18 มี.ค. 2021 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
3 องค์ประกอบที่เอื้อต่อการประสบความสำเร็จทางการเงิน
วันนี้มีเรื่องเล่าทางการเงิน 3 เรื่องที่ถอดความจากบรรยายของดร.สมจินต์ ศรไพศาล ซึ่งแกบอกว่าเป็นเรื่องที่เล่าให้นักเรียนฟังบ่อยมาก ผมเห็นว่าน่าสนใจดีจึงอยากนำมาแบ่งปันครับ
1️⃣ จอห์น ดี ร็อกกี้เฟลเลอร์ จูเนียร์ มหาเศรษฐีพันล้านเจ้าของธุรกิจสแตนดาร์ดออยล์ (ปัจจุบันคือเอสโซ่)
เขาได้บอกว่า เขานั้นโชคดีที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางวัฏจักรการล้มลุกคลุกคลานในการทำธุรกิจน้ำมันของบิดา ทำให้เขาเข้าใจว่าการหาเงินนั้นยากลำบากและการจะดูแลมันก็ไม่ง่ายเช่นกัน
ฉะนั้นเมื่อลูก ๆ ของเขาอายุ 7 ขวบเขาจึงวางกุศโลบายเพื่อป้องกันไม่ให้ลูก ๆ ต้องเสียคนเนื่องจากความร่ำรวยของเขาในขณะนั้น เขาตั้งกฎว่าทุกสัปดาห์เขาจะจ่ายเงินให้เด็ก 30 เซนต์ แล้วให้แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ส่่วนที่ตัวเองอยากใช้ ส่วนที่เก็บออมเพื่อสร้างอนาคต และส่วนที่แบ่งปันผู้ด้อยโอกาส (รวมถึงการมอบให้โบสถ์)
เขาบอกลูก ๆ อีกว่าถ้าใครอยากได้เงินเพิ่มต้องมาทำงานเพื่อแลกเงิน โดยจะมีรายการบอกว่าถ้าทำงานนี้จะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ เช่น การดายหญ้า การจับหนู
จากนั้นในทุกวันสุดสัปดาห์ เด็ก ๆ จะมารวมตัวกันเพื่อนำสมุดบันทึกมาให้เขาตรวจสอบว่าใช้เงินทำอะไรไปบ้างหรือหาเงินเพิ่มจากอะไรบ้าง ถ้าใครทำดีทำถูกเขาก็จะชมเชย ถ้าใครทำผิดเขาก็จะแนะนำ
เด็กเหล่านี้จึงเติบโตมาด้วยความรู้ความเข้าใจและวินัยทางการเงินอันทำให้ตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์ยังรักษาความร่ำรวยไว้ได้อย่างยาวนาน
2️⃣ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีจากไมโครซอฟต์ ผู้ที่ทำให้บริษัทนี้ประสบความสำเร็จด้วย 2 ปัจจัยหลักคือ ความรู้ด้านไอที และความรู้ด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา
บิดาของบิล เกตส์ เป็นนักกฎหมายที่มีชื่อเสียง ในทุกวันที่เขาจะเล่าให้ลูก ๆ ฟังว่าในวันนั้นไปทำคดีอะไรมา ประเด็นต่อสู้คืออะไร กลยุทธ์ในการต่อสู้คืออะไร บิลที่ซึมซับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กจึงเริ่มฉายแวววในช่วงอายุประมาณ 12 ปีที่ได้ร่างสัญญาให้พี่สาวยืมถุงมือเบสบอล
เมื่อทำสัญญากับ IBM บิลก็ได้วางเงื่อนไขว่าเขาจะยังเป็นเจ้าของระบบปฏิบัติการไมโครซอฟต์อยู่ ส่วน IBM นั้นแค่ยืมระบบปฏิบัติการไปใช้ นอกจากนี้บิลยังสามารถนำระบบปฏิบัติการไปให้ใครบนโลกนี้ยืมก็ได้ ทำให้ไมโครซอฟต์เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตีคู่ไปกับ IBM จนในที่สุดก็แซงหน้าไปได้
นี่คือการรู้จักเครื่องมือหรือวิธีการในการหาเงิน
3️⃣ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนระดับปรมาจารย์ในสายหุ้นเน้นคุณค่า (VI)
ในทุกปี หลาน ๆ ของบัฟเฟตต์มักจะตั้งตารอคอยว่าซานต้าบัฟเฟตต์จะมอบของขวัญอะไรแก่พวกเขา ซึ่งก็คือใบหุ้นของบริษัทต่าง ๆ นั่นเอง บ้างเป็นแม็คโดนัลด์ บ้างเป็นโคคาโคล่า หากเด็ก ๆ อยากรู้ว่าของขวัญเหล่านี้มีมูลค่าเท่าไหร่พวกเขาก็ต้องเปิดหาข้อมูลใน Wall Street Journal
และเมื่อพวกเขาไปใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากบริษัทที่ตัวเองมีหุ้นอยู่พวกเขาก็จะรู้สึกภูมิใจว่านั่นคือธุรกิจที่พวกเขาเป็นเจ้าของ
นี่คือการปลูกฝังให้เด็ก ๆ รู้จักการลงทุน
จากเรื่องเล่าทั้ง 3 นี้ อาจจะสรุปได้ว่าการจะประสบความสำเร็จทางการเงินได้นั้นต้องประกอบด้วย
1.ความสามารถในการหาเงิน (จากเรื่องของบิล เกตส์)
2.ความสามารถในการออมเงินบางส่วนที่หาได้ (จากเรื่องของร็อกกี้เฟลเลอร์)
3.ความสามารถในการนำเงินที่ออมไปลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ (จากเรื่องของบัฟเฟตต์)
ใครก็ตามที่ทำสิ่งเหล่านี้ได้ตั้งแต่ช่วงที่อายุยังน้อย โอกาสที่จะประสบความสำเร็จทางการเงินก็มีมาก
ความสำเร็จทางการเงินนั้นมีได้
แม้ไม่ง่ายแต่ไม่ยากจนเกินฝัน
ต้องเรียนรู้และฝึกฝนอย่างตั้งมั่น
ทำทุกวันจนกว่ามันจะเชี่ยวชาญ
หาเงินได้ใช้เงินเป็นเก็บเงินเก่ง
ไม่กริ่งเกรงลงทุนหุ้นอีกตราสาร
อีกส่วนหนึ่งแบ่งเอาไว้ให้เป็นทาน
แล้วบั้นปลายจักเบิกบานดั่งตั้งใจ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ นะครับ
สวัสดี 🙏
โฆษณา