Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หนังสือสนทนากับพระเจ้า
•
ติดตาม
22 มี.ค. 2021 เวลา 07:51 • หนังสือ
#26 เล่ม 2 บทที่ 9 หน้า 173 ~ 179
...
N : มีทางออกจากความยุ่งเหยิงนี้มั้ยครับ❓
...
...
...
G : มีสิ❗ ใช้โรงเรียนของพวกเธอไง❗ ใช้การศึกษาของเด็กๆและคนหนุ่มสาวนั่นละ❗ ความหวังของพวกเธออยู่ที่คนรุ่นถัดไป...และถัดไป❗
แต่พวกเธอต้องหยุดให้พวกเขาจมอยู่กับวิถีแบบที่เป็นมาในอดีต วิถีเหล่านั้นมันใช้ไม่ได้ผลหรอก มันไม่ได้พาเธอไปในที่ที่เธอบอกว่าอยากจะไปเลยสักนิด และหากเธอไม่ระวังไว้ให้ดี เธอจะไปถึงที่ที่พวกเธอกำลังมุ่งหน้าไปแน่❗
ฉะนั้นจงหยุดเสีย❗ จงหันหลังกลับมา❗ นั่งลงคุยกันแล้วรวบรวมความคิดกันใหม่ จงสร้างตัวตนที่สูงส่งที่สุดจากภาพวิสัยทัศน์อันสง่างามที่สุดที่เธอมีต่อตัวเองในฐานะเผ่าพันธุ์มนุษย์ แล้วจึงสร้างค่านิยมรวมถึงแนวคิดที่สอดรับกับภาพนั้นและ "นำไปสอนในโรงเรียน" ของพวกเธอ
ทำไมถึงไม่มีหลักสูตรเช่น...
๏ การทำความเข้าใจเรื่องพลังและอำนาจ
๏ การแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติ
๏ องค์ประกอบของความสัมพันธ์แห่งรัก
๏ ความเป็นตัวของตัวเองและการสร้างสรรค์ตัวตน
๏ กาย จิตใจ และ วิญญาณ : มีหน้าที่อย่างไร
๏ การรังสรรค์ความคิดสร้างสรรค์
๏ การเฉลิมฉลองตัวตนและการให้ค่าผู้อื่น
๏ การแสดงออกทางเพศอันเบิกบาน
๏ ความยุติธรรมและความเท่าเทียม
๏ ความอดทนอดกลั้นและความใจกว้าง
๏ ความแตกต่างและความเหมือน
๏ เศรษศาสตร์แห่งจริยธรรมและคุณธรรม
๏ การสร้างจิตสำนึกและพลังแห่งจิตใจ (พลังจิตหรือการหยั่งรู้)
๏ ความตระหนักรู้และการตื่นรู้
๏ ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ
๏ วิสัยทัศน์และความกระจ่างแจ้ง
๏ วิทยาศาสตร์ทางจิตวิญญาณ
N : หลายอย่างในนี้ก็มีสอนอยู่แล้วนี่ครับ เราเรียกมันว่าวิชาสังคมศึกษา
G : ฉันไม่ได้พูดถึงการเรียนการสอนแบบสองวันต่อสัปดาห์เพียงหนึ่งเทอมหรอกนะ แต่กำลังหมายถึงหลักสูตรของแต่ละหัวข้อเหล่านี้โดยเฉพาะ
✴️ฉันกำลังพูดถึงการเขียนหลักสูตรการเรียนการสอนทั้งหมดใหม่ กำลังพูดถึงหลักสูตรที่มุ่งเน้นคุณค่าเป็นสำคัญ✴️
แต่ที่พวกเธอกำลังสอนกันอยู่ในตอนนี้จะเน้นไปที่ข้อมูลจำนวนมากมายเป็นหลัก★
★ไม่ได้เน้นไปที่แก่นหรือจุดสำคัญของเรื่อง แต่เน้นไปที่ปริมาณข้อมูลมากมายที่ต้องท่องจำ ~ แอดมิน
ฉันกำลังพูดถึงการมุ่งเน้นความสนใจไปที่ความสนใจของเด็ก (สิ่งที่เด็กชอบ) ให้มากพอๆกับการสร้างความเข้าใจในเรื่องสามแนวคิดหลัก★ และโครงสร้างทางทฤษฎีต่างๆที่มีระบบของคุณค่าเป็นแก่นกลางให้กับเด็ก ให้เหมือนกับในตอนนี้ที่พวกเธอทำกับเรื่องของวันและเวลา ข้อมูลข้อเท็จจริง และตัวเลขทางสถิติ★★
★สามแนวคิดหลัก : ความตระหนักรู้, ความซื่อสัตย์, ความรับผิดชอบ
★★ในปัจจุบันมนุษย์ให้ความสำคัญในการเก็บข้อมูลเหล่านี้เป็นหลักและนำไปใช้ในระบบของการศึกษาด้วย ใส่ใจเรื่องของวันและเวลามาก เช่น ทำงานกี่โมงเลิกกี่โมง , ต้องท่องจำข้อมูลข้อเท็จจริงปริมาณมหาศาล, และนำข้อมูลปริมาณมหาศาลนี้มาเปรียบเทียบให้เป็นตัวเลขทางสถิติเพื่อนำมาชี้นำการใช้ชีวิต แทนที่จะใช้สามแนวคิดหลักเป็นหลักการสำคัญในการใช้ชีวิต
~ แอดมิน
ในสังคมที่มีวิวัฒนาการระดับสูงอื่นๆในกาแล็กซีและจักรวาลเดียวกับเธอ (ส่วนจะเป็นสังคมไหนเราค่อยไปลงรายละเอียดกันในเล่ม 3) 🔸แนวคิดเรื่องการใช้ชีวิตจะถูกสอนให้กับเด็กๆตั้งแต่อายุยังน้อย🔸 สิ่งที่เธอเรียกว่า "ข้อเท็จจริง" ต่างๆนั้นสำหรับสังคมเหล่านี้ถือว่าสำคัญน้อยกว่ามาก จะถูกสอนเมื่อเด็กโตขึ้นกว่านั้นอีกหลายปี
บนโลกของเธอ พวกเธอได้สร้างสังคมที่จอห์นนี่ตัวน้อยเรียนรู้วิธีที่จะอ่านเขียนได้ตั้งแต่ก่อนจบชั้นอนุบาล แต่ในขณะเดียวกันจอห์นนี่กลับยังไม่ได้เรียนรู้วิธีที่จะหยุดกัดพี่ชายของตัวเอง
และสังคมที่ซูซี่น้อยท่องสูตรคูณได้อย่างแม่นยำโดยอาศัยแผ่นสูตรคูณและการท่องจำตั้งแต่เรียนไปแค่ไม่กี่ระดับชั้น แต่ในขณะเดียวกันกลับยังไม่ได้เรียนรู้เลยว่าไม่มีอะไรให้ต้องกระดากอายหรือตะขิดตะขวงใจกับร่างกายของตัวเอง
ในปัจจุบันระบบในโรงเรียนของพวกเธอมีไว้เพื่อให้คำตอบเป็นหลัก แต่มันจะเป็นประโยชน์กว่านี้อีกมากหากหน้าที่หลักของโรงเรียนคือการถามคำถามแทน
ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ หรือความยุติธรรมหมายถึงอะไร❓ มีความเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวพันกันอย่างไร❓ นอกจากนั้นแล้ว 2+2 = 4 หมายถึงอะไร❓ สื่อถึงอะไรได้อีก❓
สังคมที่มีวิวัฒนาการในระดับสูงจะสนับสนุนให้เด็กทุกคน ✴️ค้นพบและสร้างคำตอบทั้งหลายเหล่านั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง✴️
N : แต่...แต่นั่นจะนำไปสู่ความโกลาหลวุ่นวายนะครับ❗
G : ซึ่งตรงกันข้ามกับสภาพที่พวกเธอใช้ชีวิตกันอยู่ในตอนนี้ด้วยความไม่วุ่นวายเลยเนอะ...
N : ก็ได้ครับ ก็ได้...ถ้าอย่างนั้นมันจะนำไปสู่ความโกลาหลวุ่นวายที่มากขึ้น
G : ฉันไม่ได้กำลังแนะนำให้โรงเรียนของพวกเธอห้ามแบ่งปันในสิ่งที่พวกเธอเคยเรียนรู้มาหรือที่เคยตัดสินใจในเรื่องทั้งหลายเหล่านั้นกับเด็กๆ
ตรงกันข้ามเลย โรงเรียนจะก่อประโยชน์ให้แก่เด็กๆเป็นอย่างมากหากแบ่งปันให้พวกเขารู้ถึงสิ่งที่ผู้ใหญ่ได้เคยเรียนรู้ เคยค้นพบ เคยตัดสินใจ และเคยเลือกไปในอดีต เหล่านักเรียนก็อาจสังเกตเห็นว่าทั้งหมดนั้นได้ผลหรือไม่อย่างไร
แต่ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ พวกเธอกลับให้ข้อมูลแก่เด็กๆราวกับเป็น "สิ่งถูกต้องโดยไม่อาจโต้แย้ง" ทั้งๆที่ควรนำเสนอข้อมูลออกไปอย่างที่มันเป็นจริงๆ นั่นคือ นำเสนอในฐานะที่เป็นเพียงแค่ : "ข้อมูล"★
★โดยไม่ใส่อคติหรือความเชื่อของผู้ใหญ่เข้าไป ~ แอดมิน
ข้อมูลในอดีตไม่ควรนำมาใช้เป็นรากฐานของความจริงในปัจจุบัน ข้อมูลและประสบการณ์ในช่วงเวลาที่ผ่านมาควรนำมาใช้เป็นรากฐานของ "คำถามใหม่" เพียงเท่านั้น และควรเป็นได้เพียงแค่นั้น
✴️ขุมทรัพย์ควรอยู่ในคำถามเสมอมิใช่ในคำตอบ✴️
และคำถามก็ควร "คงเดิม" เสมอ นั่นคือ ข้อมูลจากอดีตที่เราได้แสดงให้พวกเธอเห็นนี้ พวกเธอเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย❓ พวกเธอคิดอย่างไร❓
คำถามที่เป็น "กุญแจสำคัญ" และควรต้องให้ความสนใจอยู่เสมอก็คือ :
พวกเธอคิดอย่างไร❓
พวกเธอคิดอย่างไร❓
พวกเธอคิดอย่างไร❓
แน่นอนว่าในขั้นนี้เด็กจะตอบไปตามค่านิยมที่พ่อแม่ของพวกเขายึดถือ พ่อแม่ยังคงมีบทบาทสำคัญ (และชัดเจนว่ามีบทบาทหลัก) ต่อการสร้างระบบค่านิยมของเด็ก
จุดมุ่งหมายและเป้าหมายหลักของโรงเรียนก็คือ 🔸การสนับสนุนเด็กๆตั้งแต่อายุยังน้อยที่สุดไปจนจบการศึกษาอย่างเป็นทางการ🔸
จงสำรวจตรวจสอบค่านิยมเหล่านั้นพร้อมทั้งเรียนรู้วิธีที่จะนำมาใช้ ประยุกต์ใช้ และทำประโยชน์ ทั้งยังสนับสนุนให้ "ตั้งคำถามกับค่านิยมเหล่านั้นด้วย"
เพราะพ่อแม่คนไหนก็ตามที่ไม่ต้องการให้ลูกๆตั้งคำถามต่อค่านิยมที่พวกเขายึดถือ แสดงว่าพ่อแม่คนนั้นไม่ได้รักลูกของตนเองหรอก 💢พวกเขาเพียงแค่รักตัวเองผ่านทางลูกของพวกเขาเท่านั้น💢
N : ผมหวังว่าจะมีโรงเรียนอย่างที่พระองค์ว่ามานะครับ❗
G : ก็มีอยู่บ้างเหมือนกันที่พยายามจะใช้รูปแบบนี้
N : มีด้วยหรือครับ❓
G : ใช่ ลองไปอ่านงานเขียนของคนที่ชื่อ รูดอฟ สไตเนอร์ (Rudolph Steiner) และลองไปทำความเข้าใจวิธีการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ (The Waldorf School)★ ที่เขาเป็นคนริเริ่มขึ้นมา
★อ่านเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ครับ
~ แอดมิน
gotoknow.org
หลักสูตรการสอนแบบวอลดอร์ฟ waldorf
หลักสูตรการสอนแบบวอลดอร์ฟ
อ่านเพิ่มเติม
N : แน่นอนครับ ผมรู้จักโรงเรียนนี้ นี่เรากำลังโฆษณาให้พวกเขาอยู่หรือเปล่าครับเนี่ย❓
G : แค่ให้ข้อสังเกต
N : เพราะพระองค์รู้อยู่แล้วว่าผมคุ้นเคยกับโรงเรียนวอลดอร์ฟ พระองค์รู้อยู่แล้วนี่ครับ
G : แน่นอนว่าฉันรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอได้รับใช้เธอและนำเธอมาสู่จุดนี้ ฉันไม่ได้เพิ่งคุยกับเธอตอนเริ่มเขียนหนังสือชุดนี้หรอกนะ แต่ฉันได้คุยกับเธอมานานหลายปีแล้วผ่านทางความสัมพันธ์และประสบการณ์ทั้งหมดในชีวิตของเธอ
N : พระองค์กำลังบอกว่าโรงเรียนวอลดอร์ฟนั้นดีที่สุดหรือครับ❓
G : เปล่า ฉันแค่บอกว่านั่นเป็นรูปแบบที่ได้ผล เมื่อดูจากการที่เธอบอกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์อยากไปไหน อยากทำอะไร และอยากเป็นอะไร
ฉันนำมาพูดเพื่อเป็นตัวอย่าง เป็นหนึ่งในหลายตัวอย่าง (แม้ในโลกหรือในสังคมของเธอจะหาได้ยาก) ที่นำมาอ้างอิงให้เธอเห็นว่าจะสร้างระบบการศึกษาอย่างไรให้มุ่งเน้นไปที่ "ความฉลาด" (ปัญญา) มากกว่าแค่เพียง "ความรู้"
N : เป็นรูปแบบที่ผมเห็นด้วยมากๆเลยครับ มีความแตกต่างอยู่มากระหว่างโรงเรียนวอลดอร์ฟ กับโรงเรียนทั่วๆไป ผมขอยกตัวอย่างหนึ่ง เป็นตัวอย่างง่ายๆ แต่ทำให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจนเลย
ในโรงเรียนวอลดอร์ฟ เมื่อนักเรียนเลื่อนชั้น ครูคนเดิมก็จะเลื่อนชั้นตามไปสอนด้วย ครูจะอยู่กับเด็กไปตลอดประสบการณ์การเรียนรู้ของพวกเขา ในช่วงปีที่เรียน เด็กๆจะได้เรียนกับครูคนเดิม แทนที่จะต้องเปลี่ยนจากครูคนหนึ่งไปยังอีกคน พระองค์นึกภาพสายสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นออกมั้ยครับ❓ เห็นคุณค่าบางอย่างที่จะเกิดขึ้นมาได้หรือเปล่า❓
ครูจะรู้จักนักเรียนอย่างกับเป็นลูกหลานแท้ๆของตัวเอง เด็กจะเกิดความรักความไว้ใจในตัวครู ซึ่งเปิดประตูไปสู่อะไรบางอย่างที่โรงเรียนทั่วๆไปไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ พอเด็กๆชุดนั้นเรียนจบแล้ว ครูก็จะกลับไปเริ่มต้นสอนที่ชั้น ป.1 ใหม่อีกรอบ เริ่มต้นใหม่กับเด็กกลุ่มใหม่ และอยู่กับเด็กกลุ่มใหม่นี้ไปตลอดจนจบการศึกษา
ครูของโรงเรียนวอลดอร์ฟผู้อุทิศตนเหล่านี้อาจได้สอนเด็กเพียงแค่สี่หรือห้ากลุ่มตลอดอาชีพของตนเอง แต่คุณครูเหล่านี้ได้มอบอะไรบางอย่างที่โรงเรียนทั่วๆไปไม่มีทางให้แก่เด็กได้
รูปแบบการศึกษาประเภทนี้จะยอมรับและประกาศว่า "ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์" "สายใยผูกพันธ์" และ "ความรัก" ที่เกิดขึ้นภายใต้กระบวนการเหล่านี้มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า`ข้อเท็จจริง`ใดๆ ที่ครูจะถ่ายทอดให้แก่เด็ก เรียนอยู่นอกบ้านแต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเรียนอยู่ที่บ้านเลย
G : เห็นด้วย เป็นรูปแบบที่ดีจริงๆ
N : มีรูปแบบที่ดีอื่นๆอีกมั้ยครับ❓
G : มีสิ โลกของเธอในตอนนี้มีความก้าวหน้าทางการศึกษาอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ว่าช้ามากๆ กระทั่งความพยายามใดๆที่จะสร้างหลักสูตรในโรงเรียนของภาครัฐที่หวังผลและมุ่งพัฒนาทักษะยังถูกต่อต้านอย่างรุนแรงอยู่
ผู้คนยังเห็นว่ามันน่ากลัวและไม่เข้าท่า พวกเขาอยากให้เด็กๆเรียนรู้ (จำ) `ข้อเท็จจริง` มากกว่า แต่ก็ยังพอมีพัฒนาการอยู่บ้าง ทว่ายังเหลืออะไรอีกหลายอย่างมากที่ต้องทำ★
★ในปัจจุบันระบบการศึกษาในโลกนี้ (ยังไม่ใช่ในประเทศไทย) มีพัฒนาการไปมากกว่าเมื่อ 20 กว่าปีก่อนแล้ว เช่น ในประเทศฟินแลนด์ที่ปฏิรูประบบการศึกษาไปใช้รูปแบบที่พระองค์กล่าวมานี้แล้วทั้งประเทศ เป็นต้น นีลเขียนหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ปี 1997 ~ แอดมิน
นี่แค่ด้านเดียวของประสบการณ์มนุษย์ที่ต้องยกเครื่องกันใหม่เท่านั้นนะ ถ้าดูจากสิ่งที่พวกเธอในฐานะสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ต้องการจะเป็นอะไรต่อไป
N : ครับ ผมว่าทางด้านการเมืองก็คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างด้วยเหมือนกัน
G : แน่นอนอยู่แล้ว...
(จบ)(บทที่ 9)
1 บันทึก
1
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
สนทนากับพระเจ้า เล่ม 2
1
1
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย