังพินาศ โดยถ้ามองจากด้านหน้าทุกอย่างจะดูประณีตสวยงาม แต่ด้านหลังกลับแบนจนดูย่ำแย่ เพื่อสื่อให้ผู้ชมเห็นว่าตัวละครมีอุปนิสัยอย่างไร
1
47. หลังจาก Carolyn Burnham ได้เห็นศพของ Lester Burnham แล้วเข้าไปในห้องนอนนั้น การระเบิดความเสียใจแล้วโอบเสื้อผ้าของ Lester Burnham เอาไว้ ไม่ได้อยู่ในบทภาพยนตร์ แต่เป็นการด้นสดของ Annette Bening ที่ต้องการให้ผู้ชมรู้สึกว่าตัวละครของเธอมีมิติมากขึ้น
48. เนื่องจากในขณะที่ถ่ายทำภาพยนตร์อยู่นั้น นักแสดงอย่าง Thora Birch ยังมีอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงต้องได้รับการยิมยอมจากผู้ปกครองของตัวเองเพื่อแสดงฉากดังกล่าว รวมถึงในการถ่ายทำฉากดังกล่าวพวกเขาและคนจากกรมแรงงานเยาวชนต้องอยู่ในกองถ่ายด้วย
1
49. เหตุผลที่ตัวละคร Jane Burnham ต้องมีเปลือยกายก็เพราะสื่อให้เห็นการก้าวข้ามช่วงวัยจากเด็กสาวไปเป็นผู้หญิง
50. เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ Thora Birch และ Mena Suvari ได้แสดงฉากโป๊เปลือย
"ฉากเปลือยกายของ Mena Suvari"
51. ผู้กำกับอย่าง Sam Mendes ได้ออกแบบตัวละครวัยรุ่นสาวทั้งสองให้ค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย โดยนักแสดง Thora Birch จะค่อย ๆ ลดเครื่องสำอางลง แต่นักแสดง Mena Suvari กลับค่อย ๆ เพิ่มเครื่องสำอางหนาขึ้น เพื่อตอกย้ำมุมมองของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไป
52. ฉากเต้น Dancing Spartans ในงานโรงเรียน มีเพียงตัวละคร Angela Hayes เท่านั้นที่มีผมสีบลอนด์
53. ท่าเต้นประกอบเพลงในฉากดังกล่าวถูกออกแบบท่าเต้นโดยนักร้อง Paula Abdul
54. มือและหน้าท้องที่ปรากฏอยู่บนโปสเตอร์ภาพยนตร์ ไม่ได้เป็นของนักแสดง Mena Suvari อย่างที่เข้าใจกัน แต่เป็นของ Christina Hendricks และ Chloe Hunter ตามลำดับ
55. โดย Christina Hendricks ได้เปิดเผยใน Instagram ปี 2019 ว่ามือบนโปสเตอร์ภาพยนตร์เป็นมือของเธอเอง โดยเป็นการวางมือบนหน้าท้องของคนอื่น
"ข้อความใน IG ของ Christina Hendricks"
56. ตัวละครวัยรุ่นสาวที่หายตัวไปในภาพยนตร์เรื่อง Three Billboards Outside Ebbing, Missouri (2017) มีชื่อว่า Angela Hayes
57. ผู้กำกับอย่าง Sam Mendes ได้ตัดบทสนทนาของตัวละคร Barbara Fitts และผู้พัน Frank Fitts ออกไปเยอะมาก เนื่องจากเขาเห็นว่าการถ่ายทอดความสัมพันธ์ของคู่นี้ให้ออกมาได้ดีที่สุด คือการใช้ความตรึงเงียบระหว่างสองตัวละครเวลาเข้าฉากร่วมกันมากกว่า
58. บทภาพยนตร์ฉบับดั้งเดิมมีเรื่องราวแยกออกมาว่าผู้พัน Frank Fitts มีคู่รักเพศชายที่เสียชีวิตในขณะประจำการอยู่ที่เวียดนาม
59. นักแสดง Kevin Spacey ไม่สบายด้วยไข้หวัดตอนประมาณตีสาม ก่อนที่จะเข้าฉากจูบกับ Chris Cooper
"ฉากจูบระหว่าง Kevin และ Chris"
60. Jim และ Jim คู่เกย์ที่เป็นสามีภรรยากันในภาพยนตร์ นักเขียนบทภาพยนตร์อย่าง Alan Ball ได้ออกแบบให้ทั้งสองตัวละครมีความปกติสุขและน่าเบื่อที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้
61. ภาพยนตร์ใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 50 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 1998 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 1999
62. หมายเลขโทรศัพท์ของ Jane Burnham คือ 555-1251 ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ของ Lester Burnham คือ 555-0199 ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ของ Carolyn Burnham คือ 555-0195 และหมายเลขโทรศัพท์ของ Angela Hayes คือ 555-0120
63. เมื่อตัดต่อภาพยนตร์เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้กำกับอย่าง Sam Mendes ตัดสินใจหั่นฉากจินตนาการอันหนึ่ง รวมถึงฉากในชั้นศาลที่กำลังดำเนินคดีกับ Jane Burnham และ Ricky Fitts ในข้อหาฆาตกรรม Lester Burnham ทำให้นักแสดงและทีมงานต่างตกใจเมื่อรับชมภาพยนตร์ในรอบปฐมทัศน์เมื่อพบว่าภาพยนตร์จบลงตรงนั้น
64. ในส่วนตอนจบที่ถูกตัดออกไปนั้นได้กล่าวถึง Jane Burnham และ Ricky Fitts ถูกจับในข้อหาฆาตกรรม Lester Burnham โดยมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอของ Ricky Fitts ที่ Jane Burnham ได้ตกลงจ้างเขาให้ฆาตกรรมพ่อของตัวเอง และในบ้านของ Ricky Fitts ยังมีชุดเปื้อนเลือดของ Lester Burnham ถูกซ่อนเอาไว้
65. ในฉากเดินกลับบ้านของ Ricky Fitts กับ Jane Burnham นั้น เขาได้บอกว่าเมื่อมองไปที่ขบวนแห่ศพแล้วรู้สึกเหมือนพระเจ้ากำลังมองพวกเขาอยู่ ดังนั้นฉากสุดท้ายที่เขาจ้องตาอันว่างเปล่าของ Lester Burnham เขาจึงรีบมองไปข้างบนราวกับสบตากับพระเจ้า
66. เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของจากค่าย DreamWorks ที่ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวที Academy Award ซึ่งก่อนหน้านั้นทางค่ายเคยมีภาพยนตร์เรื่อง Saving Private Ryan (1998) เข้าชิงในสาขาดังกล่าวมาก่อน
67. ในยุค 1990 – 1999 มีเพียงเรื่อง American Beauty (1999) และ The Silence of the Lambs (1991) ที่ได้รับรางวัล Best Picture จาก Academy Award โดยที่ไม่ได้เป็นภาพยนตร์แนวย้อนยุค
68. ภาพยนตร์ได้รับรางวัล Academy Awards ไปถึง 5 รางวัล ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และการกำกับภาพยอดเยี่ยม
"งานรับรางวัล Academy Awards ครั้งที่ 72"
69. ส่วนรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้เข้าชิงรางวัล Academy Awards แต่ไม่ได้รับรางวัล
70. ภาพยนตร์ถูกจัดอันดับอยู่ใน “1,001 ภาพยนตร์ที่คุณควรต้องรับชมก่อนตาย” ของ Steven Schneider
71. ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดละครโทรทัศน์ Desperate Housewives (2004)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา