20 มี.ค. 2021 เวลา 06:55 • ศิลปะ & ออกแบบ
บันทึก วังเวียง-หลวงพระบาง ผ่านลายเส้น
สมุดบันทึก หรือ sketch book ของคนเรียนออกแบบ สถาปัตย์หรือศิลปะแขนงต่างๆ
สมุดเล่มนี้ วันนี้เพียงแค่คิดถึง ได้มาสักระยะจากคนรู้ใจใกล้ตัว จึงตั้งใจจะใช้เขียนงานให้ดี เริ่มด้วยการออกไปเที่ยววังเวียง - หลวงพระบาง เป็นเมืองสองเมืองที่ประทับใจในอาคารเก่าแก่ ร่วมยุคกับอาคารหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดอื่นๆของไทย หรือแม้กระทั่ง จอร์จทาวน์ ที่ผู้เขียนเคยไปมา (ปีนังและมะละกา มีระบบอาคารเก่า อนุรักษ์ และการอยู่ร่วมกันของชุมชน สร้างรายได้จากแหล่งท่องเที่ยว) หรือไกลหน่อยที่มีโอกาสเดินทางไปคือ บรูจน์ ประเทศเบลเยียม เมืองมรดกโลกอีกแห่ง ส่วนรัสเซียทั้งเซ็นปีเตอร์เบิร์กและมอสโคว แม้ว่าจะอาคารเก่าแก่หลายร้อยปีแต่ระบบเมืองต่างจากเมืองข้างต้นอย่างมาก ส่วนอังกฤษเคยสัมผัสแค่เคมบริจด์ ที่มีรูปแบบอาคารทั่วทั้งเมืองคงไว้หลายร้อยปีแต่ไม่มีระบบการจัดการเท่าเมืองอนุรักษ์ข้างต้นที่ผู้เขียนได้มีโอกาสเยือนเช่นกัน
วังเวียงช่วง ปี2560-2561 เรามีโอกาสไปพัก ณ บังกะโล เจ้าของเป็นคนไทย มาเปิดกิจการ มีกลุ่มวัยรุ่นแบกกระเป๋ามาพักเสมอ หรือช่วงนั้นเทศกาลปีใหม่ คนหมุนเวียนกันมา เมืองนี้แทบจะเป็นเมืองนักท่องเที่ยวที่รักการพจญภัยและธรรมชาติ ทั้วเมืองส่วนมากมีชาวเกาหลีใต้ และชาวตะวันตกอีกส่วน มาพักผ่อน
อาคารหลายแห่งมีการก่อสร้างแบบอิงแอบธรรมชาติ หรือโรงแรมสร้างใหม่ บริการกิจกรรมต่างๆเกิดขึ้นมากมาย มีระบบขนส่งที่แปลกดีในความคิดของผู้เขียน
อากาศกลางหุบเขา ตอนเช้ามีหมอกคอยโลมเลียยอดภู ทิวเขาไม่สลับซับซ้อนแต่ชื้นตลอดเวลา กลางวันอุณหภูมิสูงแต่พออยู่ได้ ส่วนกลางคืนหนาวเย็น โดยเฉพาะยามดึกจนรุ่งสาง แต่แทบทั้งวันมีฝนพรำ ได้บรรยากาศสลัวปนเศร้า ตัดกับการท่อวเที่ยวที่อึกทึก
สองทางจากวังเวียง มาหลวงพระบางที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศนี้ ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษ เพราะบางช่วงเป็นทิวเขาสลับสีคล้ายต่างแระเทศแถบยุโรปที่เคยไป ยิ่งเดินทางนานขึ้นเรายิ่งเข้าใกล้ทิวเขาสลับจนถึงทางคดเคี้ยวที่มีเมฆเป็นฉากหลังด้านข้างคือเหว เรามีปัญหากับเส้นทางเล็กน้อยเพราะความชัน ดินโคบนจากฝนตกหนักเมื่อคืน รถหลายคันต้องจอดเพื่อช่วยดึงฉุด
กลายเป็นความเครียดของคนขับ ความกังวลต่อความปลอดภัย รถจอดนานมากจนแถวยาว สุดท้ายมีการทดลองต่างๆ พันล้อด้วยวัสดุ เราและผู้ร่วมชะตาในรถตู้โดยสารที่เป็นหนุ่มเกาหลีอีกสามคนช่วยกันนั่งแล้วขย่มรถเป็นจังหวะตามคนขับที่สำเนียงจีนปนลาว สามารถสื่อสารกันได้ จนรถขึ้นยอดเขาสำเร็จ ด้วยความมีน้ำใจของคนขับและรถคันอื่น เราจอดรอ แบะเกิดการร่วมมือแบบสหประชาชาติ รวมกันเึงฉุดรถคันอื่นที่มาร่วมชะตาบนถนนสายนี้ จนทุกคนขึ้นเขาด้วยดี จึงมีห้วงเวลาดื่มด่ำความงามของธรรมชาติ
เราถึงหลวงพระบาง บรรยากาศคล้ายสุโขทัยมากในความคิดผู้เขียน เพราะพบเจดีย์และหมู่ดงตาล ที่พักมีหลายแบบ อาคารก็มีให้เลือก แต่รสชาติขอไม่กล่าวถึง
เราทำกิจกรรมเดินชมตามแหล่งน่าสนใจ หรือการลงเรือไปชมหมู่บ้านตามโปรแกรมนักท่องเที่ยว
แต่สิ่งที่ยิ่งอยู่ที่นี่นาน ยิ่งรู้สึกชอบคือ การเดิมชมตึก เมืองเก่า สมัยอาณานิคม ที่ยังหลงเหลือ
พร้อมกับวัดคู่บ้านคู่เมือง หรือการชุมนุมของนักท่องเที่ยวบนยอดเขาเพื่อหาจุดดูพระอาทิตย์ตกดิน คุณต้องมาจองที่ บางคนต้องปีนป่ายเพื่อชมความงามคล้ายการสะกดจิตหมู่ พิลึกแต่รู้สึกตื่นตา
ศิลปะที่นี่มีความรับอิทธิพลมาจากพื้นราบ แม้กระทั่งอาหารหรือสินค้าต่องนำเข้า ราคาค่าครองชีพจึงสูง แต่ศิลปะกระจกสีสวยงาม น่าสนใจ
อาคารหลายหลังมีความสมบูรณ์ และถูกดัดแปลงให้ใช้งานทั้งจากรัฐหรือทำธุรกิจของเอกชน
ตลาดยามเช้าหลังตักบาตรข้าวเหนียวที่พระท่านเดินมาเป็นสาย มีธุรกิจให้ซื้อที่และกระติ๊บข้าวเหนียว รวมถึงขนมแบบซอง ส่วนกับชาวบ้านพื้นที่จะตามไปใส่ที่วัด กลายเป็นวัฒนธรรมและธุรกิจของคนที่นี่จากวิถีชีวิต ทั้งน่าประทับใจปนสงสัยและเศร้า
กิจกรรมปั่นจักรยานเช่าก็สนุก แม้ว่าบางครั้งจักรยานที่เช่ามีขนาดใหญ่โตกว่าสรีระของคนไทย เพราะน่าจะเพื่อชาวต่างชาติ หรือการดูหนังกลางแปลงกับคนที่นี่ก็ได้ความรู้สึกย้อนยุค
ตลาดกลางคืนคล้ายถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆทั้งทางเหนือและชายฝั่งทะเลของไทย มีสินค้าส่วนมากนำเข้ามาเพราะเมืองนี้เป็นเมืองกลางหุบเขา
อาหารเช้า ประทับใจข้าวจี่ที่ใช้ข้าวเหนียวปิ้งแล้วทาเคลือบด้วยไข่หอมๆ ต้องรีบกินตอนร้อนๆ จนทุกเช้าต้องชวนออกมาด้วยความอยากกิน หรือสินค้าสดที่นี่น่าดูชม คล้ายตลาดชนบทที่มีความงามของแผงไม้ การห่อด้วยใบตอง ใบไม้ต่างๆ ของป่า อาหารพื้นบ้าน ปลา แมลง ผลไม้ที่ไม่เคยพบ ถ้าชอบการถ่ายภาพคงได้บรรยากาศที่งดงาม
อยากกลับไปอีกครั้ง ตำส้มแบบหลวงพระบาง ก็แปลก แม้ว่าผงชูรสจะจัด แต่ก็เผ็ดและแซ่บนัว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา