Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
19 มี.ค. 2021 เวลา 08:03 • หนังสือ
#25 บทที่ 9 เล่ม 2 หน้า 167 ~ 173
...
N : ถ้าอย่างนั้นเราควรสอนคนหนุ่มสาวของพวกเราอย่างไรดีครับ❓
1
...
...
...
G : ประการแรก 1️⃣ ✴️ ให้ปฏิบัติต่อพวกเขาโดยเห็นพวกเขาเป็นจิตวิญญาณ พวกเขาคือวิญญาณที่มาอาศัยอยู่ในร่างกาย นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับวิญญาณ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเคยชิน เพราะร่างกายมันคับแคบและจำกัดมาก ✴️
ฉะนั้นเด็กจะร้องลั่นในทันทีที่ถูกจำกัด จงสดับฟังเสียงร้องนี้ จงทำความเข้าใจ และจงมอบความรู้สึก "ไร้ขีดจำกัด" ให้ลูกๆของเธอได้สัมผัสมากเท่าที่สามารถจะทำได้
ประการที่สอง 2️⃣ ✴️จงนำพวกเขาเข้าสู่โลกที่เธอได้สร้างขึ้นด้วยความเอาใจใส่และอ่อนโยน จงดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ พูดอีกอย่างได้ว่า จงละเอียดรอบคอบและระมัดระวังให้ดีถึงสิ่งที่เธอจะใส่เข้าไปในหน่วยความจำของพวกเขา เด็กๆจะจดจำทุกอย่างที่พวกเขาได้เห็นและได้มีประสบการณ์✴️
ทำไมเธอต้องตีก้นเด็กในวินาทีที่เขาออกมาจากครรภ์ด้วย❓
เธอคิดว่ามันมีเพียงวิธีนี้วิธีเดียวที่จะทำให้พลังงานไหลเวียนอย่างนั้นหรือ❓
ทำไมเธอต้องนำทารกแรกเกิดออกจากอ้อมอกของแม่เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นทั้งๆที่แม่เป็นรูปธรรมชีวิตเพียงหนึ่งเดียวที่ทารกรู้จัก ณ ห้วงปัจจุบันขณะที่ทารกปรากฏขึ้นในจักรวาลทางกายภาพ❓
จะรอสักนิดไม่ได้เชียวหรือที่จะให้ทารกเกิดใหม่ได้มีประสบการณ์ถึงความปลอดภัยและการปลอบโยนจาก`ผู้ให้กำเนิดชีวิต` ก่อนที่จะนำเขาไปวัดตัว ชั่งน้ำหนัก กระทุ้ง และกระแทกน่ะ❓
ทำไมเธอถึงยอมให้ภาพบางอย่างครั้งแรกเริ่มในชีวิตของทารกเป็นภาพแห่งความรุนแรง❓
ใครบอกเธอว่าอะไรพวกนี้เป็นผลดีกับลูกๆของเธอ❓
และทำไมถึงเอาภาพของความรักไปหลบซ่อนเสียเล่า❓
ทำไมต้องสอนให้ลูกๆของเธออายและตะขิดตะขวงใจในร่างกายของตัวเองรวมไปถึงการทำงานของมันด้วยการปกปิดร่างกายของเธอ พร้อมกับบอกพวกเขาว่าอย่าได้สัมผัสตัวเองในแบบที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับตน❓
เธอสื่อสารอะไรออกไปถึงพวกเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับความพึงพอใจ❓
และเธอได้สอนบทเรียนอะไรที่เกี่ยวข้องกับร่างกายให้พวกเขา❓
ทำไมเธอถึงต้องส่งลูกๆของเธอเข้าไปในโรงเรียนที่มุ่งเน้นและส่งเสริมแต่การแข่งขัน โรงเรียนที่ "คนเก่งที่สุด" และ "คนที่เรียนรู้ได้มากที่สุด" จะได้รับรางวัล โรงเรียนที่แบ่งระดับ (ให้เกรด) ตาม "ผลงานที่ทำได้" และทนแทบไม่ได้กับการเรียนรู้ตามความพร้อมของเด็กแต่ละคน❓
ลูกๆของพวกเธอจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร❓
ทำไมเธอถึงไม่สอนลูกๆของเธอถึงการกระโดดโลดเต้น เสียงดนตรี และความสนุกสนานของศิลปะ รวมไปถึงจินตนาการอันบรรเจิดของเรื่องเล่าแห่งเทพนิยายและความมหัศจรรย์ของชีวิต❓
ทำไมเธอถึงไม่ดึงเอาสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่พบได้ในตัวลูกๆของเธอออกมา แทนที่จะพยายามใส่สิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติลงไปในตัวของพวกเขา❓
และทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ลูกๆของเธอเรียนรู้ตรรกวิทยา การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหา และการคิดเชิงสร้างสรรค์❓
ทำไมถึงไม่สอนให้เด็กๆใช้เครื่องมือแห่งการหยั่งรู้ภายในและการตระหนักรู้หรือความรู้สึกจากเบื้องลึกของตน★ แทนที่จะใช้กฏข้อบังคับอันมากมาย ระบบท่องจำ★★ และข้อสรุปของสังคมซึ่งได้พิสูจน์ด้วยตัวของมันเองแล้วว่าไม่อาจนำมาใช้เพื่อวิวัฒนาการสู่อีกขั้นด้วยวิธีการเหล่านี้ได้...แต่พวกเธอก็ยังจะใช้วิธีการเดิมๆพวกนี้ต่อไป❓
★สัมผัสที่ 6 หรือ ลางสังหรณ์
★★การท่องจำแบบนกแก้วนกขุนทอง ใช้วิธีการอันมากมายเพื่อจำให้แม่นแต่คิดไม่เป็น
—แอดมิน—
ประการสุดท้าย3️⃣ ✴️จงสอนแนวคิดไม่ใช่เนื้อหาวิชา✴️
จงสร้างหลักสูตรใหม่ขึ้นมาโดยใช้สามแนวคิดนี้เป็นแก่นกลาง คือ :
🌟การตระหนักรู้ (Awareness)
🌟ความซื่อสัตย์ (Honestly)
🌟ความรับผิดชอบ (Responsibility)
จงสอนแนวคิดทั้งสามนี้ให้แก่เด็กๆตั้งแต่เยาว์วัย ให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรตั้งแต่วันแรกไปจนถึงวันสุดท้ายที่เข้าเรียน สร้างรูปแบบทางการศึกษาทั้งหมดโดยมีแนวคิดทั้งสามนี้เป็นรากฐาน ให้ทุกๆคำสอนแฝงไว้ด้วยสามแนวคิดนี้
N : ผมไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไรครับ
G : มันหมายความว่า ✨ทุกๆสิ่งที่เธอสอนจะต้องออกมาจากสามแนวคิดนี้✨
N : อธิบายหน่อยได้มั้ยครับว่าเราจะสอนกฏสามประการนี้ได้ยังไง❓
G : จากการอ่านสิ่งที่ง่ายที่สุดไปจนถึงสิ่งที่ซับซ้อน ทุกเรื่องเล่า เรื่องราว ประเด็นหัวข้อ และตำรับตำราทั้งหลายจะต้องวนเวียนอยู่รอบสามแนวคิดนี้ นั่นคือ จะต้องเป็นเรื่องของการตระหนักรู้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์ และ เรื่องที่ว่าด้วยความรับผิดชอบ สามแนวคิดนี้จะต้องถูกแนะนำ ถูกปลูกฝัง และจะต้องซึมซับเข้าไปในตัวลูกๆของพวกเธอ
การเขียนก็เหมือนกัน จะต้องวนเวียนอยู่รอบสามแนวคิดนี้รวมไปถึงแนวคิดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พวกเขาใช้เป็นเครื่องมือในการแสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ข้างในตนในระหว่างที่เติบโต
แม้กระทั่งทักษะในการคำนวณจะต้องถูกสอนให้อยู่ภายใต้แนวทางนี้ วิชาคำนวณและคณิตศาสตร์ไม่ได้เป็นเรื่องของนามธรรมหรอกนะ หากแต่เป็นเครื่องมือขั้นพื้นฐานที่สุดในจักรวาลเพื่อการใช้ชีวิต
การสอนทักษะในการคำนวณทั้งหมดจะต้องเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในการใช้ชีวิตที่กว้างไกลขึ้น ในแบบที่จะสามารถเชื่อมโยงและมุ่งเน้นความสนใจสู่สามแนวคิดหลักนี้ได้ พร้อมกับสิ่งที่เกี่ยวเนื่องตามกันมา (ที่ได้จากการคำนวณ)
N : อะไรคือ "สิ่งที่เกี่ยวเนื่องตามกันมา" ครับ❓
G : ถ้าใช้คำที่สื่อของพวกเธอปั้นมันขึ้นมาจนกลายเป็นที่นิยมแล้วล่ะก็ต้องใช้คำว่า "การแบ่งภาค" (spin-offs)★ โครงสร้างของระบบการศึกษาทั้งหมดสามารถวางรากฐานอยู่บนการแบ่งภาคนี้ได้
โดยการนำหลักสูตรใหม่ (แบ่งภาคออกไป) ที่จะสอนแต่ข้อเท็จจริงและแนวคิดโดยทั่วไปเข้าไปแทนที่หลักสูตรในปัจจุบัน
★spin-offs เป็นคำที่ถูกคิดขึ้นมาใหม่ในยุคปัจจุบัน (สแลง) หมายถึงการแยกตัวออกมาจากของเดิม แต่ยังคงมีคุณสมบัติของของเดิมอยู่ ซึ่งใช้ได้ในทุกวงการ เช่น วงการนักลงทุน (เล่นหุ้น) วงการธุรกิจ (บริษัทลูก) วงการภาพยนต์และละครซีรีย์ (ภาคแยก) ฯลฯ เป็นต้น
—แอดมิน—
N : ยกตัวอย่างเช่น❓
G : อืม เรามาใช้จินตนาการกันหน่อย แนวคิดอะไรบ้างที่เธอเห็นว่าสำคัญในชีวิต❓
N : เอ่อ...ก็ คงจะเป็น...ความซื่อสัตย์ อย่างที่พระองค์ว่ามานั่นล่ะครับ
G : โอเค ว่าต่อเลย นั่นก็เป็นหนึ่งในแนวคิดหลัก
N : แล้วก็...ความยุติธรรมครับ นั่นเป็นแนวคิดที่สำคัญสำหรับผม
G : ดี ยังมีอะไรอีกไหม❓
N : ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยดี นี่เป็นอีกอัน แต่ผมไม่รู้ว่าจะเรียกแนวคิดนี้ว่าอะไรดี
G : ต่อเลย ให้ความคิดไหลออกมา
N : เข้ากับผู้อื่นได้ อดทนอดกลั้น ไม่ทำร้ายผู้อื่น มองผู้อื่นอย่างเท่าเทียม อะไรพวกนี้เป็นสิ่งที่ผมปรารถนาไว้ว่าจะสอนลูกๆของผม
G : ดี...เยี่ยมมาก❗ ว่าต่อเลย
N : เอ่อ...`เชื่อมั่นในตัวเอง` อันนี้ก็ดี แล้วก็...เดี๋ยวนะๆ ติดอยู่ที่ปากนี่แหละ...โอเคได้แล้ว...`ใช้ชีวิตให้สง่างาม` ผมคิดว่าคงเป็นคำนี้ล่ะครับ
`ใช้ชีวิตให้สง่างาม` ผมไม่รู้จะเรียบเรียงออกมาให้เป็นแนวคิดที่ฟังดูเข้าท่ากว่านี้ได้ยังไง แต่ว่ามันเกี่ยวกับวิถีที่เราใช้นำพาชีวิต วิถีที่เราให้ค่าและเคารพในวิถีที่ผู้อื่นเลือกเดิน
G : เข้าท่าๆ เข้าท่าทั้งหมดนี่เลย เธอเริ่มเข้าใจแล้ว แต่ยังมีอีกหลายแนวคิดที่เด็กทุกคนจะต้องเข้าใจให้ลึกซึ้งถ้าจะให้พวกเขาวิวัฒน์และเติบโตเป็นมนุษย์ที่แท้จริง ทว่าโรงเรียนของพวกเธอไม่เคยสอนแนวคิดเหล่านี้ ทั้งๆที่แนวคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตแต่กลับไม่มีสอนในโรงเรียน
💢พวกเธอไม่สอนว่าความซื่อสัตย์หมายความว่าอย่างไร
💢พวกเธอไม่สอนว่าความรับผิดชอบหมายถึงอะไร
💢พวกเธอไม่สอนว่าการใส่ใจในความรู้สึกของผู้อื่น (ใจเขาใจเรา)
💢และการเคารพในหนทางที่ผู้อื่นเลือกเดินนั้นมีความหมายอย่างไร
พวกเธอบอกว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องไปสอนกันเอาเอง แต่พ่อแม่จะสอนได้แต่สิ่งที่ตัวเองได้รับมาเท่านั้น บาปเคราะห์ของผู้เป็นพ่อแม่จึงถูกส่งต่อไปยังลูกหลาน ฉะนั้นพวกเธอก็จะสอนลูกๆแบบเดียวกับที่พ่อแม่ของพวกเธอสอนพวกเธอมา
N : อ้าว❓ แล้วมันไม่ดีตรงไหนครับ❓
G : อย่างที่ฉันได้บอกซ้ำๆอยู่ตรงนี้นี่ล่ะว่า ได้มองดูโลกของเธอที่ผ่านมาบ้างหรือเปล่า❓
N : พระองค์ก็จะดึงกลับไปตรงนั้นอยู่เรื่อย จะให้ดูๆๆอยู่นั่นแหละ ทั้งหมดนั่นไม่ใช่ความผิดของพวกเราสักหน่อย จะมากล่าวโทษพวกเราที่ทั้งโลกเป็นแบบนี้ได้ยังไง
G : การกล่าวโทษไม่ใช่ประเด็น แต่คือ "การเลือก" ต่างหาก หากเธอไม่ยอมรับผิดชอบต่อสิ่งที่มนุษยชาติได้เลือก`ซ้ำแล้วซ้ำอีก`อยู่อย่างนั้น แล้วใครจะเป็นคนรับผิดชอบ❓
N : แต่จะให้พวกเรามาแบกความรับผิดชอบให้กับคนทั้งโลกได้ยังไงล่ะครับ❗
G : ฉันจะบอกเธอว่า : ✴️หากเธอไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อทุกอย่าง เธอจะเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง✴️
เธอไม่อาจเอาแต่พูดว่า : ก็`ไอ้พวกนั้น`แหละที่เป็นคนทำและตอนนี้ก็ยังทำอยู่ ถ้าเพียงแต่`ไอ้พวกนั้น`จะทำตัวให้มันดีๆให้มันถูกต้องน่ะ❗
จงจำคำพูดของโพโก ตัวการ์ตูนของวอลล์ เคลลี่ ที่ได้พูดเอาไว้และจงอย่าลืม :
✴️เราได้พบกับศัตรูแล้วมันคือตัวของเรานี่เอง✴️
N : พวกเราก่อความผิดพลาดซ้ำแบบเดิมมาเป็นร้อยๆปีแล้วอย่างนั้นใช่มั้ยครับ
G : เป็นพันปีแล้วต่างหากลูกเอ๋ย พวกเธอก่อความผิดพลาดซ้ำแบบเดิมมาเป็นพันๆปีแล้ว มนุษยชาติแทบจะไม่ได้วิวัฒนาการไปไหนเลยจากสัญชาตญาณขั้นพื้นฐานในยุคของมนุษย์ถ้ำ
หากมีการพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงก็ต้องเจอกับการดูถูกเหยียดหยาม เมื่อมีคนกล้าลุกขึ้นมาท้าทายให้ตรวจสอบค่านิยมที่ยึดถือกันมาและอาจถึงขั้นให้ปรับแก้กันใหม่ ผู้คนจะมองไอ้บ้านั่นด้วยความกลัว จากนั้นก็กลายเป็นความโกรธแค้น
ตอนนี้ฉันยังจะมานำเสนอแนวคิดให้มีการเรียนการสอนแนวคิดขั้นสูงเหล่านี้ในโรงเรียนอีก โอ้โห เธอเอ๋ย... นี่เรากำลังเสี่ยงกันอย่างมากเลยนะเนี่ย
แต่ว่าในสังคมที่มีระดับการวิวัฒน์อยู่ในขั้นสูงแล้ว พวกเขาสอนกันแบบนี้จริงๆ
N : แต่ปัญหาก็คือ ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วยกับแนวคิดเหล่านี้นี่ครับ (เพราะเข้าใจความหมายต่างกัน) นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราถึงสอนแนวคิดเหล่านี้ในโรงเรียนไม่ได้ พ่อแม่ต้องสติแตกแน่ถ้ามีใครพยายามใส่เรื่องเหล่านี้เข้าไปในหลักสูตร พวกเขาจะบอกว่าโรงเรียนไม่ใช่สถานที่ที่เอาไว้สอนเรื่อง "ค่านิยม" พวกนี้
G : ผิดแล้ว❗
ฉันขอบอกอีกครั้งบนจุดยืนของสิ่งที่พวกเธอในฐานะเผ่าพันธุ์มนุษย์บอกว่ากำลังพยายามทำอยู่ ซึ่งก็คือการสร้างโลกที่ดีกว่าเดิมว่าพวกเขา`เข้าใจผิด`
โรงเรียนคือสถานที่ที่มีไว้สอนเรื่องพวกนี้นี่ล่ะ เพราะโรงเรียนจะไม่ถูกฉาบทาไปด้วยอคติส่วนตัวของพ่อแม่ และเพราะโรงเรียนจะไม่ถูกปนเปื้อนไปด้วยข้อสรุปที่พ่อแม่มีไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว
เธอก็เห็นอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกของเธอบ้างจากการถ่ายทอดค่านิยมของพวกเธอไปยังเด็กๆ โลกของพวกเธอมันยุ่งเหยิงไปหมดแล้ว
✴️ พวกเธอยังไม่เข้าใจถึงแนวคิดขั้นพื้นฐานที่สุดของสังคมอารยะ (ศิวิไล)
✴️ พวกเธอยังไม่รู้วิธีจัดการกับความขัดแย้งโดยไม่ใช้ความรุนแรง
✴️ พวกเธอยังไม่รู้วิธีใช้ชีวิตโดยปราศจากความกลัว
✴️ พวกเธอยังไม่รู้วิธีปฏิบัติโดยที่ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน
✴️ พวกเธอยังไม่รู้วิธีที่จะรักโดยไร้เงื่อนไขเลย...
นี่คือความเข้าใจขั้นพื้นฐาน
🔸แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้นเองนะ🔸
เธอยังไม่ได้แม้แต่จะเริ่มเข้าใกล้ความเข้าใจอย่างครบถ้วนว่าจะสร้างโลกที่ดีได้อย่างไรเลยด้วยซ้ำ ยังไม่ต้องพูดถึงการนำมาปฏิบัติหรอก...ทั้งหมดนี้หลังจากเวลาผ่านไปแล้วเป็น`พันๆปี`
N : มีทางออกจากความยุ่งเหยิงนี้มั้ยครับ❓
...
...
...
facebook.com
Dear Future Generations: Sorry- Eng sub
My gift for you guys: Dear Future Generations: Sorry- English sub
เยี่ยมชม
ส่วนแบบซับไทยดูได้ที่ลิงค์ยูทูปข้างล่างนี้ครับ (ต้องก็อปไปเปิด)
https://youtu.be/q79yqi5-YI8
บันทึก
1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย