23 มี.ค. 2021 เวลา 07:52 • หนังสือ
#27 เล่ม 2 บทที่ 10 หน้า 180 ~ 185
N : ผมกำลังเฝ้ารอเรื่องนี้ นี่คือเรื่องที่ผมคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าพระองค์จะต้องพูดถึงแน่ ตั้งแต่ตอนที่พระองค์สัญญาว่าเนื้อหาในเล่มสองจะเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาในระดับโลก
ดังนั้นเรามาเริ่มประเด็นเรื่องระบบการเมืองของมนุษย์ โดยที่ผมขอถามคำถามที่อาจจะฟังดูเป็นเรื่องพื้นๆสักหน่อยนะครับ❓
G : ไม่มีคำถามไหนที่ไม่คู่ควรหรือไม่มีค่าพอ คำถามก็เหมือนกับผู้คนนั่นล่ะ
N : โอ้ ดีครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอถามว่า : มันผิดมั้ยที่ประเทศใดๆจะดำเนินนโยบายต่างประเทศอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศตัวเองเป็นหลัก❓
G : ไม่ผิด อย่างแรกเลยนะ จุดยืนของฉันก็คือ `ไม่มี` อะไรที่ "ผิด"
แต่ฉันเข้าใจความหมายที่เธอต้องการจะสื่อ ฉะนั้นฉันจะพูดในบริบทของคำศัพท์ที่เธอใช้ โดยจะใช้คำว่า "ผิด" เพื่อหมายถึง 🔸สิ่งซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อเธอเมื่อพิจารณาจากว่าใครที่เธอเลือกจะเป็น🔸
นี่คือความหมายที่ฉันต้องการจะสื่อเมื่อใช้คำว่า "ถูก" และ "ผิด" กับเธอมาโดยตลอด มันจะอยู่ในกรอบนี้เสมอ เพราะในความเป็นจริงแล้วมัน "ไม่มีถูกไม่มีผิด"
ฉะนั้น ภายใต้บริบทนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหรอก ไม่ผิดที่จะตัดสินใจดำเนินนโยบายโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก 💢แต่ที่จะผิดก็เพราะพวกเธอเสแสร้งว่าไม่ได้ทำอย่างนั้นต่างหาก💢
แน่นอนว่าเกือบทุกประเทศก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น พวกเขาทำ (หรือไม่ทำ) อะไรลงไปด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่กลับอธิบายพฤติกรรมของตัวเองด้วยเหตุผลอีกอย่าง
N : ทำไมครับ❓ ทำไมประเทศต่างๆถึงต้องทำอย่างนั้น❓
G : เพราะรัฐบาลทั้งหลายต่างก็รู้ดีว่า ถ้าประชาชนรู้เหตุผลที่แท้จริงของการตัดสินใจดำเนินนโยบายต่างประเทศโดยส่วนใหญ่แล้วละก็ ประชาชนก็จะไม่สนับสนุนพวกเขา
ไม่ว่ารัฐบาลของประเทศไหนต่างก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมด มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ตั้งใจจะไม่ล่อลวงประชาชนของตัวเอง
"การหลอกลวง" คือส่วนหนึ่งของการเป็นรัฐบาล เพราะมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะยอมให้ตนถูกปกครองในแบบที่เป็นอยู่ (ถูกหลอก) หรือจะยอมโดนปกครองไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม นอกเสียจากรัฐบาลจะโน้มน้าวให้พวกเขาเชื่อว่าที่ตัดสินใจอะไรลงไป 🔸ก็เพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาทั้งนั้น🔸
จริงๆมันก็ยากที่จะโน้มน้าวให้เชื่อ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นความลวงหลอกของรัฐบาลเป็นปรกติ ฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดรัฐบาลก็ต้องโกหกเพื่อพยายามรักษาความจงรักภักดีของประชาชนเอาไว้
 
รัฐบาลคือภาพสะท้อนอันเยี่ยมยอดถึงความแม่นยำของคำกล่าวที่ว่า : 🔸ถ้าเธอโกหกมากพอด้วยระยะเวลาที่นานพอ คำโกหกนั้นจะกลายเป็น "ความจริง" ขึ้นมาได้🔸
ผู้อยู่ในอำนาจจะไม่ยอมให้สาธารณชนรู้โดยเด็ดขาดว่าพวกตนขึ้นสู่อำนาจได้อย่างไร ทั้งยังให้รู้ไม่ได้เหมือนกันว่า พวกตนได้ทำอะไรมาบ้างและจะต้องทำอะไรอีกบ้างเพื่อรักษาอำนาจเอาไว้
🔹สัจจะและการเมือง🔹นั้นไม่มีทางและ "ไม่อาจร่วมทางกันได้" เพราะการเมืองคือศิลปะแห่งการพูดเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต้องพูด...และต้องพูดให้ถูกวิธี เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์บางอย่าง
1
แต่ก็ใช่ว่าการเมืองจะหาดีไม่ได้ไปทั้งหมดนะ
✴️ทว่าศิลปะแห่งการเล่นการเมืองคือศิลปะแห่งการนำไปปฏิบัติใช้ให้เกิดผลตามต้องการ มันต้องใช้ความเข้าใจอย่างแท้จริงถึงจิตวิทยาของคนหมู่มาก ต้องสังเกตให้ออกว่าคนส่วนใหญ่มีแรงจูงใจจากผลประโยชน์ส่วนตน✴️
ฉะนั้นการเมืองจึงเป็นวิธีที่ผู้มีอำนาจพยายามโน้มน้าวให้พวกเธอเชื่อว่า 🔸ผลประโยชน์ของพวกเขาคือผลประโยชน์ของพวกเธอด้วย🔸
รัฐบาลทั้งหลายเข้าใจเรื่องผลประโยชน์ส่วนตนดี นี่เองจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรัฐบาลถึงเชี่ยวชาญในการสร้างโครงการหรือนโยบายที่`ให้สิ่งของ`แก่ประชาชน (ประชานิยม)
1
ในตอนแรกเริ่ม รัฐบาลมีหน้าที่ที่จำกัดมาก พวกเขามีเป้าหมายอยู่แค่ "การดูแลและป้องกัน" เพียงเท่านั้น ต่อมามีใครบางคนเพิ่มการ "จัดหา" เข้าไป เมื่อรัฐบาลเริ่มกลายเป็นผู้จัดหาสิ่งต่างๆให้กับประชาชนนอกเหนือไปจากการเป็นผู้ดูแลและป้องกันแล้ว รัฐบาลจึงกลายเป็นผู้สร้างสังคมแทนที่จะเป็นเพียงแค่ผู้ดูแลสังคม
N : แต่รัฐบาลก็กำลังให้สิ่งที่ประชาชนต้องการอยู่ไม่ใช่หรือครับ❓ รัฐบาลเพียงสร้างกลไกเพื่อเอื้ออำนวยให้ประชาชนจัดหาสิ่งต่างๆให้กับตัวเองได้ในสังคมไม่ใช่หรือ❓
อย่างเช่นในอเมริกา พวกเราให้ค่าสูงมากกับศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์และเสรีภาพส่วนบุคคล ให้ความสำคัญกับโอกาสและเคารพในสิทธิของเด็ก พวกเราถึงได้ออกกฏหมายและขอให้รัฐบาลสร้างโครงการเพื่อจัดหารายได้ให้กับผู้สูงอายุ เพื่อให้คนกลุ่มนี้ยังคงศักดิ์ศรีเอาไว้ได้หลังพ้นวัยทำงานไปแล้ว
เพื่อสร้างหลักประกันในการจ้างงานที่เท่าเทียมและโอกาสในการได้รับการสงเคราะห์ช่วยเหลือให้กับทุกคน แม้แต่กับคนที่ไม่เหมือนพวกเรา หรือคนที่มีวิถีชีวิตที่พวกเราไม่เห็นด้วย
และเพื่อรับประกัน (ผ่านกฏหมายแรงงานเด็ก) ว่าเด็กของประเทศนี้จะไม่กลายเป็นทาส ว่าจะไม่มีครอบครัวใดที่มีลูกแล้วจะขาดปัจจัยและศักดิ์ศรีพื้นฐานของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่พักอาศัย
G : กฎหมายพวกนั้นสะท้อนภาพสังคมของเธอได้ดี ทว่าการจัดหาเพื่อสนองความจำเป็นของผู้คนนั้น พวกเธอต้องระวัง 🔹ไม่ไปปล้นเอาศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเขามี🔹 เช่น "การฝึกใช้พลังของตนเอง" "ความคิดสร้างสรรค์เฉพาะบุคคล" "ความเด็ดเดี่ยวและฝีมือ" ที่จะทำให้ผู้คนสังเกตเห็นว่าพวกเขานั้น ✴️สามารถยืนอยู่บนลำแข้งของตนเองได้✴️
มันมีความสมดุลที่จะต้องรักษาเอาไว้ (ระหว่างประชาชนกับรัฐบาล) แต่ดูเหมือนพวกเธอรู้จักแต่วิธีที่จะกระโดดจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วแค่นั้น
อย่างในกรณีนี้
⏺️เธออยากให้รัฐบาลต้องคอยดูแลจัดหาให้ทุกเรื่อง
⏺️หรือไม่ก็อยากจะล้มโครงการช่วยเหลือทั้งหมดของรัฐบาล รวมทั้งยกเลิกกฎหมายของรัฐไม่ให้เหลือภายในวันนี้พรุ่งนี้
N : ก็ใช่ครับ แต่ปัญหาคือ มีคนตั้งมากมายที่ไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ในสังคมที่มอบโอกาสทองให้แก่ผู้ที่มีใบผ่านทางที่ "ถูกต้อง" (หรือไม่ก็ต้องเป็นใบที่ไม่ "ผิด")
ผู้ซึ่งไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ในประเทศที่เจ้าของที่ดินไม่ยอมให้ครอบครัวใหญ่ทั้งหลายเช่ายืม บริษัทที่ไม่ยอมเลื่อนขั้นให้ผู้หญิงได้เติบโตในหน้าที่การงาน ความยุติธรรมที่มักขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นใครหรือมีสถานะอะไร การเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพเชิงป้องกันซึ่งถูกจำกัดไว้สำหรับผู้มีรายได้ที่สูงพอเท่านั้น และในที่ที่การกีดกัน การแบ่งแยก และความไม่เท่าเทียมกันเกิดขึ้นไปทั่วทุกหัวระแหง
G : รัฐบาลเลยต้องมาแทนที่จิตสำนึกของประชาชนอย่างนั้นหรือ❓
N : ไม่ใช่ครับ รัฐบาลนั่นแหละคือตัวแทนจิตสำนึกของประชาชน ประชาชนจะเสาะแสวงหา วาดหวัง และมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขความป่วยไข้ของสังคมผ่านทางรัฐบาล
G : พูดได้ดี แต่ฉันขอย้ำอีกครั้งว่า : เธอต้องระมัดระวังอย่าออกกฎหมายมารัดคอตัวเองเพื่อรับประกันโอกาสที่จะหายใจ❗
✴️ไม่มีทางที่เธอจะออกกฎหมายให้คนเป็นคนดีได้
✴️และก็ไม่มีทางที่เธอจะออกคำสั่งเพื่อให้เกิดความเสมอภาค
สิ่งจำเป็นในตอนนี้คือ :
🌟การยกระดับจิตสำนึกรวมหมู่ของผู้คน
💢ไม่ใช่การบีบบังคับผู้คนให้เกิดจิตสำนึกแบบรวมหมู่
พฤติกรรม (รวมทั้งกฎหมายและโครงการทั้งหมดของรัฐบาล) ต้องออกมาจากสิ่งที่เธอเป็น★ จะต้องเป็นภาพสะท้อนที่แท้จริงที่ออกมาจากตัวตนที่เธอเป็น (เธอคือใคร)
★สิ่งที่เธอเป็น คือ จิตวิญญาณ เพราะถ้าเข้าใจว่ามนุษย์คือรูปธรรมชีวิตที่มีเพียงกาย การออกกฎหมายและโครงการทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็มีไว้เพื่อปรนเปรอและสนับสนุนกายด้วยวัตถุเพียงเท่านั้น
 
แต่ถ้าเข้าใจว่ามนุษย์แท้จริงแล้วคือรูปธรรมชีวิตทางจิตวิญญาณ กฎหมายและโครงการทั้งหมดก็จะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตทางจิตวิญญาณแทน
 
ลองจินตนาการกันดูครับว่าถ้ากฎหมาย ข้อบังคับ และโครงการทั้งหมดบนโลกใบนี้มีไว้เพื่อสนับสนุนการวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณเท่านั้น โลกและมนุษย์จะเป็นอย่างไร?
1
~ แอดมิน
N : กฎหมายของพวกเราก็เป็นตัวสะท้อนตัวตนของพวกเราอยู่แล้วนี่ครับ❗ มันคือคำประกาศต่อทุกคนว่า "นี่คือวิถีแห่งอเมริกา นี่คือสิ่งที่ประเทศอเมริกาเป็น"
G : ในกรณีที่ดีที่สุดก็อาจเป็นอย่างนั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วกฎหมายของพวกเธอคือคำประกาศถึง 🔸สิ่งที่ผู้มีอำนาจคิดว่าพวกเธอควรเป็นแต่พวกเธอไม่ได้เป็น🔸
N : "ชนชั้นสูงไม่กี่คน" กำหนดเส้นทางให้กับ "ประชาชนผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวจำนวนมาก" ผ่านทางกฎหมาย...
G : ใช่เลย
N : แล้วมันผิดตรงไหนครับ❓
ถ้าหากคนที่ฉลาดและดีที่สุดซึ่งมีจำนวนน้อยในหมู่พวกเราจะมาดูแลปัญหาสังคมและปัญหาโลก รวมทั้งเสนอทางออก มันก็เป็นประโยชน์กับคนหมู่มากไม่ใช่หรือครับ❓
G : มันก็ขึ้นอยู่กับแรงจูงใจของพวกเขาด้วย รวมถึงความเข้าใจที่ชัดเจน แต่โดยทั่วไปแล้วไม่มีสิ่งใดจะทำประโยชน์แก่ "คนหมู่มาก" ได้เท่ากับ ✴️การปล่อยให้พวกเขาดูแลปกครองกันเอง✴️
N : อนาธิปไตย★ (Anarchy) ไม่มีทางได้ผลหรอกครับ
★อนาธิปไตย เป็นแนวคิดที่มีพื้นฐานความเชื่อที่ว่า กฎหมาย กฎเกณฑ์ หรือรัฐบาลทุกรูปแบบเป็นสิ่งเลวร้าย เพราะมีการจำกัดสิทธิส่วนบุคคล จึงสมควรที่จะต้องทำลายทุกรัฐบาลที่เป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ให้สิ้นซาก คำนี้มาจากคำว่า “anarchist” ของกรีกโบราณ แปลว่า “ไม่มีรัฐบาล”
 
ความต้องการของอนาธิปไตย คือการมีสังคมเฉพาะแบบที่อาศัยความร่วมมือจากประชาชนโดยสมัครใจ ในรัฐอนาธิปไตยจะไม่สนใจเรื่องประชาธิปไตย และจะมองว่าการปกครองส่วนใหญ่ที่เคยมีมาล้วนแล้วแต่มีลักษณะเกื้อหนุนคนรวยและชนชั้นปกครองเพียงเท่านั้น การปกครองที่ดีกว่าจึงควรเป็นการปกครองโดยประชาชนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และความสนใจของตน ไม่ต้องมีสถาบันการเมืองใดๆ
~ แอดมิน
G : เธอไม่อาจเติบโตและยิ่งใหญ่ได้ เมื่อเธอปล่อยให้รัฐบาลคอยบอกเธอให้ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา
N : ก็อาจพูดอย่างนี้ได้เหมือนกันว่ารัฐบาล (ซึ่งในที่นี้ผมหมายถึงกฎหมายที่เราเลือกขึ้นมาใช้เพื่อปกครองตัวเอง) คือภาพสะท้อนความยิ่งใหญ่ (หรือไม่ยิ่งใหญ่) ของสังคม ซึ่งสังคมที่ยิ่งใหญ่ก็จะออกกฎหมายที่ยิ่งใหญ่ออกมา
G : หรือออกมาให้น้อยเข้าไว้ เพราะกฎหมายแทบจะไม่ใช่`สิ่งจำเป็น`สำหรับสังคมที่ยิ่งใหญ่
N : แต่ว่าสังคมที่ไม่มีกฎหมายคือสังคมที่ล้าหลังและป่าเถื่อนนะครับ ใคร "มีกำลังหรือมีอำนาจ" ก็เป็นฝ่ายถูกไป กฎหมายคือความพยายามร่วมกันของมนุษย์ที่จะสร้างกรอบให้กับการแข่งขัน เพื่อรับประกันว่าสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นถึงจะได้รับชัยชนะ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเข้มแข็งหรือว่าอ่อนแอ ถ้าไม่มีแนวทางปฏิบัติที่พวกเราตกลงร่วมกันแล้ว พวกเราจะอยู่ร่วมกันได้ยังไง❓
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา