21 มี.ค. 2021 เวลา 13:00 • บันเทิง

เรื่องเล่าที่ 3 : ลิฟท์ตึก B

ผมเป็นนิสิตคณะ IT (มหาวิทยาลัยทางภาคอีสาน ที่มีมอเก่ากับมอใหม่) ถ้าเป็นคนรุ่น 4-5 ปีก่อน อาจจะพอทราบว่าตึกเดิมของคณะ IT คือตึก B ในปัจจุบันนั่นเอง
เหตุการณ์ได้เริ่มขึ้นช่วงซัมเมอร์เมื่อ 3-4 ปีก่อน ช่วงนั้นห้อง B 100 เปิดให้บริการคอมพิวเตอร์ฟรีเเละเปิดวิชาเลือกเสรีขึ้น มีการสอนทั่วไป เเละต้องการให้นิสิตช่วยงานช่วงซัมเมอร์ โดยให้ค่าตอบเเทนเป็นการจ้างงาน เเล้วนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยอง
ผมอยู่ปี 2 รู้สึกสนใจเเละได้สมัครเข้ามาช่วยงาน เพราะตัวเองก็มีความรู้ด้านนี้ เลยอยากมาหาประสบการณ์ ผมกับพี่เจ้าหน้าที่ช่วยกันฝึกสอนนิสิตทั่วไป ซ่อมคอม เปิดโปรเจคเตอร์ ไมโครโฟน ฯลฯ
เเล้วเรื่องสยองก็เกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง วันนั้นผมเลิกค่ำเพราะอยู่ช่วยงานอาจารย์จนมืด ก่อนกลับผมนั่งรอเพื่อนมารับอยู่หน้าตึกเลยได้นั่งคุยกับยามคนนึง เเกทักผมมาเเต่ไกลเลยว่า “เฮ้ย ไอ้หนุ่ม กลับดึกไม่กลัวผีเหรอ” ผมนี่สะดุ้งเลยครับ ฟ้าก็มืดเเล้ว ฝนยังมาตกอีก ลุงก็ทักไม่เข้าเรื่องเล้ยยย
ผมตอบกลับไปว่า “ผีเผอที่ไหนลุง อย่ามาอำผมดิ ผมกลับดึกนะบางวัน” พูดเเล้วก็เหมือนย้อนใส่ตัว ลุงเเกก็เริ่มเล่า เเกบอก “รู้ใช่มั้ยว่าตึกเราอ่ะมีลิฟท์” ผมก็ตอบเเกกลับไปว่า “อ่อ รู้ครับลุง” พูดถึงตรงนี้ บางคนที่ไม่รู้จริง ๆ ก็มีนะครับว่าตึก B มีลิฟท์ เเล้วเเกก็เล่าให้ฟังว่า
“ที่นั่นอ่ะมีนิสิตหญิงเสียชีวิตคาลิฟท์ เรื่องมันเกิดตอนปิดเทอมซัมเมอร์เเบบนี้เเหละ นิสิตหญิงคนนั้นเข้าลิฟท์ตอนเย็น เเล้วตอนนั้นมันเป็นช่วงปิดเทอม รปภ เเกเลยไปปิดไฟตึกเเล้วไม่รู้ว่ามีคนติดอยู่ในลิฟท์ เเล้วนิสิตที่ติดอยู่ในลิฟท์กว่าจะมีคนมาพบก็ตอนเปิดเทอม ศพนี่เน่าจนเเห้งเลยเเหละ”
พอได้ฟังผมนี่ถึงกับต้องอุทานในใจว่า เหี้ย ! ลุงเล่นกูเเล้ว เเม่ง เเล้วสักพักเพื่อนผมก็มารับ
เหตุการณ์ทุกอย่างยังดูปกติ จนมาถึงสุดสัปดาห์ วันนั้นเป็นวันศุกร์บวกกับช่วงนั้นฝนตกเเรง เเรงจนทำให้เพดานชั้นบนสุดของตึกรั่ว น้ำไหลทะลักเข้าท่วมคอมชั้นบนเสียหาย นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ตึก IT ต้องไปสร้างใหม่มั้ง เเล้วคือผมต้องเป็นคนขึ้นไปทดสอบอุปกรณ์ที่ใช้ได้ทั้งหมด 3 ห้อง ซึ่งมีร้อยกว่าเครื่องเพียงคนเดียว ผมเร่งมือทำตั้งเเต่เช้าเพื่อที่จะไม่ให้เสร็จค่ำ เเต่สุดท้ายก็ค่ำจนได้
เหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นก็มาถึง ด้วยความที่ทำงานไม่หยุดทำให้กลั้นปัสสาวะไม่ไหวเเล้วเลยต้องไปเข้าห้องน้ำ ห้องที่ผมทำงานจะอยู่ตรงข้ามกับลิฟท์ พอเห็นผมก็นึกถึงเรื่องที่ลุงเล่าเเล้วมาคิด ๆ ดูระหว่างที่ปัสสาวะอยู่ ผมก็นึกเเปลกใจอยู่ เพราะลิฟท์ตัวนั้นไม่ค่อยมีคนใช้ เเล้วบางคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีลิฟท์ พอคิดไปคิดมาก็ต้องสะดุ้ง อยู่ ๆ ก็มีเสียงกดชักโครกดังมาก ผมก็คิดในใจว่าดึกขนาดนี้เเล้วยังมีคนไม่กลับอีกเหรอวะ เวลาตอนนั้นก็ประมาณ 2-3 ทุ่ม ได้
1
ด้วยความที่กลัว ผมก็ถอยหลังกลับอย่างไว ถึงกับลื่นล้มคะมำกับน้ำที่นองบนพื้น ผมคลานออกจากห้องน้ำเเล้วรีบวิ่งไปที่ห้องทำงาน เเล้วสายตาก็เหลือบผ่านไปทางหน้าลิฟท์พอดี เห็นลิฟท์เปิดอ้าอยู่ มีเงาคนดำ ๆ ยืนอยู่ด้วย ขนผมนี่ลุกซู่ไปทั้งตัวเลย ไม่เเน่ใจว่าตาฝาดหรือเปล่า ผมรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าในห้องเเล้ววิ่งไปที่บันได ไฟในห้องก็ไม่ได้ปิด กุญเเจก็ไม่ได้ล็อก เเล้วก่อนลงบันไดมันจะต้องหันหน้าเข้าลิฟท์ เเต่ผมเตรียมใจไว้เเล้วว่าจะไม่ลืมตา กะวิ่งชนกำเเพงบันไดเเล้วม้วนตัวกลับเลย
พอเริ่มก้าวเท้าได้ เสียงลิฟท์ก็ดัง ติ๊งหน่อง แล้วเหมือนมันเป็นสัญชาตญาณ ผมเลยหันไปที่เสียงลิฟท์ที่ดังขึ้น สมองสั่งให้เบือนหน้าหนี แต่ตาก็ยังมองไปที่ประตูลิฟท์ ผมยังไม่ลืมเงามืดที่เห็นตอนวิ่งออกจากห้องน้ำนะครับ
พอลิฟท์เปิดออกมาช้า ๆ วินาทีนั้นผมบอกเลยว่ากลัวเเทบก้าวขาไม่ออก มองไปก็เห็นเท้าก้าวออกมา เป็นคนผอม ๆ เหมือนคนเเก่ ตรงฝั่งลิฟท์มันจะมืดทำให้มองเห็นไม่ค่อยถนัด เเต่ก็พอทำให้รู้ว่าเป็นชายเเก่หลังค่อม ตัวผอม ๆ เดินออกมาจากลิฟท์ จากความกลัวก็กลายเป็นความสงสัย เพราะไม่น่าจะใช่ผี
เเล้วก็มีเเสงของไฟฉายส่องมาทางผม เป็นลุงยามนั่นเองครับ เเกตะโกนมาว่า “เอ้า ยังไม่กลับอีกเหรอ มิน่า ลุงนึกว่าใครมาเปิดไฟทิ้งไว้ดึก ๆ ดื่น ๆ ลุงเลยขึ้นมาดู” ได้ยินเเบบนั้นผมนี่โล่งอกสุด ๆ ไปเลยครับ นึกว่าจะต้องเจออะไรสยอง ๆ อีกเเล้ว ผมเลยบอกลุงเเกไปว่าผมจะกลับก่อน ไม่มีกระจิตกระใจทำงานต่อเเล้ว เเล้ววันนั้นก็ผ่านไป
วันต่อมาผมยังไม่หายหลอนเลยครับ วันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ประจำตึก B คนนึง ผมเป็นลูกน้องเเก เเต่ผมจำชื่อเเกไม่ได้จริง ๆ จำได้เเค่ว่าเเกจะออกไปเป็นผู้จัดการบิ๊กซีสาขาขอนเเก่นมั้งถ้าจำไม่ผิด เเกเป็นลูกจ้างชั่วคราว วันนั้นเเกเลยขอกลับเร็วกว่าปกติ ฝากให้ผมดูเเลต่อด้วย
ก็เช่นเคยครับ ผมต้องกลับขึ้นไปทำงานที่ชั้นบนเหมือนเดิม เเต่คราวนี้ผมไม่ลืมเอาพระคล้องคอไปด้วย ยังไงก็ต้องอุ่นใจไว้ก่อน อ่อ ลืมบอกครับว่าที่พี่เจ้าหน้าที่ขอกลับก่อนเพราะเดี๋ยวตอนเย็นมีเลี้ยงส่งที่ร้านเหล้า เเกจะกลับไปพักผ่อนก่อน เพราะคืนนี้อาจยาว
ผมก็ทำหน้าที่ของผมต่อไปเหมือนเคย จวบจนเวลา 3 ทุ่ม เสียงลิฟท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เเต่ครั้งนี้ผมไม่ตกใจเเล้วนะครับ เพราะผมคิดว่าน่าจะเป็นลุงยามเเวะมาทักทาย ผมมองออกไปนอกห้องก็เห็นเป็นลุงเเกจริง ๆ ด้วย
ตอนนั้นประตูห้องผมเปิดอยู่ ผมเลยตะโกนไปว่า “ลุง ขึ้นมาปิดไฟเหรอ เดี๋ยวผมปิดเอง งานใกล้เสร็จเเล้วครับ” เเต่ดูเหมือนว่าวันนี้ลุงเเกมาเเปลก ไม่เห็นเปิดไฟฉาย เพราะฝั่งเเกมันมืด ส่วนฝั่งผมมันสว่าง เเล้วเเกก็ตะโกนกลับมาว่า “อ่อ ไอ้หนุ่มเหรอ เออ ๆ ปิดไฟด้วยนะก่อนกลับ” ผมก็ตะโกนบอกครับ ๆ ไป เเอบบ่นในใจว่าอะไรนักหนา ก็เราปิดของเราเองทุกวันอยู่เเล้ว ก็ตามประสาวัยรุ่นเเหละครับ ไม่ได้คิดอะไร
หลังจากนั้นผมก็ทำงานของผมไปเรื่อย ๆ เสร็จเกือบ 3 ทุ่มครึ่ง ระหว่างที่ผมทำงานก็เห็นลุงเเกเดินไปเดินมาอยู่เเถวลิฟท์ ก่อนผมจะกลับ เห็นลุงเเกยังไม่กลับเลยถามไปว่า “ลุง ลุงหาอะไร” ลุงเเกก็ตอบกลับมาว่ากำลังหาสวิทซ์ไฟ ด้วยความที่ผมไม่ได้สนใจอะไรเพราะอยากจะรีบไปกินเหล้า ผมเลยรีบเดินลงไปข้างล่าง เเต่ปรากฏว่าประตูทั้งข้างหน้าเเล้วก็ข้างหลังล็อกหมดเเล้วครับ พอดีผมมีกุญเเจของเจ้าหน้าที่อยู่เลยไขออกไปได้ ผมนึกถึงลุงยามว่าเเกคงมีกุญเเจของเเกเองเเหละ ไม่งั้นจะเข้ามาได้ไง ผมเลยรีบไปร้านเหล้าที่นัดกับพี่ไว้
ถึงร้านเหล้าก็พูดคุยเฮฮากันตามประสา ผมที่นึกถึงลุงยามขึ้นมาได้ก็พูดออกไปว่า “เซ็งลุงยามจริง ๆ ชอบทำให้ตกอกตกใจอยู่เรื่อยเลย” ทันทีที่ผมพูดจบ ทั้งกลุ่มก็พากันเงียบเเล้วถามว่า “ลุงยามไหน” ผมก็ตอบไปว่า “ลุงยามที่อยู่หน้าตึกเราไง”
เเล้วพี่ผมก็ถามต่อว่า “เเกไปทำไรให้วะ” ผมก็ตอบไปว่า “ก็เเกขึ้นมาที่ห้องที่ผมทำงานอยู่เเบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมนี่สะดุ้งเลย” พี่ผมก็บอกอีกว่า “ตอนออกไป พี่เป็นคนล็อกประตูหน้าตึก เเล้วเเกขึ้นไปได้ไงวะ” ผมเลยบอก “เเกคงมีกุญเเจของเเกมั้ง” เท่านั้นเเหละทุกคนก็ซุบซิบกันเเบบเเปลก ๆ ผมเลยถามไปว่ามีไรกันพี่ พี่ก็พูดมาว่า
“ตั้งใจฟังนะนนท์ ลุงยามเค้าไม่มีกุญเเจกันนะ ความรับผิดชอบของตึกเป็นของพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ รปภ ไม่มีสิทธิ์เข้าไปข้างใน เค้าจะไม่มีกุญเเจ เค้าจะนั่งอยู่เเค่ข้างหน้า”
ได้ยินดังนั้นผมก็สะอึกทันที ผมเลยพูดไปว่า “อย่ามาอำผมน่าพี่” พี่ผมเลยถามต่อว่า “เเล้วรูปร่างหน้าตาลุงยามเเกเป็นไง” ผมก็บอกไปว่าผอม ๆ คล้ำ ๆ เท่านั้นเเหละพี่ผมก็สวนขึ้นมาทันที “นั่นไงโดนเเล้ว กูว่าโดนเข้าให้เเล้ว” “โดนอะไรพี่ พี่อย่าอำผมน่า” เเล้วพี่ผมก็บอกว่า
“ตั้งใจฟังนะ รปภ เราไม่ได้ตัวผอม เเล้วก็ไม่มีกุญเเจเข้าตึกด้วย ลุงที่พูดถึงอ่ะน่าจะเป็นคนเดียวกับที่ขังนิสิตหญิงไว้ในลิฟท์หรือเปล่าวะ ได้ข่าวครั้งสุดท้ายก็ตอนเเกพบศพนิสิตคนนั้น เเกเเทบช็อกเลย เเล้วเเกก็ไม่มาทำงานอีกเลย บางคนได้ข่าวว่าเเกผูกคอตายที่บ้าน เเต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่องจริงเพราะมันนานมาเเล้ว”
1
เท่านั้นเเหละผมนี่ขาอ่อนเข่าทรุดกันเลยทีเดียว อยากจะร้องไห้ซะตอนนั้น คิดในใจว่าเเล้วคนที่เราคุยอยู่นั่นคนหรือผีวะ ผมก็ยังไม่มั่นใจเลย ผมเลยบอกพี่เค้าไปว่า “เเกก็เเค่ขึ้นมาหาสวิทช์ปิดไฟนะพี่” เเล้วพี่ในกลุ่มคนนึงก็สวนขึ้นมาเลยว่า “นั่นเเหละ มีบางคนก็เคยเจอ บอกว่าเเกพยายามจะเปิดไฟเพื่อให้ลิฟท์เปิดออกมา เพื่อที่จะช่วยนิสิตหญิงคนที่ถูกขังไว้ในลิฟท์”
1
ผมฟังเเล้วน้ำตาร่วงเลย ตอนนั้นมันกลั้นไว้ไม่ไหวเเล้วจริง ๆ กับเรื่องที่เพิ่งเจอ ผมจำได้ว่าผมรีบดื่มให้หนักเพื่อที่จะได้หลับไปเลย จนพวกพี่ ๆ ต้องพากันหามผมไปส่งห้องเลยทีเดียว
หลังจากวันนั้นผมก็ลายาวเลย 3-4 วัน เพราะใกล้จะเปิดเทอมเเล้ว ผมยังทำใจที่จะกลับไปตรงนั้นไม่ไหว
เรื่องราวทั้งหมดผมยังจำได้ฝังใจจนถึงทุกวันนี้อยู่เลยครับ ถ้ามีใครมาชวนผมผ่านหรือเฉียดเข้าไปใกล้เเถวนั้น ถึงจะจ้างผมก็ไม่ไปครับพูดตรง ๆ เลย เเล้วตอนนี้เค้าก็มีตึกใหม่เเล้ว ดูไฮโซ มีลิฟท์เเก้ว

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา